6 เม.ย. 2023 เวลา 03:27 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Net Present Value (NPV) คืออะไร ทำไมเราต้องรู้จัก?

Net Present Value (NPV) คืออะไร ทำไมเราต้องรู้จัก?
เรียบเรียงบทความโดย เพจ สองหมอขอลงทุน
มูลค่าปัจจุบันสุทธิเป็นการคำนวณที่ใช้กำหนดมูลค่าของธุรกิจ การลงทุน โครงการทุน หรือกิจกรรมทางการเงินอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระแสเงินสด อ่านเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ NPV รวมถึงข้อดีและข้อเสีย วิธีที่นักลงทุนใช้ และวิธีการคำนวณได้ดังนี้
▶️มูลค่าปัจจุบันสุทธิคืออะไร?
มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) เป็นตัวชี้วัดที่ธุรกิจและนักลงทุนใช้ในการประมาณมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคต พูดง่ายๆ ก็คือ NPV คือวิธีการคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนหรือ ROI โดยประมาณสำหรับโครงการหรือการลงทุน การคำนวณ NPV จะพิจารณารายได้ ค่าใช้จ่าย และต้นทุนทุนที่เกี่ยวข้องกับกระแสเงินสดอิสระที่คาดการณ์ของโครงการ (FCF)
ในการประมาณมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคต ธุรกิจหรือนักลงทุนสามารถใช้การวิเคราะห์กระแสเงินสดคิดลด (DCF) เนื่องจากผลลัพธ์ของการวิเคราะห์ DCF เป็นมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคต จึงเป็นวิธีที่นักวิเคราะห์และนักลงทุนทั่วไปใช้วัดมูลค่าของบริษัท
▶️NPV ค่าบวกกับค่าลบคืออะไร
หาก NPV ของโครงการหรือการลงทุนเป็นบวก แสดงว่าโครงการนั้นคาดว่าจะทำกำไรได้ โครงการหรือการลงทุนที่มี NPV ติดลบคาดว่าจะไม่ได้รับรายได้เกินกว่าต้นทุนทุน ดังนั้นจึงไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน
▶️วิธีคำนวณ NPV
NPV คำนวณโดยการหาส่วนต่างระหว่างมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดรับและมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดออกในช่วงเวลาหนึ่ง สูตรการคำนวณ NPV นั้นค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่จะแตกต่างกันไปตามปริมาณกระแสเงินสดที่จำเป็นสำหรับการคำนวณ
▶️สูตร NPV
วิธีง่ายๆ ในการแยกการคำนวณสูตร NPV คือการลบมูลค่าปัจจุบันของเงินสดที่ลงทุนออกจากมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดที่คาดหวัง
👉สูตร NPV สำหรับกระแสเงินสดเดี่ยวคือ:
NPV = กระแสเงินสดสุทธิ / (1 + อัตราคิดลดของผลตอบแทน) x ช่วงเวลา - เงินลงทุนเริ่มแรก
กระแสเงินสดสุทธิ: ผลรวมของเงินสดที่ได้รับในช่วงเวลาหนึ่ง
อัตราคิดลดของผลตอบแทน: อัตราดอกเบี้ยของโครงการหรือการลงทุนที่ต้องการหรือคาดหวังเมื่อเวลาผ่านไป
ช่วงเวลา: จำนวนงวดสำหรับกระแสเงินสด (ในกรณีนี้คือ 1)
เงินลงทุนเริ่มแรก: จำนวนเงินที่ลงทุนครั้งแรก
สูตร NPV สำหรับกระแสของกระแสเงินสดคือ:
▶️สูตร NPV
การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์สำหรับผู้เริ่มต้น: สูตรมูลค่าปัจจุบันสุทธิ | Mashvisor
Rt = กระแสเงินสดสุทธิ
i = อัตราคิดลด หรือ อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ
t = จำนวนช่วงเวลาที่จะคำนวณ
C = เงินลงทุนเริ่มแรก
👉วิธีการคำนวณมูลค่าปัจจุบันสุทธิ
แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องปกติในการคำนวณมูลค่าปัจจุบันสุทธิด้วยตนเอง แต่สิ่งสำคัญคือต้องทราบปัจจัยที่เข้าสู่สูตร ตลอดจนคณิตศาสตร์เบื้องหลัง
ขั้นตอนที่ 1: ระบุการลงทุนเริ่มต้น (C)
การลงทุนเริ่มแรกเป็นกระแสเงินสดครั้งแรกและไม่มีเวลาที่ผ่านไป ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องลดราคาลง หากใช้เครื่องคำนวณทางการเงิน ตัวเลขนี้จะเป็นค่าลบ
ขั้นตอนที่ 2: ระบุจำนวนงวด (t)
นักลงทุนอาจใช้การคำนวณ NPV แบบง่ายซึ่งรวมถึงปีสำหรับงวดกระแสเงินสด แต่ธุรกิจอาจใช้เดือน ตัวอย่างเช่น หากเวลาที่ผ่านไปคือ 5 ปี ธุรกิจอาจเลือกจำนวนเดือนซึ่งก็คือ 60 (5 x 12)
ขั้นตอนที่ 3: ระบุอัตราคิดลด (i)
อัตราคิดลดคือผลตอบแทนที่คาดหวังซึ่งมักจะเป็นรายปี หากวัดช่วงเวลาเป็นเดือน อัตราคิดลดจะต้องปรับเป็นอัตรารายเดือน
ขั้นตอนที่ 4: คำนวณ PV ของกระแสเงินสดแต่ละรายการ
คำนวณมูลค่าปัจจุบันของผลตอบแทนที่คาดการณ์ไว้ของแต่ละงวดโดยหารกระแสเงินสดที่คาดการณ์ไว้ในแต่ละปี (FV) ด้วย (1 + อัตราคิดลด):
มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสด = FV / (1 + อัตราคิดลด)
ขั้นตอนที่ 5: คำนวณ NPV ของกระแสเงินสดทั้งหมด
หลังจากคำนวณตัวเลขสำหรับงวดกระแสเงินสดแต่ละงวดในขั้นตอนที่ 4 แล้ว ให้รวมเข้าด้วยกัน ซึ่งจะแสดงมูลค่าของผลตอบแทนที่คาดการณ์ไว้ทั้งหมด ลบเงินลงทุนเริ่มต้นจากตัวเลขนี้เพื่อรับ NPV
👉วิธีที่นักลงทุนใช้และวิเคราะห์ NPV
นักลงทุนอาจใช้ NPV เพื่อตัดสินใจว่าการลงทุนนั้นคุ้มค่าหรือไม่ ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนต้องการทำกำไรจากตลาดหุ้นโดยเฉลี่ย พวกเขาอาจใช้ดัชนี S&P 500 เป็นอัตราคิดลด หากมูลค่าปัจจุบันสุทธิเป็นบวก การลงทุนก็อาจคุ้มค่าที่จะติดตาม
▶️ข้อดีและข้อเสียของการใช้ NPV
เช่นเดียวกับกรณีที่มีการวัดมูลค่าอื่นๆ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจข้อดีและข้อเสียของ NPV ก่อนใช้เพื่อตัดสินใจลงทุน
👉ข้อดี
ทำได้ดีกว่ารายได้สุทธิ: เมื่อเปรียบเทียบกระแสเงินสดกับรายได้สุทธิ กระแสเงินสดมักจะดีกว่าเพราะสามารถจัดการรายได้สุทธิและไม่ได้บ่งชี้ว่าบริษัทมีกำไรเสมอไป
บัญชีสำหรับมูลค่าของเงินตามเวลา: เป็นการดีที่สุดที่จะวัดความสามารถในการทำกำไรในอนาคตของการลงทุนหรือโครงการโดยรวมการประมาณการกระแสเงินสดในอนาคต
👉ข้อเสีย
โอกาสในการเกิดข้อผิดพลาด: NPV อาศัยการประมาณการ เช่น อัตราคิดลดและผลตอบแทนที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจพิสูจน์ได้ว่าไม่ถูกต้อง
การเปรียบเทียบที่จำกัด: NPV ไม่ใช่เครื่องมือที่ดีสำหรับการเปรียบเทียบโครงการที่มีขนาดต่างกัน เพราะในแง่เงินดอลลาร์ โครงการขนาดใหญ่มักจะมี NPV ที่สูงกว่าโครงการขนาดเล็กเสมอ
ตัวอย่างมูลค่าปัจจุบันสุทธิ
สำหรับตัวอย่างมูลค่าปัจจุบันสุทธิอย่างง่าย สมมติว่านักลงทุนเริ่มต้นด้วยการลงทุนเริ่มต้น 10,000 ดอลลาร์ในหุ้น 100 หุ้นของหุ้น และนักลงทุนคาดหวังผลตอบแทน 10% ที่ 1,000 ดอลลาร์จากการลงทุนทั้งหมดในแต่ละปี นักลงทุนวางแผนที่จะถือการลงทุนเป็นเวลาห้าปี
ในการคำนวณ NPV ของกระแสเงินสดหรือรายได้จากการลงทุน ให้หารรายได้ปีแรก 1,000 ดอลลาร์ด้วย 1 บวกอัตราคิดลด (1 + 0.10) ซึ่งจะมีลักษณะดังนี้:
Rt/(1 + i)t = $1000 / (1+1.10)1 = $909
ซึ่งหมายความว่ามูลค่าปัจจุบันของ 1,000 ดอลลาร์ที่นักลงทุนได้รับในปีแรกคือ 909 ดอลลาร์ในสกุลเงินดอลลาร์ในปัจจุบัน
สำหรับระยะเวลาห้าปีเต็ม การคำนวณจะมีลักษณะดังนี้:
ปีที่ 1 PV = $1,000 / (1 + 0.10)1 = $909
ปีที่ 2 PV = $1,000 / (1 + 0.10)2 = $826
ปีที่ 3 PV = $1,000 / (1 + 0.10)3 = $751
ปีที่ 4 PV = $1,000 / (1 + 0.10)4 = $685
ปีที่ 5 PV = $1,000 / (1 + 0.10)5 = $621
ตอนนี้หาผลรวมของ PV แบบนี้:
$909 + $826 + $751 + $685 + $621 = $3,792
ในการหา NPV ให้ลบเงินลงทุนเริ่มแรกออกจากผลรวมดังนี้:
$3,792 - $10,000 = -$6,208
NPV อยู่ที่ 6,208 ดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่ามูลค่า 10,000 ดอลลาร์ที่ได้รับผลตอบแทน 10% ต่อปีเป็นเวลาห้าปีจะมีมูลค่า 6,208 ดอลลาร์ในปัจจุบัน
▶️NPV & อัตราส่วนลด
อัตราคิดลดเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ใช้ในการวิเคราะห์กระแสเงินสด (DCF) เพื่อคำนวณมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดในอนาคต ตัวอย่างเช่น นี่อาจเป็นอัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนคาดหวังหรืออาจเป็นต้นทุนการกู้ยืมเงินของบริษัท ซึ่งเป็นอัตราที่ต้องจ่ายสำหรับหนี้ของบริษัท
กระแสเงินสดในอนาคตจะลดลงตามอัตราคิดลด ซึ่งหมายความว่าอัตราคิดลดที่สูงขึ้นจะแปลเป็นกระแสเงินสดในอนาคตที่ลดลง ดังนั้น อัตราคิดลดที่ต่ำกว่าจึงแปลเป็นมูลค่าปัจจุบันที่สูงขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง อัตราคิดลดที่สูงกว่าหมายความว่ามูลค่าเงินในอนาคตจะมีมูลค่าน้อยกว่าในสกุลเงินดอลลาร์ในปัจจุบัน ตัวอย่างง่ายๆ ของแนวคิดนี้คืออัตราเงินเฟ้อ ซึ่งช่วยลดกำลังซื้อของเงินดอลลาร์
▶️NPV & ระยะเวลาคืนทุน
ระยะเวลาคืนทุนหรือวิธีคืนทุน คำนวณเวลาที่จำเป็นในการชดใช้เงินที่ลงทุนในโครงการหรือการลงทุน หรือเพื่อให้ถึงจุดคุ้มทุน อย่างไรก็ตาม ต่างจากวิธีการคืนทุนตรงที่มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ใช้กับมูลค่าเงินตามเวลา
บางธุรกิจใช้วิธีการคืนทุนและ NPV ร่วมกันเพื่อเปรียบเทียบโครงการทุนหรือการตัดสินใจลงทุน ตัวอย่างเช่น เมื่อเปรียบเทียบหลายโครงการ ธุรกิจอาจจำกัดตัวเลือกให้แคบลงด้วยวิธีคืนทุน และเปรียบเทียบโครงการสองหรือสามอันดับแรกโดยใช้วิธี NPV
✍️บทสรุป
มูลค่าปัจจุบันสุทธิหรือ NPV คือวิธีการกำหนดความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ โครงการ หรือการลงทุน ดังนั้น NPV จึงเป็นตัวชี้วัดที่ธุรกิจและนักลงทุนสามารถใช้ได้ ข้อได้เปรียบที่สำคัญของ NPV คือการคำนึงถึงมูลค่าของเงินตามเวลา อย่างไรก็ตาม ข้อเสียที่สำคัญของ NPV คือต้องอาศัยการประมาณการซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดได้นั่นเอง
Source: SeekingAlpha
โฆษณา