โมโกจู

🔴หากใครหลงไหลในการเดินป่า trekking ล่ะก็...โพสต์นี้น่าจะเป็นประโยชน์กับคุณ 555🔴
"โมโกจู" เป็นเส้นทางเดินป่าที่ ไกล สวย และตื่นเต้นที่สุดในประเทศไทย โดยใช้เวลาเดินป่าจำนวน 4 วัน 3 คืน เป็นเส้นทางเดินป่าที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นเส้นทางที่โหดที่สุด "โมโกจู" จึงเป็นเส้นทางในฝันของนักเดินป่าหลาย ๆ คน
ขั้นตอนการจองบอกเลยว่ายากสุด ๆ ใครที่อยากไปต้องตั้งหน้าตั้งตารอประกาศจากทางอุทยาน
สำคัญไปกว่านั้นคือการหากลุ่มรวมตัวให้ได้อย่างน้อย 6 คน และไม่เกิน 12 คน จึงจะสามาถจองได้
การซ้อมส่งเมลจึงบังเกิดขึ้น 5555
ทำไมต้องซ้อม...เพราะทางอุทยานเลือกจากเมลที่ส่งใบสมัคไปถึงเร็วที่สุดนับจากเปิดรับสมัคเวลา 12:00 ของวัน
เรียกได้ว่า แข่งกันเป็นเสี้ยววิกันเลย หากพลาดล่ะก็ ปาดน้ำตารอปีหน้าอย่างเดียว 😂
ในปีนี้ 2563 มีผู้จอง 10,063 ทีม รวม 120,756 คน แต่ไปได้เพียง 288 คน 24 ทีมเท่านั้น
นี่จึงเป็นที่มาของคำพูดติดปากที่ว่า "เราไม่ได้เลือก โมโกจู แต่ โมโกจู ต่างหากที่เลือกเรา"
🏔การเตรียมตัวก่อนไปเดินป่า
สิ่งของจำเป็น
-เป้ Backpack สำคัญมาก ควรเลือกใช้เป้ที่กระจ่ายน้ำหนักได้ดี
-รองเท้าเดินป่า สำคัญไม่แพ้กัน ควรใส่รองเท้าเบอร์ใหญ่กว่ารองเท้าที่ใส่ในชีวิตประจำวัน เพราะการเดินป่าระยะไกล จะทำให้เท้าเรา บวม ขยาย ใหญ่ขึ้น
ถ้าใส่รองเท้าที่พอดี มันจะคับขึ้นทันที สิ่งที่ตามมาคือเท้าคุณจะพัง
-เต็นท์
-ถุงนอน
-แผ่นรองนอน
-หมอนเป่าลม
-ผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน ยาสีฟัน
-ชุดเดินป่า ขายาว แขนยาว
-เสื้อกันลมกันฝน
-เสื้อกันหนาว
-ไฟฉายคาดหัว
-ไม้เท้า trekking pole
-หม้อเดินป่า ช้อน
-เตาแก๊ซเดินป่า
-หมวก
-รองเท้าแตะ
-Powerbank
-ถุงกันทาก
-ถุงเท้าหนา
-ยาสามัญ
ค่าใช้จ่ายในการเดินป่าโมโกจู
มัดจำค่านำทางโมโกจู 30% 281.25
ค่านำทางโมโกจู 70% 1593.75
(ค่านำทาง13,500ลูกหาบ9000/÷12คน=1,875บาท)
1 ทีมสามารถมีลูกหาบได้ไม่เกิน 3 คน
1 คนสามรถแบกของได้ไม่เกิน 20 กิโลกรัม
ส่วนทริปนี้ เราแบกของเองทั้งหมด ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ รวมถึงข้าวปลาอาหารแห้งด้วย น้ำหนักเป้ปาไปเกือบ 14 กิโลกรัม
พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเถอะ
อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ Mae Wong National Park
เริ่มต้นด้วยการจัดข้าวของเครื่องใช้ หลัก ๆ เอาไปประมาณนี้
เนื่องด้วยทริปนี้เดินทางคนเดียว และมีเราเพียงคนเดียวที่เป็นมุสลิมในทีม อาหารการกินเราจึงบอกพี่ ๆ ในทีมว่าขอเตรียมไปเอง เพื่อไม่ให้คนในทีมมีข้อจำกัดกับเราไปด้วย
08:20 น. ออกเดินทางจากสนามบินหาดใหญ่ สู่ สนามบินดอนเมือง กับสายการบิน air asia ที่หนึ่งในใจเสมอมา 555 เนื่องจากส่วนตัวไม่เคยเจอประสบการณ์ไม่ดีกับสายการบินนี้ เอาตำแหน่งที่หนึ่งในใจไปแล้วกัน❤️
ถึงดอนเมืองก็นั่งแท็กซี่มารวมตัวกับพี่ ๆ ในทีมอีกสองสามคน เพื่อเดินทางไปยังจังหวัด กำแพงเพชร (ขอบคุณพี่ขวัญให้เราติดรถไปด้วย)
เจอพี่เนยเป็นคนแรก ผู้ซึ่งก่อตั้งทีมในครั้งนี้
พี่ขวัญขับรถจากบ้านที่ชลบุรี หอบข้าวของเต็มคันรถ เนื่องจากรับหน้าที่เป็นพ่อครัว
16:00 ของวันเดียวกันถึงที่ทำการอุทยานแม่วงก์ ความตื่นเต้นเข้ามาปกคลุมทันที พร้อมกับการขาดหายไปของสัญญานโทรศัทพ์(True)
กางเต็นท์นอนพักผ่อนที่อุทยาน ก่อนออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น บรรกาศดี เงียบสงบ
ตอนเช้า อบรมก่อนออกเดินป่า เจ้าหน้าที่ชี้แจงกฏระเบียบข้อปฏิบัติต่าง ๆ
16 กิโลเมตรแรกจากที่ทำการอุทยานแม่วงก์ - แคมป์แม่กระสา ข้าวเปล่าที่ซื้อไว้ตอนมื้อเช้า เอาออกมากินกับ โรซ่า กับข้าวพร้อมทาน รสชาติดี กินอิ่ม
ออกเดินทางต่อ 4 กิโลเมตร แคมป์แม่กระสา-แคมป์แม่เรวา เส้นทางถือว่าเดินไม่ยาก ป่าค่อนข้างรก มีร่องรอยสัตว์ป่าตลอดทาง ช้าง กระทิง อีเห็น ไปจนกระทั่งเสือ...ซึ่งเราไม่อยากเจอตัวมันแน่ ๆ 😂
เดินไปเรื่อย ๆ อากาศถือว่าไม่ร้อน ร่มไม้บังแดดตลอดทาง จะมีก็แต่กิ่งไม้ใบหญ้าที่คอยจิ้มเนื้อตัวขณะเราเดินผ่าน
สะพานไม้ไผ่มีให้เดินข้ามเป็นระยะ แข็งแรงไว้ใจได้ แม้จะแอบโยกเยกนิดหน่อยก็เถอะ 55555
เดินไปสักพักใหญ่ ๆ ลุงแดง เจ้าหน้าที่ป่าไม้มากประการณ์ แม้จะใกล้เกษียณแล้ว แต่ร่างกายยังแข็งแรงสุด ๆ หันมาให้สัญญานพักดื่มน้ำ ล้างหน้าล้างตาริมลำธาร น้ำใสสะอาดเย็นสดชื่นนนนนน
ต่างคนต่างทิ้งของที่แบกไว้หนักอึ้ง นั่งพักกันอย่างสบายตัว
ถึงแคมป์แม่เรวาในช่วงเย็น ต่างคนต่างจับจองพื้นที่กางเต็นท์พักแรมในคืนนี้ พี่ขวัญและพี่ ๆ ลูกหาบไม่รอช้า รีบก่อไฟ หุงข้าวทิ้งไว้ ก่อนจะเดินไปยังน้ำตกแม่รีวา ระยะทาง 6 กิโลเมตรไป-กลับ เส้นทางราบเรียบ เดินได้เรื่อย ๆ ไม่ได้กินแรงอะไรมากนัก
รอไรล่ะ โดดลงน้ำสิ น้ำเย็นอย่างกับในตู้เย็น
หลังจากเล่นน้ำเสร็จ ก็เดินกลับมายังแคมป์แม่เรวา พี่ขวัญ ทำกับข้าวไว้หลายอย่าง ไม่แน่ใจว่ามีอะไรบ้าง แต่ได้รับกลิ่นความอร่อยไปเต็ม ๆ
ส่วนเราควักเอาเตาน้ำมันที่พกติดตัวมา กับหม้อใบเล็กอีก 1 ใบ จัดการจุดไฟตั้งหม้อ ทำเป็นข้าวต้ม ก็เหมือนเดิมนั้นแหละ กินคู่กับ โรซ่า....
เช้าของอีกวัน ตื่นกันตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง กินข้าวรองท้องคนละเล็กละน้อย ส่วนเรากินขนมปังไปชิ้นนึง
8 กิโลเมตร แคมป์แม่เรวา-แคมป์ตีนดอย เป็น 8 กิโลที่ต้องบอกว่ามีแต่ทางชันล้วน ๆ เป็นวันที่ต้องเดินหนักที่สุด นานที่สุด แนะนำว่าเตรียมขนม ช็อกโกแล็ต ลูกอม ไว้เยอะ ๆ เลยครับ มันช่วยคุณได้ เพราะการเดิน part นี้ บอกเลยว่าสูญเสียพลังงานมหาศาล เราจะรู้สึกหิว หมด แรง กระหายน้ำตลอดเวลา ของกินเล่นระหว่างทางจึงเป็นสิ่งจำเป็นสุด ๆ
เดินไปได้สักพัก สักพักจริง ๆ แต่ร่างกายและกล้ามเนื้อขาอ่อนล้าอย่างน่าตกใจ ชันเกิ๊นนนนนน 5555
เดินต่อ...เดินเรื่อย ๆ พี่เจ้าหน้าที่หันมาแนะนำให้ก้าวสั้น ๆ ไม่ต้องรีบจะช่วยเซฟแรงและกล้ามเนื้อได้เยอะ
จุดที่ชันเกินจะเดินตัวเปล่าขึ้นไปก็จะมีเชือกไว้ให้จับ
เดินมาเรื่อย ๆ จนถึงคลอง 1 ช่วงเที่ยงพอดี แวะกินข้าวเติมน้ำ พักสักแปป ออกเดินทางไปยังคลอง 2 กันต่อ
สามสาวสุดเเกร่ง
เดินใกล้ถึงแคมป์ตีนดอยเต็มที ทางก็ยังชันเหมือนเดิม เรามักหันไปถามลุงแดงว่า ใกล้ถึงยังลุง ข้างหน้ามีทางราบมั้ย และลุงแดงก็มักจะตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "ค่อย ๆ เดินไป ขึ้นไปเรื่อย ๆ ...."
ใกล้ถึงยอดเต็มที อากาศเริ่มหนาวเย็น หยุดเดินเมื่อไหร่ หนาวเมื่อนั้น
ใกล้ถึงยอดเต็มที อากาศเริ่มหนาวเย็น หยุดเดินเมื่อไหร่ หนาวเมื่อนั้น
เนี่ย...มันก็ชันแบบเนี้ยะ....
นี่ไง....ถึงสักที แต่ยัง....นี่ยังไม่ใช่ยอดเขา...ยังต้องเดินไปอี๊กกกกกก แคมป์ตีนดอยมีหมอกปกคลุมทั้งวัน เหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลย อากาศหนาวมาก สภาพแวดล้อมค่อนข้างชื้น รักษาข้าวของเครื่องใช้อย่าให้เปียกน้ำค้างล่ะ จากแคมป์แม่กระสา ถึงแคมป์ตีนดอย 8 กิโลเมตร ออกเดินตั้งแต่ ตีห้าครึ่ง กว่าจะถึงปาไปเกือบสี่โมงเย็น ลุงแดงบอกว่าบางคนกว่าจะเดินมาถึงนี่ก็ค่ำไปแล้ว และบางคนก็เดินมาไม่ถึงก็มี.....
จังหวะที่ค่อย ๆ เดินขึ้นไปจากแคมป์ตีนดอย เดินขึ้นไปเรื่อย ๆ ระยะทาง 1 กิโลเมตร เดินจนทะลุพ้นสายหมอก สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า น้ำตาแทบไหล จังหวะนั้น intro เพลง Built to last ดังเข้ามาในหัวทันที 😂 ความรู้สึกมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ .....
เป็นวิวที่สวยสุด ๆ ลุงแดงบอกว่า พวกเราโชคดีมากที่ไปถึงยอดแล้วฟ้าเปิด ขณะที่หลาย ๆ กลุ่มที่ผ่านมาไม่มีโอกาศได้เห็นวิวบนยอดแบบนี้
หินเรือใบ เป็นสัญลักษณ์อันโดนเด่น ถือเป็นจุดสูงสุดของ "โมโกจู" เราชอบที่ไม่มีการติดป้ายพิชิตอย่างเขาลูกอื่น ๆ 3 ปีแห่งการรอคอย ในที่สุดเราก็ได้มายืนถ่ายรูปคู่กับหินเรือใบ><
เดอะแก๊งค์ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่รู้จักกันเพราะโมโกจู พี่ ๆ ในทีมเป็นกันเองมาก ช่วยเหลือถามไถ่ตลอดเวลา
ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ คืบคลานลงไปในเมฆหมอก
อากาศเริ่มหนาวลงไปเรื่อย ๆ จนเหลือเลขตัวเดียว บวกกับลมที่โคตรจะแรง หนาวไปถึงกระดูกกันเลย
แสงสุดท้าย.....รูปถ่ายเก็บความสวยได้เพียงเท่านี้ แต่เห็นกับตามันยิ่งกว่าหลายเท่า...
ขาขึ้นว่าหนักแล้ว ขาลงยิ่งกว่าอีก เป็นการเดินรวดเดียว 14 กิโลเมตร จากแคมป์ตีนดอย-แคมป์แม่กระสา ด้วยทางที่ลาดชัน และไกล บวกกับน้ำหนักเป้ที่แบกอยู่บนหลัง การก้าวเดินลงแต่ละก้าวเรียกได้ว่า เข่าลั่นเป็นระยะ ๆ เลย ยิ้มประชดความปวดร้าว 55555
ขาลงจะเร็วกว่าขาขึ้นเป็นหลายเท่า รวมถึงความอ่อนล้าของกล้ามเนื้อขาด้วย ขาเดี้ยง ขาตึง ขาสั่น มีหมดสำหรับขาลง....
เดินมาถึงแม่กระสาสี่โมงนิด ๆ เราจะพักแคมป์นี้อีก 1 คืน
กลับมายังที่ทำการอุทยานอย่างปลอดภัยทุกคน แม้จะได้ของฝากเป็นเห็บลมคนละสามสี่ตัว ซึ่งยังคันถึงบัดนี้
ใบประกาศเป็นหลักฐานได้ดีว่าครั้งนึงเราเคยมาที่นี่...ซึ่งแทบไม่มีความสำคัญอะไรเลย หากเทียบกับสิ่งที่ได้พบเจอระหว่างทาง มิตรภาพที่ดีจากคนแปลกหน้าต่อมากลายเป็นเธอฉันพี่น้อง พี่ ๆ ในทีม พี่ ๆ ลูกหาบ พี่ ๆ เจ้าหน้าที่ ล้วนเป็นความทรงจำและเหตุการณ์ที่ดีที่เคยเกิดขึ้นจริง... ขอบคุณครับ....

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา