6 เม.ย. 2023 เวลา 07:39 • ประวัติศาสตร์

Tiger 1 หนึ่งในรถถังหลักเรื่องชื่อของกองทัพ นาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2

จุดเริ่มต้นของการพัฒนารถถังรุ่นนี้ต้องย้อนกลับไปช่วงปี 1937 มีการเริ่มต้นการออกแบบรถถังหนักขึ้น ถึงแม้ว่าในช่วงนั้นทางเยอรมันจะมีรถถังอย่าง PzKpfw III และ IV จะเพียงพอสำหรับการรบที่กำลังจะมาถึง
จนกระทั้งในวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1941 ทางเยอรมันเปิดฉากปฏิบัติการบาร์บาร็อสซา การรุกรานสหภาพโซเวียต แต่เมื่อเผชิญหน้ากับรถถังอย่าง T34 และ Kv-1 ทำให้กองทัพเยอรมันตกตะลึงอย่างมาก เนื่องจากรถเหล่านี้ทนทานต่อปืนของรถถังและ ปืนต่อต้านรถถัง หรือเรียกได้ว่าไม่มีอาวุธอะไรของกองทัพบกเยอรมันสามารถทำอะไรมันได้เลย
รถถัง T34 และ KV1
จนได้ให้สองบริษัทอย่าง ปอร์เช่และเฮนเชล ทำการปรับสเปคการออกแบบรถถังหนักใหม่ให้มีน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นเป็น 45 ตัน และขนาดลำกล้องปืนเพิ่มขึ้นเป็น 88 mm
โดยกำหนดวันส่งต้นแบบเอาไว้ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 1942 ซึ่งเป็นวันเกิดครบรอบ 53 ปี ของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์
วันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 1942 ทั้งสองบริษัทส่งรถถังต้นแบบให้ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ โดยการออกแบบของ เฮนเชล ได้รับการยอมรับ เนื่องจากรถต้นแบบของปอร์เช่มีปัญหาใช้ระบบส่งกำลังแบบเบนซิน-ไฟฟ้า ซึ่งต้องใช้ทองแดงจำนวนมากสำหรับการผลิตชิ้นส่วน ซึ่งเป็นวัสดุที่เยอรมนี้มีอยู่จำกัด
รถถังต้นแบบของปอร์เช่และเฮนเชล
การผลิตเริ่มต้นในเดือน สิงหาคม ค.ศ. 1942 โดยให้ชื่อว่า Panzerkampfwagen VI หรือ Tiger I (H) ที่เรารู้จักกันนี่เอง
การออกแบบของรถถัง Tiger แตกต่างจากรถถังเยอรมันรุ่นก่อนๆ ที่เน้นความคล่องตัวและอำนาจการยิง ที่สมดุลกัน ในขณะที่รถถังคันนี้มีน้ำหนักมากกว่ารถรุ่นก่อนถึงสองเท่า เพราะ เกราะที่หนาขึ้น ปืนหลักที่ใหญ่ขึ้น ที่เก็บกระสุนและเชื้อเพลิงที่มากขึ้น และ เครื่องยนต์ก็ต้องใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับน้ำหนักของตัวรถด้วย
สเปคของตัวรถ
  • 1.
    ตัวรถติดตั้งปืนหลักขนาด 88 mm KwK 36 L/56 โดยกระสุนที่ใช้ PzGr. 39 (เจาะเกราะ, หุ้มเกราะ, ปลอกกระสุน ) , PzGr. 40 ( เจาะเกราะ, คอมโพสิตแข็ง ) ,ฮ. กรัม 39 ( ต่อต้านรถถังระเบิดแรงสูง ) และ sch. สปริงเกอร์ แพท L/4.5 ( กระสุนเพลิง )
  • 2.
    เกราะส่วนหน้าหนา 100 มม. , ตัวเกราะป้อมปืน หนาถึง 200 มม และ แผนเกราะด้านข้างหนา 60 มม.
  • 3.
    เครื่องยนใช้เครื่องยนต์เบนซิน HL210 P45 12 สูบ 650 แรงม้า
ประวัติการเข้าร่วมต่อสู้
ในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1942 หลังจาก Tiger I ผลิตเสร็จ ฮิตเลอร์ตื่นเต้นกับของเล่นใหม่อย่างมาก เลยส่งรถถัง Tiger I ไปประจำเร็วกว่ากำหนด ใกล้เมืองเลนินกราด
เป็นปฏิบัติการในภูมิประเทศที่เป็นแอ่งน้ำและเป็นป่า การเคลื่อนไหวส่วนใหญ่จำกัดอยู่แต่ในถนน รถรุ่นแรกๆ เหล่านี้หลายรุ่นประสบปัญหาเกี่ยวกับระบบส่งกำลัง ซึ่งมีปัญหาในการจัดการกับน้ำหนักที่มากของตัวรถ หากกดแรงเกินไป ผู้ขับขี่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้วิธีหลีกเลี่ยงไม่ให้เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังทำงานหนักเกินไป และหลายครั้งรถพัง จนต้องทิ้งรถไว้ ทำให้โซเวียตสามารถศึกษาการออกแบบและเตรียมมาตรการตอบโต้ได้
ในสมรภูมิแอฟริกาเหนือ รถถัง Tiger I ได้สู่กับระยะประชิดกับรถถังอังกฤษอย่าง M3 Lee ในระยะ 80 m ผลที่ได้ รถถัง Tiger I สามารถป้องกันการยิงจากรถถังอังกฤษไว้ได้ และ ยิงสวนกลับจัดการรถถังของอังกฤษได้ 2 คันในศึกครั้งนั้น
M3 Lee
และในอีกหลายๆ สมรภูมิ รถถัง Tiger I ได้ทำลายรถถังหลายๆรุ่นของฝ่ายสัมพันธมิตรอย่าง Sherman , T-34 และ ยุทโธปกรณ์อีกเป็นจำนวนมหาศาล
ด้วยชื่อเสียงในเรื่องของอำนาจการยิง และเกราะที่สามารถป้องกันปืนต่อต้านรถถังในหลายรุ่นได้ ทำให้ทหารฝ่ายสัมพันธมิตรขวัญเสียเป็นอย่างมาก จนต้องคิดหาวิธีตอบโต้กับรถถังรุ่นนี้ เช่น
อังกฤษ ได้ติดตั้งปืนขนาด 75 mm ให้กับรถถัง Sherman Fireflies และ รถถังรุ่นอื่นๆอีก เพื่อเพิ่มอำนาจการยิง ต่อต้านรถถังเกราะหนาอย่าง Tiger ได้
Sherman Fireflies
โซเวียต มีการผลิตรถถังใหม่อย่าง SU-152 ติดตั้งปืนขนาด 152 mm ที่สามารถยิงรถถัง Tiger ในระยะ 1,000 เมตร
SU-152
สหรัฐฯ มีการติดตั้งปืนขนาด 76 mm ให้กับ M4 Sherman
M4 Sherman ติดตั้งปืนขนาด  76 mm
หลังจากมีอัพเกรตอาวุธเป็นจำนวนมาก ทำให้อัตราการสูญเสียของรถถัง Tiger เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งในแต่ละปีกองทัพเยอรมันก็มีทรัพยากรที่น้อยลงไปเรี่อยๆ ทำให้ไม่ค่อยมีอะไหล่ในการซ่อมและ สร้างรถถังรุ่นนี้เพิ่มเติ่ม จนเยอรมันได้แพ้สงครามในปี 1945
Refer To :
โฆษณา