6 เม.ย. 2023 เวลา 08:59 • การเมือง
คาดหวังมาก แต่คาดหวังเรื่องอะไรล่ะ?
.
โดยส่วนตัวผมคาดหวังมาก ในเรื่องการเมือง คาดหวังปานกลางในเรื่องเศรษฐกิจ มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่คาดหวังก็คือการรัฐประหาร
.
ในทางการเมืองของประเทศนี้ในตอนนี้ ผมว่ามีข้อถกเถียงหลัก ๆ อยู่ 2 อย่าง คือ 1) ประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ดีหรือเลว? เมื่อเปรียบกับระบอบที่อยู่ตรงข้าม ไม่ว่าจะเป็นราชาธิปไตย อภิชนาธิปไตร หรือแม้กระทั่ง ทรราช (tyranny) โดยพวกที่เห็นว่าประชาธิปไตยเลวนั้น จะให้เหตุผลว่า ประชาชนนั้นจนและโง่ ส่วนพวกนักการเมืองก็ชั่วช้าสาระเลว ผู้นำจากการเลือกของประชาชนจึงเป็นสิ่งที่เลว ชั่วช้า สุดท้ายก็นำพาให้ประเทศล่มจม ต่างจากชนชั้นเจ้า ผู้ดี และข้าราชการชั้นสูงที่ใกล้ชิดกับเจ้าและผู้ดี คนเหล่านี้เป็นผู้ปกครองโดยกำเนิด
รู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดีต่อประเทศชาติ และประชาชน (พวกเขาเกิดมาเพื่อที่จะเป็นผู้ปกครองนี่) ฉะนั้นต่อให้พวกประชาชนจน ๆ โง่ ๆ ไม่เลือก พวกเขาก็มีความชอบธรรมมากกว่าที่จะทำการปกครอง (พวกเขาจึงทำรัฐประหารได้อย่างไม่ละอายใจอะไร และคนที่สนับสนุนให้เขาทำรัฐประหารก็ไม่ละอายใจอะไร)
กับ 2) คือข้อถกเถียงเกี่ยวกับสถานะของพระมหากษัตริย์ของประเทศของเราว่า พระเจ้าแผ่นดินของเรานั้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีขอบเขตอำนาจอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญหรือมีขอบเขตอำนาจอยู่พ้น อยู่นอก อยู่เหนือ อยู่พ้นไปจากรัฐธรรมนูญ? โดยพวกที่เห็นว่าพระเจ้าแผ่นดินมีสถานะอยู่พ้นไปจากรัฐธรรมนูญนั้นจะให้เหตุผลในเชิงว่าระบอบกษัตริย์นั้นมีมาแต่ดั้งแต่เดิม ดำเนินมาไม่ขาดสาย และพระเจ้าแผ่นดินก็เป็นฝ่ายพระราชทานรัฐธรรมนูญให้กับพวกไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจนมีการเปลี่ยนจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็น
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ ส่วนพวกที่เห็นว่าพระเจ้าแผ่นดินมีอำนาจอยู่ใต้รัฐธรรมนูญนั้นก็แย้งว่า ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้นสิ้นสุดลงแล้วจากการปฏิวัติของคณะราษฎรในปี พ.ศ. 2475 และรัฐธรรมนูญก็ถูกสถาปนาขึ้นมาแล้วโดยประชาชน เป็นแต่มอบตำแหน่งประมุขแห่งรัฐ(head of state)ให้เป็นหน้าเป็นตาแก่พระเจ้าแผ่นดินและประเทศเพียงเท่านั้น
หรือถ้าจะพูดอีกนัยหนึ่ง สาระของข้อถกเถียงนี้ก็คือ ประเทศไทยถูกปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่มีพระเจ้าอยู่หัวเป็นประมุขผู้ทรงเกียรติสูงสุด หรือถูกปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตยที่มีการบริหารโดยคณะรัฐมนตรีกับมีวิธีการออกกฎหมายโดยรัฐสภาแค่นั้นกันแน่?
ผมว่าสองข้อถกเถียงนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนในการเมืองไทย โดยเฉพาะข้อถกเถียงที่ 2) นั้น ดูจะไม่ค่อยจะกล้าถกเถียงและกล้าตอบกันอย่างตรงไปตรงมาเลยด้วยซ้ำ ความคาดหวังของผมในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็เกี่ยวกับสองข้อถกเถียงนี้ โดยผมคาดหวังว่า เราจะเห็นข้อสรุปที่ชัดเจนให้กับสองข้อถกเถียงนี้กันบ้าง โดยเฉพาะข้อถกเถียงที่ 1) ผมคาดหวังว่าสังคมไทยเราจะได้ข้อสรุปกันเสียทีว่าการปกครองโดยพวกผู้ดี อภิสิทธิ์ชน คนสถานะพิเศษนั้นก็ไม่ได้ดีเด่อะไรมากไปกว่าการปกครองของพวกนักการเมืองเลย ๆ นั้นหรอก กลับกันซะมากกว่า
พวกนักการเมืองเลว ๆ ยังดีกว่าพวกผู้ดีเลว ๆ ตั้งร้อยเท่าพันเท่า เพราะอะไร เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะถึงนักการเมืองจะเลวแค่ไหน พวกนี้ก็เข้าไปปกครองเองไม่ได้ ถ้าเราไม่ได้เลือกพวกเขาเข้าไป ฉะนั้นต่อให้พวกเขาระยำตำบอนยังไง ๆ เราก็ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดเสียมิได้ในวงศ์ไพรบูลย์ของพวกเขานั่นแหละ ต่างจากพวกผู้ดีเลว ๆ เพราะต่อหน้าพวกเขาแล้วเราจะเป็นอะไรได้นอกจาก "ไอ้พวกไพร่" ที่ต้องรอรับส่วนบุญจากความดีของพวกเขาก็เท่านั้น ผมมีความหวังมากจากการเลือกตั้งครั้งนี้ก็แค่ในประเด็นนี้ล่ะ
ส่วนประเด็นข้อถกเถียงที่ 2) ผมหวังแค่ว่ามันจะเริ่มค่อย ๆ กระจ่างชัดออกมา แค่นี้ก็นับว่าดีแล้ว
.
ในเรื่องเศรษฐกิจ ผมไม่คาดหวังอะไรมากนัก ในแง่การแก่ปัญหาที่เป็นผลสำเร็จ เพราะ ผมคิดว่าไม่ว่าจะฝ่ายไหนมาเป็นรัฐบาล วิธีการในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของพวกเขาไม่น่าจะต่างกันมากนัก "แจกเงิน" นั่นแหละ ถึงใครต่อใครจะหาว่าคนพวกนี้โง่ ไม่ยอมแก่ปัญหาเศรษฐกิจที่ต้นตอ เอาแต่ประชานิยม เที่ยวแจกเงินคนจนเพื่อให้ตัวเองเข้ามามีอำนาจ ฯลฯ ถึงใครต่อใครจะว่ากันอย่างงั้น แต่ผมก็คิดว่าไม่ว่าฝ่ายไหนได้เป็น พวกเขาก็คงจะแจกเงินอยู่ดี
ทำไมน่ะเหรอ? ผมไม่คิดว่าเพราะพวกเขาโง่ (แต่พวกเขาอาจจะโง่จริง ๆ ก็ได้) แต่เพราะคนพวกนั้น พวกปัญญาชน คนสมองเพชร นักเศรษฐศาสตร์ของพวกเรา พวกเขาได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดี มีระบบแบบแผนว่า เมื่อรัฐเผชิญปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำในระดับหนึ่ง วิธีการแก้ไขปัญหาอย่างหนึ่งที่รัฐทำได้และเท่าที่พวกเขาคิดออกกันในตอนนี้ก็คือ รัฐจะต้องเป็นฝ่ายเติมเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดการจ้างงานและอะไรต่อมิอะไรอีกตามมานั่นแหละ (ไอ้สิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเคนเซี่ยน ๆ อะไรนั่นแหละ)
เพราะในสถานการณ์อย่างนั้น(นี้)ว่ากันว่าเอกชนไม่อยากควักกระเป๋าลงทุนเอง ซึ่งมันก็คงจะจริง ใครกันมันจะไปกล้าลงทุนเพิ่มถ้าเห็นกันอยู่จะ ๆ ว่าลงไปแล้วก็มีแต่ขาดทุน สู้ฝากเงินไว้กินดอกกันดีกว่า ไม่งั้นก็เอาไปลงประเทศอื่นมันซะเลย ฮื้อ!.. คนมีเงินนี่มันดีจริงเลยน้า
แต่เอาเถอะผมโง่เศรษฐศาสตร์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ที่พูดมาก็คงจะไม่ถูกกับทฤษฎีเขาด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นล่ะ ผมไม่คาดหวังว่าพวกเขาจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการที่ต่างออกไป (ถึงจะฝันอยู่บ้าง) แต่ก็ฝันอยู่บ้างแหละว่าหลังการเลือกตั้ง เศรษฐกิจมันจะคึกคักขึ้น มีชีวิตชีวาขึ้นและอะไร ๆ มันจะดีมากกว่านี้
.
โฆษณา