6 เม.ย. 2023 เวลา 06:18 • ประวัติศาสตร์
ย่านตาขาว

เรื่องเล่า“ชาวย่านตาขาว” (1)

เกริ่นนำ
ถึงแม้ฉันจะมีเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นชาวย่านตาขาวบวกปะเหลียน มีถิ่นที่มาของสายเลือดจาก 2 อำเภอข้างต้นในจังหวัดตรังเต็มตัว แต่ฉันก็รู้จักถิ่นเกิดของพ่อแม่ไม่มากนัก
ด้วยเพราะฉันเกิดที่กรุงเทพมหานคร เติบโตที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เรียนจบระดับอุดมศึกษา ที่กรุงเทพมหานคร
ชุมชนย่านตาขาวในภาพจำแรก ๆ ของฉันในวัยเด็ก จึงเป็นร้านขายขนมจีน ในซอยใกล้ ๆ ที่ทำการประปาส่วนภูมิภาคย่านตาขาว
ฉันยังจำรสชาติของน้ำแกง (น้ำยา) ขนมจีนร้านนั้น ที่อร่อยละมุนลิ้นมาจนถึงบัดนี้ แม้เวลาจะผ่านไปเกือบ 30 ปีแล้วก็ตาม
เมื่อพ่อหมดภารกิจการงานอาชีพ กลับมาใช้ชีวิตอยู่กับญาติ ๆ ที่ย่านตาขาว พร้อมกับเข้าไปดูแลโรงเรียนวัดนิกรรังสฤษฎ์ โรงเรียนเอกชนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นวัดและโรงเรียน ที่พ่อและพี่น้องของพ่อ เคยอาศัยอยู่อาศัยเรียนมาก่อน
สิ่งที่พ่อสนใจคือประวัติและความเป็นมาของวัดและโรงเรียนแห่งนี้ และขยายความสนใจออกไปถึงพัฒนาการของ “ชุมชนย่านตาขาว” ในเวลาต่อมา
พ่อบอกว่าบางเรื่องราวเล็ก ๆ จากคำบอกเล่าของชาวย่านตาขาว หากเอามาปะติดปะต่อเข้ากับภาพใหญ่ จะพบว่า มันผนึกแนบแน่นกับพัฒนาการของสังคมใหญ่ในแต่ละห้วงเวลา อย่างแกะออกจากกันไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ ภาพการอพยพของชาวจีนต่างด้าวมายังชุมชนย่านตาขาว จึงแยกไม่ออกกับภาพชาวจีนแผ่นดินใหญ่อพยพสู่โพ้นทะเลอุษาคเณย์
ในสายตาของฉัน ชุมชนย่านตาขาวเป็นชุมชนที่ชาวจีนต่างด้าว อพยพเข้ามาอยู่ร่วมกับคนไทยท้องถิ่นผู้อยู่มาก่อนได้อย่างกลมกลืน
เมื่อชั้นลูกหลานรักใคร่แต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกัน จึงกลืนกลายเป็นญาติสนิทไปโดยปริยาย
พ่อขอให้ฉันช่วยบันทึกคำบอกเล่าของ “ชาวย่านตาขาว” เก็บไว้ ก่อนที่หลายเรื่องราวจะหายไปกับกาลเวลา
ช่วงแรกนี้ฉันตั้งใจว่า จะบันทึกเรื่องราวเฉพาะที่ฉันสนใจ เขียนขึ้นตามความสะดวก ไม่เรียงลำดับเวลา ไม่เรียงลำดับเรื่อง
เป็นบันทึกเบื้องต้น ที่ต้องรอการตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งจะตามมาในอีกชั้นหนึ่ง
ในชั้นต้นนี้ มันจึงเป็นแค่ข้อเขียนอย่างไม่เป็นทางการ และคงไม่สามารถเอาไปใช้อ้างอิงใด ๆ ได้
จึงไม่แปลกที่บางเรื่อง อาจจะไม่ถูกต้อง ข้อมูลอาจจะคลาดเคลื่อน ฉันหวังว่าจะมีผู้โต้แย้ง เพื่อนำไปสู่การตรวจสอบสืบค้นต่อไป
ขอย้ำว่า นี่เป็นบันทึกจากคำบอกเล่า ไม่ใช่งานวิจัย ไม่ใช่งานทางวิชาการ
ขอบคุณค่ะ
โฆษณา