8 เม.ย. 2023 เวลา 03:59 • ความคิดเห็น
เรื่องของรางสังหรณ์ เราต้องแยกแยะให้ดี บางที่หลายเรื่อง มันก็คล้ายเป็นลางสังหรณ์ เช่น เรื่องคนที่จะจากไปไม่มีวันกลับ ..ที่พูดอะไรแปลกผิดปกติ..แล้วขับรกไปเกิดอุบัติเหตุตาย ..มันมีหลายเรื่อง เหมือนเป็นการเตือนสติ ให้เรารับรู้ ระมัดระวัง ..ในการใช้ชีวิต
. มีช่วงหนึ่ง พระท่านบอกว่า ช่วงนี้ ขับรถระมัดระวังหน่อย พอดีเราขับรถมาถึงทางโค้ง ช่วงเวลากลางคืน เรามองเห็นทางนั้นเป็นทางตรง (ภาพหลอน) ก็มีเสียง .แว่วมาว่า ทางโค้ง ..เราก็เปิดไฟสูง ..เห็นเป็นทางโค้งจริงๆ ทั้งที่เวลาก่อนได้ยินเสียง เราเห็นเป็นทางตรง เรื่องราวเหล่านี้ ก็ทำให้ไม่แปลกใจ ในเรื่องอุบัติเหตุ ที่เกิดขึ้น สถานที่นั้นบ่อยๆ
เคยขับรถผ่านถนนสองเลน แล่นสวนกัน ช่วงกลางคืน เป็นทางโค้ง พอดี มองเห็นรถอีกเลนหนึ่ง แล่นสวนมา ..เห็นเป็นคนนอนกับพื้น ..รถที่แล่นสวนมา ก็วิ่งทับไปบนคนที่นอนบนพื้นถนน ผ่านไปเสี้ยววินาที เราก็เห็นคนถอดเสื้อ นั่งคร่อมเส้นขาว ตัวแดงเหมือนเลือดท่วมตัว .ในระยะสี่ห้าเมตรข้างหน้า ..ไม่มีทางที่เราจะแต่เบรคได้ทัน ..ก็ผ่านเลยไป
..เราก็ถามคนนั่งมาด้วย ว่าสักครู่เห็นอะไรมั้ย เค้าบอกว่า..เห็นคนนอน..ที่ถนน.. เราก็ถามเค้าว่าเห็นกี่คน ..เค้าบอกว่าคนเดียว นั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง ที่เราได้ค่อยๆ เรียนรู้..เรื่องจิตที่ไม่มีกาย
เราก็คิดว่า ตรงบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ มีการหักหลบพารถลงคลองบ้าง ชนข้างทางบ้าง ..มันคงมีเรื่องหลอนบ้างล่ะ ยิ่งกินเหล้าเมา ..สติไม่มี..หากเห็นแบบนี้ ..หลอนแบบนี้ คงต้องหักหลบกันบ้างล่ะน่ะ หลอนเสียเป็นมายาปิดหูปิดตา ก็อย่าไปเชื่อเราน่ะ ..มันแค่เป็นรางสังหรณ์..ของใครของมัน ..ที่ว่าอยู่กับปัจจุบัน..เวลามันมีเหตุ..ก็รักษาสติให้อยู่กับเนื้อกับตัว อย่าสติแตกจิตมันจะเตลิด.เวลามีเหตุ ควบคุมกายกับอารมณ์ให้ได้ ให้เป็นปกติ
เรื่องลางสังหรณ์ มันเหมือนเรื่องภาพมายา มายาลวงใจ
โฆษณา