5 เม.ย. 2023 เวลา 10:39 • กีฬา

สิงห์ไม่คม หงส์ไร้จินตนาการ หลังเกม 0-0

จบไปแล้วกับเกมกลางสัปดาห์ระหว่างเชลซีและลิเวอร์พูล สำหรับผมเกมนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่สนุกและทำให้เราเพลินกับการดูมาก ๆ เพราะทั้งสองทีมต่างเปิดเกมแลกกันตลอดเวลา ถึงแม้ถ้าเรามองดูเรื่องประสิทธิภาพนั้น คงต้องเรียนกันตามตรงว่าแย่ทั้งคู่ เราไม่ได้เห็นการวางแท็คติกที่ฉานฉลาดจากทั้งสองทีมเลย
แต่โดยรวมแล้ววันนี้เชลซีดูดีกว่าลิเวอร์พูลค่อนข้างมาก ด้วยแดนหลังและแดนกลางที่มีความสมดุลมากกว่า
ในแดนหลังถ้าเปรียบเทียบทั้งสองทีม เราคงเห็นได้ชัดเลยว่ากองหลังของเชลซีมีความแน่นอนมากกว่า โดยเฉพาะโฟฟาน่าที่เล่นได้อย่างเหนียวแน่น ประกบดาร์วิน นูเญซได้อย่างอยู่หมัดและทำสถิติเข้าปะทะสำเร็จ 100 เปอร์เซ็นจากการเข้าบอลทั้งหมด 8 ครั้ง นอกจากนั้นยังสามารถตัดบอลได้มากถึง 5 ครั้ง ซึ่งถือว่าโดดเด่นมาก ๆ นอกจากโฟฟาน่าที่โดดเด่น กองหลังอีกสองคนอย่างคูลิบารี่และคูคูเรย่าก็สามารถเล่นได้ดีเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะคูคูเรย่าที่แก้ตัวได้จากนัดก่อนที่ก่อความผิดพลาดจนเสียประตู
แต่ทั้งนี้ที่เกมรับของลิเวอร์พูลดูแย่ในเกมนี้อาจเพราะเสียกองหลังตัวหลักอย่างเวอร์จิล ฟาน ไดจ์คจากอาการป่วยและยังพักทั้งโรเบิร์ตสันและอเล็กซานเดอร์ อาโน จึงทำให้เกมรับไม่ลงตัว เห็นได้ชัดจากการที่เชลซีได้หลุดไปดวล 1-1 กับอลิซงบ่อยมาก และมีหลายครั้งที่การเข้าบอลดูไม่เข้าใจกัน จึงทำให้ทีมดูเหมือนจะโดนยิงตลอดเวลา
ลองมามองแดนกลางกันบ้าง วันนี้เชลซีจัดชุดกองกลางที่ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ลงมา นำโดยเอ็นโซ เฟร์นานเดซที่เล่นเป็น Deep-lying playmaker คอยแก้บอลที่โดนเพลสเข้ามาและเปิดบอลจากแดนหลังไปแดนหน้า โดยมีโควาซิสและกองเต้มาเล่นเป็น Box to Box เป็นตัวพละกำลังวิ่งช่วยทีมทั้งเกมรับและเกมรุก
ส่วนในด้านของลิเวอร์พูลก็จัดกลางมา 3 คนชนกับเชลซี มีฟาบินโญ่เล่นเป็นกองกลางตัวรับและมีเฮนเดอร์สันและโจนส์คอยเป็น Box to Box คอยวิ่งเพลสตามสไตล์ของคล็อป
พอกลางของทั้งสองทีมมาปะทะกัน เราจะเห็นได้ชัดเลยว่ากองกลางของเชลซีเล่นได้ดีกว่ามาก ทั้งการแก้เพลส,จ่ายบอล หรือช่วยเกมรับ
โดยเฉพาะเอ็นโซ ที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม คอยแก้เกมเพลสของลิเวอร์พูลและจ่ายบอลให้ทีมได้เล่นเกมรุกสวย ๆ อยู่หลายครั้ง โดยเขามีสถิติจ่ายบอลสำเร็จ 86 เปอร์เซ็น เสียบอลน้อยมาก ๆ แต่ทั้งนี้อาจเป็นเพราะกองกลางของลิเวอร์พูลปล่อยให้เขาเล่นง่ายไปด้วย ไม่มีตัวประกบตัวต่อตัวหรือยืนโซนให้เอ็นโซเล่นยากเลย จึงทำให้เชลซีมีเกมที่ค่อนข้างจะไหลลื่นมากกว่า
อีกทั้งBox to Box ทั้ง 2 คนก็เล่นได้ยอดเยี่ยม เสียบอลยากและเติมเกมรุกได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะกองเต้ที่เล่นได้ดีเหมือนเก่า ไม่เหมือนคนที่เจ็บไป 7 เดือนเลย
ส่วนโควาซิสก็เล่นได้ดีตามมาตราฐานของเขาทั้งการเอาตัวรอดในพื้นที่แคบ ๆ และการลงมาช่วยเอ็นโซในการแก้เพลส แต่ติดอย่างเดียวคือการยิงประตู ถึงแม้หลัง ๆ จะมีลูกยิงสวย ๆ มาให้เห็นบ้างแต่ถ้าดูจริง ๆ แล้วโควาซิสเป็นคนที่ยิงประตูได้แย่มาก ๆ แต่คนเรามีจุดเด่นก็ต้องมีจุดเสียเป็นธรรมดา
ส่วนกองกลางลิเวอร์พูลในวันนี้ ถือว่าแย่มาก โดยเฉพาะโจนส์ที่เสียบอลอยู่บ่อยครั้ง ส่วนเฮนเดอร์ซันก็ดูหายไปจากเกมเลย ทำอะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน อีกทั้งกองกลางตัวรับอย่างฟาบินโญ่ก็ไม่สามารถคุมเกมหรือตัดบอลสวย ๆ ได้เลย ถ้าเรามองโดยรวมแล้วกองกลางลิเวอร์พูลวันนี้ถือว่าสอบตกเลยก็ว่าได้ พวกเขาไม่สามารถคุมเกมได้เลย อีกทั้งยังเสียบอลอยู่บ่อยครั้งจนกองหลังเจองานยากอยู่หลายต่อหลายครั้ง
เราพูดถึงกองหลังและกองกลางไปแล้ว ถ้าเราไม่พูดถึงกองหน้าก็คงเป็นไปไม่ได้ ถ้าให้นิยามเกมรุกของทั้งสองทีมในวันนี้คงได้คำว่า วิกฤต แต่เป็นวิกฤตที่ต่างกัน
วิกฤตของลิเวอร์พูลคือการสร้างสรรค์โอกาส วันนี้ลิเวอร์พูลสร้างโอกาสได้น้อยมากยิงไปทั้งหมด 7 ครั้งแต่แทบไม่มีโอกาสที่น่ากลัวเลย โอกาสที่ควรได้มากที่สุดคือการยิงของฟาบินโญ่ที่ได้โอกาสยิงจากลูกเตะมุมแต่โดนโฟฟาน่าเคลียร์ไปได้ แต่นอกจากโอกาสนี้ไม่มีครั้งไหนเลยที่คุกคามเชลซีได้
โดยการสร้างสรรค์เกมรุกลิเวอร์พูลในวันนี้ ส่วนใหญ่คือการโยนยาวไปให้นูเญซเล่นใช้ความใหญ่และควาเร็วในการเอาชนะคู่ต่อสู้ แต่ก็ทำได้ไม่ดีหนักและโดนรุม 2-1 อยู่บ่อยครั้งจนเกมรุกของทีมหงส์แดงเงียบกริบไปเลย ส่วนเฟอร์มิโน่ที่เล่นในตำแหน่ง False 9 ก็ทำได้ไม่ดีหนัก โดนคูลิบารี่ประกบเป็นเหงาจึงทำให้ไม่สามารถสร้างสรรค์อะไรได้ และด้วยกองกลางที่เป็น Box to Box ที่เน้นในพละกำลังไม่มีตัวจ่ายบอล จึงส่งผลให้เกมรุกของทีมหงส์แดงยิ่งไร้จินตนาการเข้าไปใหญ่
ส่วนวิกฤตของเชลซี ทุกคนคงรู้กันอยู่แล้วคือการจบสกอร์ ซึ่งเป็นปัญหาของเชลซีในฤดูกาลนี้ โดยเล่นไป 29 นัดยิงได้ 29 ประตู ถือว่าน้อยมาก ๆ และเป็นเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้เชลซีอยู่อันดับที่ 11 อยู่ ณ ขณะนี้
และในนัดนี้ก็เช่นกัน เชลซีมีโอกาสมากมายในการที่จะยิงขึ้นนำลิเวอร์พูล แต่กับทำไม่ได้ โดยเชลซียิงเข้ากรอบเพียง 3 ครั้งจากโอกาสยิง 12 ครั้ง ถือว่าน้อยมาก ๆ และโอกาสแต่ละครั้งที่ยิงก็ไม่เน้นกัน โดยเฉพาะลูกหลุดเดียวของโควาซิสและฮาแวทซ์ที่ยิงออกไปอย่างน่าผิดหวัง
แต่ถ้าพูดถึงฟอร์มการเล่น ก็ต้องบอกว่า เกมรุกของเชลซีดูโดดเด่นกว่าลิเวอร์พูล โดยเฉพาะ ชูเอา ฟิลิกซ์ ที่เล่นกับบอลได้เนียนตามาก ๆ เลี้ยงเอาชนะคู่แข่งได้ 5 ครั้ง จากความพยายาม 6 ครั้ง แต่ถึงอย่างงั้นพอมาถึงจังหวะสุดท้ายก็ยิงไม่ค่อยเน้น จนทำให้เสียของอยู่หลายครั้ง เช่นเดียวกันกับฮาแวทซ์ที่มีการวิ่งทำทางที่ดีจนได้โอกาสยิงดี ๆ อยู่หลายครั้งแต่ก็ทำได้น่าผิดหวังทุกครั้ง จนแฟนบอลต่างเอามือก่ายหน้าผากกันเป็นแถว
ด้วยความห่วยของเกมรุกทั้ง 2 ทีมจึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกมนี้จบด้วยสกอร์ 0-0 แต่ถึงอย่างงั้น ถ้าถามผมด้านภาพรวมเกมนี้เป็นเกมที่ดูตอนตี 2 แล้วไม่ง่วงเลย บอลเดินทางกันค่อนข้างไว แต่ก้ปวดหัวทุกครั้งที่เชลซียิงกันออกแบบไม่เน้นและลิเวอร์พูลที่สร้างโอกาสได้น่าผิดหวัง
ถึงอย่างงั้นเกมนี้ก็เป็นเกมที่ผมเอนจอยกับการดูมากเลยทีเดียว แต่ก็หวังว่าทั้ง 2 ทีมจะดีขึ้นและแก้ปัญหาของทีมให้ได้ เพราะผมอยากเห็นสองทีมนี้กลับมาสู้กันด้วยคุณภาพอีกครั้งอย่างที่เคยเป็นมา ก็ได้แต่หวังว่ามันจะเกิดขึ้นนะครับ
โฆษณา