9 เม.ย. 2023 เวลา 05:35 • ดนตรี เพลง

"THE 1975 : At their very best" live in Bangkok 2023

การกลับมาครั้งที่ 3 ของ 1975 เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2023 ที่ผ่านมา หลังจากที่มาไทยเมื่อปี 2015 และ 2019 ที่ขยายสเกลคอนเสิร์ตใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ครั้งนี้จัดที่ Impact Arena โดยผู้จัด Mangosteenfest ซึ่งปีนี้บัตรทั้งหมดถูก sold out ไปเรียบร้อย และปีนี้ ได้ศิลปินเล่นเปิดคือ Wallice นักร้องสาวอเมริกันจากค่าย Dirty Hit ค่ายเดียวกับ The 1975 นั่นเอง
สำหรับการเดินทางไป Impact Arena สามารถเดินทางมาได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะรถส่วนตัวหรือรถสาธารณะ หากมาโดยรถส่วนตัวก็สามารถจอดรถบริเวณตรงข้ามกับ Impact Arena ที่เป็นลานจอดรถกลางแจ้งที่จอดได้ฟรี หรือจอดที่ตึก Challenger ข้างๆ แทนได้ แต่จะต้องเสียค่าที่จอดรถ ส่วนใครที่เดินทางมาโดยรถสาธารณะก็มีตัวเลือกทั้งรถตู้ รถสองแถว รถเมล์ หรือ วินมอเตอร์ไซค์
ภาพลานหน้างาน
การเข้างานนั้นถือว่าค่อนข้างสะดวก เนื่องจากมีการกระจายประตูทางเข้าถึง 3 ประตู เมื่อเข้าไปภายในงาน จะมีโซนย่อยๆกระจายอยู่ เช่น Ticket Zone เป็นจุดรับบัตร และติดสายรัดข้อมือ ซึ่งทุกคนจะได้รับบัตรแข็งเป็นที่ระลึกอีกด้วย, โซนจำหน่ายเครื่องดื่ม ซึ่งมีเบียร์จากทาง Budweiser ราคาอยู่ที่ 120-150 บาท, โซน Merchandise มีขายทั้งเสื้อยืด สเวตเตอร์ ฮู้ดดี้ ถุงผ้า และ โปสเตอร์, โซนถ่ายรูปกับ Backdrop และ โซนร้านอาหารที่มีหลากหลายให้เลือก สามารถมากินก่อนเข้างานได้เลย
ภาพ Backdrop หน้างาน
บรรยากาศภายในงานก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่มถือว่ามีความคึกครื้น และคนค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว โดยเฉพาะโซนขายเบียร์ โซน merchandise และ โซน backdrop มีคนต่อแถวยาวและต่ออยู่เรื่อยๆ ก่อนจะถึงเวลาโชว์ แต่ด้วยความที่สถานที่จัดงานค่อนข้างมีพื้นที่เยอะ ทำให้แถวต่อคิวไม่ได้รบกวน flow คนที่เดินอยู่ในงานมาก และไม่ได้รู้สึกแออัดจนเกินไป ถือว่ามีจัดการภายในงานดีเลยทีเดียว
ส่วนผู้คนภายในนั้นมีตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงผู้ใหญ่ และจะพบเห็นชาวต่างชาติอยู่บ้าง นอกจากนี้ยังพบเห็นผู้คนในวงการบันเทิงไทยที่งานเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มศิลปิน นักร้อง ดารา นักแสดง ที่ชื่นชอบ The 1975
ภาพก่อนเริ่มโชว์
วงเปิดตัวมาด้วยการถ่าย Matty ผ่าน backstage พร้อมกับข้อความบนจอว่า ‘Atpoiam’ (A Theatrical Performance of an Intimate Moment) ซึ่งเป็นคอนเซ็ปที่ก่อนหน้านี้วงได้โพส short film ผ่านทาง Youtube เสมือนเป็นการเกริ่นเล็กๆ ถึงโปรเจ็คที่วงกำลังทำอยู่ ก่อนที่ Matty จะเดินออกมาสู่เวที มานั่งลงที่เก้าอี้พร้อมกับจิบไวน์ และเปิดตัวเพลงแรกด้วยเพลง Looking For Somebody (To Love) จากอัลบั้มชุดล่าสุดอย่างสนุกสนาน
ช่วงต้นของคอนเสิร์ต วงจะเน้นเล่นเพลงจากอั้ลบั้มล่าสุดคือ Being Funny in a Foreign Language เป็นส่วนใหญ่ อย่างเพลง Looking For Somebody (To Love), Part Of The Band, Oh Caroline, I’m In Love With You, Happiness และ About You จะมีแทรกเพลงจากอัลบั้มเก่าเข้าไปบ้าง อย่างเพลง The Ballad Of Me And My Brain, If You’re Too Shy (Let Me Know), Falling For You และ It’s Not Living (If It’s Not With You)
ส่วนครึ่งหลังของคอนเสิร์ตจะเน้นเล่นเพลงจากอัลบั้ม 1-3 คือ The 1975 (2013), I Like It When You Sleep for You Are So Beautiful yet So Unaware of It (2016) และ A Brief Inquiry Into Online Relationships (2018) เช่น เพลง Robbers, Somebody Else, I Always Wanna Die (Sometimes), The Sound, Sex, Give Yourself A Try และอื่นๆ ที่ทุกคนรู้จักกันดี
สำหรับ setlist ที่กรุงเทพฯ ครั้งนี้ คิดว่าน่าจะสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับหลายๆคน เนื่องจากมีการเล่นเพลงที่ไม่ได้เล่นที่ทัวร์ประเทศอื่นๆในเอเชีย อย่างเพลง Be My Mistake, Inside Your Mind และ A Change Of Heart ทำให้รู้สึกประทับใจขึ้นไปอีก
ภาพการแสดงช่วงเปิดโชว์
Highlight ของคอนเสิร์ตครั้งนี้ ต้องขอยกให้โมเมนต์พิเศษในเพลง Robbers ที่มีแฟนเพลงชูป้ายเขียนว่า ‘I wanna play guitar for Robbers’ และวงก็ได้ชวนขึ้นมาเล่นกีต้าร์ด้วยจริงๆ ทำเอาทุกคนอิจฉา lucky fan คนนี้สุดๆ และเกิดเป็นโมเมนต์ที่น่ารักมากๆ ส่วนเพลงที่ยกให้เป็นเพลงที่สนุกที่สุดสำหรับคอนเสิร์ตครั้งนี้ คงจะเป็น The Sound ที่ทุกคนกระโดดไปพร้อมๆกัน ถือว่าเป็นเพลงที่มันมากและทำให้คอนเสิร์ตครั้งนี้ complete สุดๆ
นอกจากนี้ เมื่อเทียบจากประสบการณ์ส่วนตัวจากคอนเสิร์ตครั้งที่ผ่านมา รู้สึกว่าวงมีการพัฒนาการเล่น live ได้ดีขึ้นมาก และมีความมืออาชีพขึ้น ยิ่งเมื่อเป็นเพลงช้าหรือ acoustic ยิ่งฟังและสัมผัสได้ว่าเล่นได้ดีกว่าเดิม อย่างเช่นเพลง Falling For You หรือ Be My Mistake และรู้สึกว่า Matty มีความเป็น performer และ entertain คนดูได้เก่งมาก
ภาพการแสดง
โชว์ครั้งนี้ The 1975 ไม่ได้ขนบ้านมาด้วยเหมือนที่เราอาจจะเคยในในคลิปต่างๆ ที่วงแสดงในประเทศอื่นๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย เพียงแค่มีการลดสเกล production และ prop น้อยลง เหมือนไม่ได้ยกมาทั้งบ้านแต่ยกโซน 1 โซนในบ้านมาให้คนดูได้ชื่นใจ ซึ่งโดยรวมคิดว่า stage design ก็ยังคงเก็บกลิ่นอายเดิมไว้อยู่ และรู้สึกว่ายังทำได้ดีมากๆ ในการทำให้เมมเบอร์ในวงดูเด่นและมีซีนของตัวเอง
ภาพการแสดง
โดยรวม วงเล่นไปทั้งหมด 20 เพลง ในระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ถือว่าคุ้มและปลื้มปริ่มมากๆ
ในส่วนที่มีความผิดพลาดเล็กน้อยที่สัมผัสได้คือเรื่องซาวด์ซึ่งในช่วงเริ่มโชว์เพลงแรกๆ รู้สึกว่าเสียงดนตรีดังเกินไปทำให้กลบเสียงนักร้อง แต่ภายในไม่กี่เพลงแรกก็มีการปรับซาวด์อย่างรวดเร็วทำให้ในเพลงต่อๆ ไปราบรื่นดี ต้องชื่นชมที่สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
ต้องขอบคุณผู้จัดที่จัดงานได้อย่างดีและแทบไม่มีอะไรให้ติเลย คิดว่าทุกคนคงมีความสุขกับคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นอย่างมาก!
ติดตามพวกเราได้ที่ 👉 https://thetransmitter.co
เรียบเรียงโดย NNN และ ทีมงาน The Transmitterขอขอบคุณภาพจาก Ponnococrane และ Northern
โฆษณา