7 เม.ย. 2023 เวลา 07:15 • ความคิดเห็น
ความสุขที่เราไม่รู้จัก ..ทุกข์ที่เราไม่รู้จัก แม้การได้ไปเห็นนรก ก็แค่เห็น ..แต่ก็ไม่สามารถรับรู้ จิตไม่รับรู้ รับความรู้สึก เหมือนจิตที่กำลังรับทุกข์ตกนรกจริง ..แต่นั่นแหละ ถึงเราไม่สารถรับรู้ถึงความรู้สึกของจิตที่กำลังถูกไฟนรกแผดเผาทั้งเรือนกาย มันดูน่าสยอดสยองแล้ว นี้ขนาดเค้ายังไม่ทรมาน เหมือนปลาเป็นที่เราเอาไม้เสียบ มันยังไม่ตาย ไปปิ้งย่างบนกองไฟ
มันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก คล้ายจิตของผู้ที่ตกนรก เจ้าเวรนายกรรมก็เหมือนตัวเราเอง ที่เป็นนายนิรบาล เอาไม่เสียบปลาไปปิ้งย่าง เอาเนื้อเค้าไปกิน..ก็บอกว่า อร่อยหวานมัน แกล้มเหล้า สนุกสนานในการกิน ..
เราไม่รู้ไม่สำนึกเลย ว่าต้องทำให้จิตอื่นเดือดร้อนทุกข์ร้อน อยากจะกินเนื้อเค้าท่าเดียว ถ้ากลับกัน คนที่เสียบปลากลายเป็นปลาถูกไม้เสียบปิ้ง ความรู้สึกมันก็สลับกัน นั่นมันก็เหมือนผู้ที่ไปเห็นนรก แค่ได้เห็น .แต่ไม่ได้รับรู้ความรู้สึก เหมือนผู้ที่กำลังรับทุกข์ ถูกไฟนรกแผดเผา ..พอกลับมา ก็เล่าได้ .แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ..เพราะมันไม่รู้สึก ไม่เกิดความรู้สึก เหมือนผู้ที่ตกนรกจริงๆ
ความสุขที่ไม่รู้เลย ..มันเป็นอย่างไร ..มีพระที่ท่านเรานับถือ บอกว่า หากวันหนึ่ง ธรรมท่านดึงจิตให้ขึ้นไป ไปด้วยจิตเหมือนตัวตนของเรานี้แหละ ไปสวรรค์ชั้นวิมาน .โยมไปสัมผัส รับรู้ความรู้สึกในสถานที่นั้น โยมจะไม่อยากกลับมามีกายเป็นมนุษย์อีกเลย เพราะมันมีแต่ความสุข ..ไม่มีทุกข์
หลายครั้งที่เราทำบุญถวายสังฆทาน จิตเราก็สัมผัสได้ถึงความเย็นสบาย ของดวงจิตที่ท่านมีความสุข มาอนุโมทนา อากาศที่ว่าร้อน มันก็เปลี่ยนเป็นเย็นสบาย ไม่เร่งรีบ ไม่มีความลุกลี้ลุกลน ไม่มีอารมณ์อะไรรบกวน ไม่รู้สึกว่าหิว ทั้งที่ยังได้กินข้าว ตั้งแต่เช้าจนบ่าย ก็ไม่รู้สึกหิว ..จิตมันเฉย.เหมือนอิ่มในบุญกุศลที่เกิดขึ้น ยิ่งมีจิตที่ท่านสูงเทพอินทร์มาอนุโมทนา สีของเทพก็ทำให้อากาศนั้นเย็นสบาย มันก็เป็นความสุขอีกแบบหนึ่งของจิต
แต่เวลาพวกที่เป็นจิตเร่ร่อนมาอนุโมทนา ..มันก็รู้สึก แสบร้อน ไปกับทุกข์ที่เค้ากำลังรับทุกข์อยู่
เมื่อจิตยังคงมีกรรม มันก็มีทุกข์ไม่จบไม่สิ้น จนกว่าจิตนั้นจะยุติการเกิดได้ หมดทุกข์ได้ จิตก็มีแต่ความสุข
โฆษณา