9 เม.ย. 2023 เวลา 02:00 • ท่องเที่ยว

กิ่วแม่ปาน สวรรค์บนดิน

ฤดูร้อนมาเยือน ทำให้หวนนึกถึงอากาศหนาวเย็นเมื่อครั้งที่พาพ่อแม่ไปเที่ยว กิ่วแม่ปาน ณ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่
ทริปนี้เดินทางช่วงปลายปี แต่จริงๆแล้วกิ่วแม่ปานมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี จึงเป็นที่ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมธรรมชาติและสัมผัสอากาศหนาวเย็นอยู่ไม่ขาดสาย
ครั้งนี้เป็นการมากิ่วแม่ปานครั้งที่ 2 ของเรา แต่เป็นครั้งแรกของพ่อกับแม่ เนื่องจากคราวก่อนเรามาแล้วประทับใจมาก
เราเลยตั้งใจจะพาพ่อกับแม่มาสัมผัสบรรยากาศแห่งความประทับใจนั้นเหมือนเราบ้างค่ะ
แสงแรก ณ จุดชมวิว กม.42
เราเลือกพักในตัวเมือง จึงต้องออกเดินทางมากิ่วแม่ปานกันแต่เช้ามืด เพื่อมาให้ทันได้ดูแสงแรกของวัน ณ จุดชมวิว กม.42 ซึ่งอยู่บริเวณอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ก่อนขึ้นไปยังกิ่วแม่ปาน
1
เมื่อตรวจสอบเวลาพระอาทิตย์ขึ้นเรียบร้อยแล้วว่าจะขึ้นประมาณ 6.30 น. ประกอบกับดูเส้นทางการเดินทางจากที่พักไปยังกิ่วแม่ปานว่าจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. เราจึงวางแผนออกเดินทางจากที่พักตอนตี 4 เพื่อไปให้ทันดูแสงแรกค่ะ
ความสวยงามของแสงแรก ณ จุดชมวิว กม.42
เนื่องจากอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์อยู่บนดอยสูง และเป็นช่วงปลายปี จึงยิ่งทำให้มีอากาศหนาวเย็น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายจึงต้องเตรียมให้พร้อมที่จะทำให้ร่างกายอบอุ่นพอเพียงพอในระหว่างการเดินในกิ่วแม่ปานนะคะ
ที่วัดอุณหภูมิก่อนทางเข้ากิ่วแม่ปาน
ช่วงที่เราเดินทางไป อุณหภูมิประมาณ 6 องศา ซึ่งเย็นสบายมาก เพราะไม่มีลม แต่เนื่องจากพ่อกับแม่อายุมากแล้ว จึงจำเป็นต้องเตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้พร้อม เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น และเป็นการป้องกันการเจ็บป่วยด้วยนั่นเองค่ะ
กิ่วแม่ปาน หรือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานนั้น ก่อนจะมาเดินจะต้องมีการเตรียมตัวสักหน่อย เช่น สวมใส่รองเท้าที่เดินแล้วสบาย โดยเราแนะนำให้เป็นรองเท้าหุ้มส้น หรือรองเท้าผ้าใบจะทำให้คล่องตัวในระหว่างการเดินนะคะ
เตรียมพร้อมร่างกาย ประเมินความพร้อมของร่างกายตัวเราเองและผู้ร่วมทาง เพราะเป็นเส้นทางเดินระยะไกลพอสมควรค่ะ
เตรียมน้ำดื่มเพื่อใช้จิบดับกระหายระหว่างการเดินเล็กน้อยก็พอค่ะ ถ้ามากไปจะหนักเป็นภาระเราในการเดินด้วยค่ะ
อีกอย่างที่สำคัญคือ ควรเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เพราะไม่มีห้องน้ำระหว่างเส้นทางนะคะ
เนื่องจากพ่อเข่าไม่แข็งแรงเลยไม่ได้มาร่วมเดินด้วย มีเราไปเดินกับแม่ 2 คนค่ะ
แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ สำหรับท่านใดที่มีสมาชิกที่ไม่ได้ร่วมเดินด้วยนั้น ด้านหน้าทางเข้ากิ่วแม่ปานมีร้านอาหาร ที่นั่งพัก รวมถึงห้องน้ำ คอยให้บริการอยู่อย่างเพียงพอเลยค่ะ ซึ่งพ่อก็นั่งทานอาหารเช้ารอเรากับแม่อยู่ตรงนี้เช่นกันค่ะ
ถ่ายรูปก่อนแม่กับลูกสาวจะไปเดินกิ่วแม่ปาน
การเดินกิ่วแม่ปานนั้นทุกคนจะต้องใช้ไกด์ท้องถิ่นเป็นคนพาเดินชมค่ะ โดยเริ่มให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินกิ่วแม่ปานเริ่มลงทะเบียนได้ตอน 5.30 น. และเริ่มเดินรอบแรกประมาณ 6.00 น.
การใช้ไกด์ท้องถิ่นพาชมนั้น เราว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเลยค่ะ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว เพราะเวลาเดินเค้าจะคอยบอกจุดที่ต้องระวัง เนื่องจากบางจุดมีความแคบ ชัน และลื่น
และเรายังได้รับความรู้จากไกด์ในเรื่องต้นไม้ต่างๆ ระหว่างทาง อีกทั้งเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนอีกด้วยค่ะ
ระยะทางเดินทั้งหมดประมาณ 3.2 กม. แต่ระยะเวลาการเดินจะมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของแต่ละบุคคล หรือระยะเวลาการหยุดพักชมความงามของธรรมชาติระหว่างทางด้วยค่ะ
ทางช่วงกิโลเมตรแรกส่วนใหญ่เป็นทางเดินขึ้น
การในช่วงระยะกิโลเมตรแรกนั้นจะเป็นทางเดินขึ้นเพียงอย่างเดียว มีบันไดทางขึ้นเป็นช่วงๆ สลับกับทางเดินธรรมชาติ ถือว่าเดินได้ไม่ยากค่ะ
น้ำตกลานเสด็จ
เมื่อเดินมาสักพักจะพบกับป่าต้นน้ำ มีน้ำตกขนาดเล็ก ไหลมารวมเป็นลำห้วย โดยน้ำตกนี้มีชื่อว่า “น้ำตกลานเสด็จ”
เมื่อมาถึงน้ำตกลานเสด็จเราจึงแวะให้แม่พักเหนื่อยและได้ถือโอกาสเก็บภาพบรรยากาศน้ำตกลานเสด็จไปด้วยค่ะ
เป็นน้ำตกที่มีความสวยงาม และยังที่เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่สำคัญในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติแห่งนี้
มอสที่พบระหว่างทาง
ระหว่างที่เดินเราจะเห็นว่าบริเวณรอบๆ ถูกโอบล้อมไปด้วยป่าดิบเขาที่มีบรรยากาศร่มครึ้ม มีมอสสีเขียวขึ้นคลุมตามโคนต้นไม้และบริเวณริมห้วยรอบน้ำตก
แสงแดดรำไรผ่านต้นไม้ทึบ
ป่ามีต้นไม้อุดมสมบูรณ์มาก แดดส่องลงมาได้แค่รำไรเท่านั้น จึงทำให้อากาศดี เย็นสบาย ไม่มีแดด เดินได้สบายๆ เลยค่ะ
ป่าอุดมสมบูรณ์ระหว่างทาง
ตามเส้นทางจะมีป้ายสาระความรู้อธิบายถึงสิ่งต่างๆ อยู่เป็นระยะ ถือว่าเป็นการให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวได้ดีเลยค่ะ
มีทางเดินราบเป็นบางช่วง
ไกด์ที่พาเดินคอยอธิบาย และตอบคำถามต่างๆให้เราตลอดทาง เนื่องจากไกด์เป็นคนพื้นที่ที่ได้ผ่านการอบรมหลักสูตรไกด์มา จึงช่วยให้ความรู้เราได้เป็นอย่างดี ทำให้การเดินออกกำลังชมธรรมชาติของเราได้ความรู้ไปด้วยเลยค่ะ
กล้วยไม้ป่าแสนสวย
หลังจากเดินในป่าสีเขียวไปสักพัก เราก็จะได้ออกมาพบกับ “ทุ่งหญ้าเมืองหนาว” ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่บนเนินเขาของกิ่วแม่ปาน
จากป่าดิบชื้นสู่ทุ่งหญ้าเมืองหนาว
พอออกจากป่าดิบชื้นมาถึงทุ่งหญ้าตรงนี้ แม่ว๊าวมาก เพราะบรรยากาศมันแตกต่างคนละเรื่องกับในป่าที่เพิ่งเดินออกมาเลยค่ะ
แดดที่ส่องลงมาทำให้กลายเป็นทุ่งหญ้าสีทอง ที่เรารู้สึกว่ามันสวยงามมากๆ สวยแบบที่ถ่ายรูปมายังไงก็ไม่สวยเท่าไปเห็นด้วยตา และยิ่งเห็นว่าแม่ชอบ ทำให้รู้สึกว่าตัดสินใจถูกที่ได้พาแม่มาค่ะ
แม่กับทุ่งหญ้าสีทองและทะเลหมอก
เดินไปสักพัก หันไปเห็นด้านข้างของทุ่งหญ้าสีทอง เจอทะเลหมอก แม่ยิ่งชอบไปกันใหญ่ เราเลยหยุดถ่ายรูปกันตรงนี้อีกสักหน่อย ถือเป็นการให้แม่ได้พักเหนื่อยไปในตัวค่ะ
ทุ่งหญ้าสีทองที่มีทะเลหมอกเป็นฉากหลัง
เมื่อหายเหนื่อยแล้วเราเดินกันต่อ มองเห็นอยู่ว่าข้างหน้าอีกไม่ไกลก็จะได้พบกับวิวที่สวยงามราวกับสวรรค์ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของกิ่วแม่ปานค่ะ
ณ จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน
ในที่สุด!!! สองแม่ลูกก็เดินมาถึงจุดไฮไลท์ของกิ่วแม่ปาน คือจุดชมวิว พอมาถึงจุดนี้แม่บอกว่าสวยมากๆ
วันที่เราไปโชคดีมีทะเลหมอกบริเวณจุดชมวิวนี้ด้วย ยิ่งช่วยเพิ่มให้บรรยากาศสวยงามขึ้นอีก 200% เลยค่ะ
แม่ ณ กิ่วแม่ปาน
เมื่ออยู่ชมวิวตรงนี้กันสักพัก เราเห็นว่าแม่เหนื่อยแล้ว จึงตัดสินใจเดินกลับทางเดิม ไม่ได้เดินไปตามทางเพื่อให้ครบรอบการเดินของเส้นทางค่ะ
รวมการเดินครั้งนี้เรากับแม่เดินตั้งแต่ 6.00-9.00 น. ใช้เวลาเดินนานหน่อยเนื่องจากหยุดให้แม่ได้พักเป็นระยะ จะได้ไม่เหนื่อยมากค่ะ
เพราะเราคิดว่าการเดินทางนั้นไม่สำคัญว่าต้องไปถึงจุดหมายหรือไม่ หรือต้องไปถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด แต่ความสุขระหว่างทางต่างหากคือสิ่งสำคัญ
รอยยิ้มของแม่
จุดหมายของเราในการเดินทางทุกครั้งคือรอยยิ้มของแม่
ดังนั้นถึงแม้ว่าครั้งนี้เรากับแม่อาจจะไม่ได้เดินจนครบตามเส้นทาง แต่ยิ้มของแม่ที่เราเห็นอยู่เป็นระยะตลอดทางการเดินนั้น ทำให้หัวใจพองโตเลยค่ะ
แม้แม่จะเหนื่อย แต่เราก็มั่นใจว่าแม่มีความสุข นั่นก็แสดงว่าเราได้มาถึงจุดหมายอย่างสมบูรณ์แล้วค่ะ
แต่การเดินทางของพวกเรายังไม่จบ มาร่วมติดตามการเดินทางครั้งต่อไปของพวกเรากันนะคะ
โฆษณา