8 เม.ย. 2023 เวลา 07:44 • ท่องเที่ยว
ฮิโระซะกิ

Hirosaki Koen ในวันซากุระบานสะพรั่ง

ต้องขอบคุณรถไฟไปอาโอโมริเที่ยวบ่ายที่เต็มเหยียด ทำให้ฉันตัดสินใจไปฮิโรซากิด้วยรถขบวนเช้า ใช้เวลาชั่วโมงครึ่ง เปลี่ยนขบวนที่อาโอโมริ เราก็ถึงฮิโรซากิตอนสิบโมงเศษ
เขาพยากรณ์ไว้แล้วว่าวันนี้อากาศมีทุกระดับ ตั้งแต่ครึ้มฟ้าครึ้มฝนในตอนเช้า ฝนโปรยยามสายถึงบ่าย แล้วก็แดดออกช่วงเย็น ฉันจึงไม่แปลกใจนักเมื่อมาถึงฮิโรซากิพร้อมกับสายฝนพรั่งพรู ผู้คนยืนถือร่มต่อแถวกันขึ้นรถประจำทางอย่างไม่อินังขังขอบ ฉันก็เหมือนกัน แม้ระหว่างทางจะใจเสียเล็กน้อยที่เห็นซากุระตามรายทางโกร๋นเกร๋น กิ่งก้านสีน้ำตาลยังขาดชีวิตชีวา ไม่มีแม้กระทั่งดอกตูม
สถานีฮิโรซากิคึกคักกว่าฮาจิโนะเฮะซึ่งเป็นสถานีชินกันเซนเสียอีก นักเดินทางหลั่งไหลมามากมาย เห็นป้ายซากุระมัตสึริเชิญชวนเป็นแถวแนว เราขึ้นรถเมล์ราคาร้อยเยนนั่งไปเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่บอกว่าสิบนาทีก็ถึง แต่ความจริงคือรถติดยาวเหยียด สิบนาทีจึงกลายเป็นเฉียดๆ ครึ่งชั่วโมง
ยิ่งใกล้สวนรอบปราสาทฮิโรซากิ ปาฏิหาริย์ก็บังเกิด ต้นซากุระที่แห้งแก๋งปราศจากวี่แววว่าจะเบ่งบานเมื่อใดตลอดเส้นทางที่ผ่านมาปลาศนาการไปจากมโนภาพทันที เมื่อเห็นสีขาว ชมพูอ่อน ชมพูเข้ม ของซากุระต้นน้อยใหญ่คลี่กลีบสวยงามต้อนรับ และเมื่อเห็นสวนตรงหน้า ก็ยิ่งต้องสะกดคำว่าลืมหายใจ เพราะซากุระรอบปราสาทแข่งกันออกดอกพราว ขับให้ฟ้าฝนที่กำลังโปรยปรายหมดความหมายไปในบัดดล
ช่ออ่อนหวานบอบบางละลายใจ
แม้บางส่วนจะยังไม่บานเต็มที่ แต่เหล่าซากุระร่วมห้าพันต้นรอบปราสาทก็งดงามยิ่งนัก ผู้คนพากันเดินชมอย่างมีความสุข คูน้ำรอบปราสาทรายรอบไปด้วยซากุระหลากสายพันธุ์ รอบนอกว่าสวยแล้ว งามแล้ว พอจ่ายเงินสามร้อยเยนค่าชมสวนข้างในกับค่าเข้าปราสาทก็ยิ่งเห็นว่าสวยเพิ่มขึ้นไปอีก บางต้นห้อยย้อยสีชมพูเข้มเรี่ยถึงพื้น มีนายแบบนางแบบหมั่นวนเวียนไปบันทึกภาพเป็นแถว แถมเป็นระเบียบเรียบร้อย ฝนน่ะเหรอไม่หวั่นหรอก เพราะทุกรายกลัวไม่สวย เลยเหวี่ยงทั้งร่มทั้งหมวกทิ้ง ไปประขันโฉมยิ้มหวานแข่งกับซากุระอย่างไม่พรั่นพรึง
ที่น่าทึ่งคือคนญี่ปุ่นชอบสังสรรค์ใต้ต้นซากุระจริงๆ ขนาดฝนเทลงมาไม่ขาดสาย พวกเขาก็ยังนั่งล้อมวงบนผ้าใบบนสนามหญ้า มือหนึ่งถือร่ม อีกมือหยิบอาหารที่เตรียมมาหรือซื้อจากร้านค้าที่มาออกร้านกินอย่างเอร็ดอร่อย ปากก็โอ ภาปราศรัย ทางสวนเตรียมผ้าใบปูเต็มลานในอาคารเล็กๆ แห่งหนึ่ง ก็มีผู้คนเข้าไปจับจองนั่งล้อมวงอย่างสนุกสนาน อาหารรอบบริเวณก็ค้าขายกันสนุกมาก ทั้งหยิบ ทั้งชิม ไม่ซื้อไม่ว่า เดินไป กางร่มไป กินไป ชมซากุระไป สนุกจริงๆ
แม้ฝนจะตก นิฮงจินก็มีความสุขกับการใส่เสื้อกันฝน ปูเสื่อนั่งชมดอกไม้
ฉันไม่ได้เข้าไปในปราสาทหรอก เพราะคิวยาวเหยียด ทั้งกลัวจะไม่ทันรถขบวนที่จองไว้รอบเที่ยงเศษๆ ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ทันนั่นแหละ เพราะยิ่งเดินยิ่งเพลิน กินไปเรื่อยๆ ชมไปเรื่อยๆ คูน้ำล้อมรอบก็อุตส่าห์ทำทางเดินพิเศษให้ค่อยๆ ลอดกิ่งก้านที่ยื่นลงไปเรี่ยน้ำ เดินแล้วเหมือนกำลังลอดอุโมงค์ดอกไม้ที่ทอดยาวไม่สิ้นสุด เพราะความงดงามและความรื่นรมย์นั้นมหัศจรรย์จริงๆ
ปราสาทฮิโรซากิและคูน้ำล้อมรอบ อากาศมัว แต่ใจสว่างไสว
ในชีวิตนี้ฉันอาจจะได้เห็นซากุระมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ทุกครั้งให้ความรู้สึกไม่แตกต่าง ไม่เคยเบื่อหน่าย ไม่เคยไม่อยากเห็นอีก คงเป็นเพราะลักษณะพิเศษที่ดูอ่อนหวาน บอบบาง ปลอบประโลม บรรเทาจิตใจที่อ่อนโรยให้กลับมาเข้มแข็ง เพราะซากุระนั้นมีชีวิตอยู่เพียงสองอาทิตย์ก็จากไป แล้วค่อยกลับมาใหม่ปีหน้า แต่ทุกครั้งที่กลับมา ก็ทำให้ผู้ได้พบเห็นเต็มไปด้วยความสงบสุข เป็นช่วงเวลาที่ไม่เร่งร้อน
ทางเดินเลียบน้ำบริเวณปราสาทแสนเงียบสงบ ฟังเสียงฝนแผ่วๆ กับรอยเท้าเบาบางของเราเพียงลำพัง
ไม่ว่าจะเห็นซากุระที่ไหน เวลาใด ฉันก็ยังซาบซึ้งอยู่เสมอ ปลื้มเปรมที่จะได้ค่อยๆ ช้อนช่อบอบบางขึ้นมาเต็มสองมือ แล้วพินิจพิจารณาอย่างละเอียด แม้จะไม่มีกลิ่นหอม หากรูปโฉมก็บำรุงหัวใจและสายตาจนไม่ต้องการสิ่งอื่นมาทดแทนอีกแล้ว
กลายเป็นว่าเวลาที่อยู่กับซากุระนั้นค่อยๆ เดินไปอย่างช้าๆ ฉันไม่เคยเร่งรีบในการชื่นชมความสวยงามเช่นนี้ เหมือนซากุระบ่มเพาะให้ฉันใจเยือกเย็นลง ไม่ทุกข์ร้อนอนาทรต่อสิ่งอื่นใด เวลาค่อยผ่านไปอย่างเนิบช้า เพื่อให้เราจากกันอย่างอาลัยอาวรณ์ เต็มตื้น
ทำทางเดินไม่ลื่นให้ลงไปใกล้ขิดสายน้ำและซากุระมากกว่าเดิม
รอบๆ สวนปราสาทอิโรซากิยังเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึกแน่นอนผู้คนล้านเจ็ดสิบเอ็ดแสน แอปเปิ้ลอาโอโมริเป็นนางเอกของที่นี่ อร่อยอย่างบบอกใครเชียว มีหลากหลายสายพันธุ์ ผลิตภัณฑ์แปรรูปเพียบ ทั้งน้ำผลไม้ ไวน์ แยม ฯลฯ
มองเท่าไรก็ไม่เพียงพอสักที ได้แต่ดื่มด่ำไปอย่างนี้
ช่วงเย็นเราใช้เวลาที่ Hasshoku Center ห่างไปจากสถานีฮาจิโนะเฮะหนึ่งป้าย ตอนลงสถานีนึกว่ามาผิด เพราะสถานีนี้โล่ง เงียบ ไร้ผู้คน แถมมีชานชาลาเล็กๆ บอกให้รู้ว่าเป็นที่จอดรถไฟ แต่ไม่มีนายสถานี ไม่มีใครเลย ฉันเดินอย่างงงๆ มารอป้ายรถเมล์ซึ่งอยู่ห่างออกมาซักสองร้อยเมตร เพื่อจะเรียกแท็กซี่ไปในท้ายที่สุด
ที่นี่ขายของเหมือนตลาดสด คือมีทั้งของสด ของแห้ง ของดอง ของที่ระลึก ในอาณาบริเวณใหญ่โตน่าเดิน เพราะสะอาดสะอ้าน ของไม่แพงเลย แต่ไม่มีปัญญามาแบกกลับ สุดท้ายเลยได้แค่กินไอศครีมชาเชียวแก้คิดถึงเท่านั้นเอง
Hasshoku Center ของสดของแห้งเพียบ
นั่งแท็กซี่กลับมาโรงแรม แล้วก็บ่นกับตัวเองว่าใกล้แค่นี้ ยังอุตส่าห์ไปรถไฟที่ต้องรอตั้งนาน แถมมาแค่ชั่วโมงละไม่กี่ขบวน เอาเถอะ คนเราก็ต้องมีครั้งแรกด้วยกันทั้งนั้น ว่าแล้วก็เดินเข้าตึกข้างๆ สถานี มีของดีของเมืองขายมากมาย รวมทั้งหุ่นจำลองงานเทศกาลสำคัญ บอกวันที่ที่ระลึกให้เราถ่ายกลับไปดูว่าเคยมาที่นี่วันไหน เดือนไหน ปีไหน
มาอาโอโมริกต้องกินแอ็ปเปิล อร่อยหวานกรอบมากๆ
เพิ่งรู้ว่าเขามีสัญลักษณ์เป็นม้ามีชื่อ มีงานแกะสลักมือที่น่าสนใจมากมาย ทีนี้ เพื่อไม่ให้เสียเที่ยวว่าเคยมาฮาจิโนะเฮะ เลยซื้อม้าไม้ที่ห้อยมือถืออันเล็กๆ ติดมือมาเป็นความทรงจำหนึ่งชิ้น แล้วก็กลับมาโรงแรมแบบกระปลกกระเปลี้ย หนาวก็หนาว แต่อุตส่าห์ดีใจว่าฝนหยุดตกแล้ว อากาศแจ่มใส ท่าทางพรุ่งนี้น่าจะเป็นวันดีของเราแล้วล่ะ
ฉากที่ต้องมี สะพานแดง สายน้ำ และซากุระเลียบริมน้ำ
หมายเหตุ* ผู้เขียนเดินทางไปชมในช่วงปลายเมษายน ปี 2553 ข้อมูลบางส่วนอาจเปลี่ยนแปลงนะคะ
โฆษณา