30 เม.ย. 2023 เวลา 11:30 • ท่องเที่ยว

เที่ยวญี่ปุ่น ครั้งแรก ก็ครั้งแรกแทบทุกอย่างจริงๆ Day 1

/บอกกล่าวกันก่อนว่าขออภัยครับที่มาช้า ไม่ได้ตั้งเวลาและก็ไม่ได้เข้ามาเช็คด้วยเลยครับ แหะๆ
ถ้ารวมกับที่ตื่นนอน(ที่จำเวลาไม่ได้)ตั้งแต่วันที่เดินทาง และก็เวลาเดินทางรวมๆ อีกกว่า 6 ชั่วโมง ที่ทั้งนอนไม่ค่อยหลับเพราะนอนไม่สบาย และก็ความตื่นเต้นอีกเล็กน้อยที่กำลังจะได้ถึงประเทศในฝัน
1
ในที่สุดก็มาถึงสนามบินนาริตะจนได้ครับ เย้!!!!
ทุกอย่างราบรื่นดี พักผ่อนมาพอสมควร สดชื่น สบาย ดีใจมาก แบบยิ้มจนเห็นรอยยิ้มทะลุแมสก์ได้เลยครับ แหะๆ
1
ระหว่างเดินไปที่ด่านมนุษย์ทองคำ
แต่ก็ลืมนึกถึงอีกเรื่องไปเลย กับการที่ต้องเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ปราบคนไทยมานักต่อนัก(จริงๆ ก็มีคนชาติอื่นๆ บ้างแหละ เนอะ)
ถ้าเอาควรมกังวลและความเครียดที่ต้องมากังวลว่าจะโดนเข้าห้องเย็นสีขาวที่น่าสะพรึงกลัวไหม มาแปรเปลี่ยนเป็นเงินเยนได้ ผมคงรวยไปแล้ว
และหลังจากที่ผ่านมันมาแบบ เมื่อเรายื่นพาสปอร์ตกลับมาให้เรียบร้อย และเดินผ่านเส้นเข้าไป ก็บอกได้เลยครับ ว่า
"ใจเย็นเถอะโยมเอ้ย มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น"
จริงๆ นะ
1
แต่ก็อย่าทำหน้ากังวลมากเกินไปก็พอแล้ว
ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนี่ยาวมากเลยนะครับ ยาวเป็นเกมงูโนเกียแบบเต็มจอแล้วอะ
ด่านคนออกเมืองที่ไทยนี่น่าจะต้องยอมแพ้เลย
เข้าสู่พื้นที่!
แล้วในที่สุด ก็ผ่านมาได้แล้ว!!
ได้เวลาซะทีครับ เย้....
เป็นสมบัติประจำชาติไปหรือยังไม่รู้นะ แต่นี่แค่ที่สนามบินก็เจอด่านล่อหลอกให้เสียเงินแล้ว!!
ถ้าคิดว่าต่อคิว ตม. นั้นนานสุดในชีวิตแล้ว ขอเรียนเชิญให้มาต่อคิวรอรับบัตร JR ในช่วงที่พนักงานไปพักดูนะครับ แล้วจะรู้สึกถึงการทำลายจิตใจเป็นอย่างดี ฮ่าๆๆ
เอาน่า ก็แค่รับตั๋วแหละ จะเป็นไรไ......
เพราะเรากำลังเกือบจะตกรถไฟสาย Keisei นั่นไงล่ะครับ
เล่าละเอียดก็คงเป็น
ตอนแรกเราแยกกันกับแฟน เพื่อจะได้เร็วขึ้น แต่พอต่อคิว JR แล้ว ใกล้จะถึงแล้ว แฟนเราที่ไปซื้อตั๋ว Keisei นั้นก็ตามเราออกไป เพราะฝั่งนั้นต้องใช้พาสปอร์ตด้วย
เลยยอมหลุดไปก่อนครับ แต่กลับมาก็ดันเจอโกลเด้นไทม์พอดี
ให้ตายเถอะ....
ตรงนี้นี่ เรารอกันเป็นชั่วโมงเลย / คิวยาวไม่ต่างกับด่าน ตม. เลยครับ......
สักวันนึงจะต้องไปให้ได้ / ประหลาดใจเล็กๆ เมื่อเห็นภาษาไทยทีาญี่ปุ่นแบบนี้ครับ แหะๆ
หลุดพ้นจากคิวหฤหรรษ์แล้ว ในที่สุด(จะมีกี่ 'ในที่สุด' ฟะ!!!)ก็ได้ขึ้นรถไฟเข้าเมืองซะทีโง้ย
สิ่งหนึ่งที่คาดคิดไว้ เมื่อตอนที่แล้ว มันมาแล้วครับ
นี่คือคิด แต่ไม่ได้คาดคิดว่าถ้ามาถึงแล้วจะเจอ
ด้วยความกังวลเรื่องอากาศไปนิดหน่อย และก็ประมาทตัวเองด้วย สิ่งที่เจอเลยก็เป็นว่า “รถไฟเขาเปิดหน้าต่างได้ เลยเปิดหน้าต่างเพื่อเอาอากาศภายนอกเข้า แล้วก็จะได้ไม่ต้องเปิดแอร์ไงล่ะ”
นั่นแหละครับ เราจึงได้สัมผัสอากาศหนาวที่ออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเราตั้งแต่สนามบินและสถานีรถไฟกันเลยมีเดียวเชียว
แหมมมมมมมม่
บนรถ เราจึงเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากไทยคนหนึ่งที่ยืนหนาวเพราะมีแต่เสื้อคอกลมอยู่คนเดียวเลยไงล่ะ ทั้งรถเขามีเสื้อคลุมกันหมดเลย
ภาพแค่ไม่กี่ภาพที่ถ่ายไว้ตอนเข้าเมือง
...ให้ตายเถอะ
ยืนหนาวๆ ปนง่วงสักพัก ก็ได้มาถึงสถานี ชีวิต และสัมผัสความรู้สึกของสถานีรถไฟแบบคนพลุกพล่านแบบที่เคยเห็นในทีวีมาซะที
แต่ก็อ้อยอิ่งไม่ได้ครับ เพราะแม่งหนาวชิบหาย เลยต้องรีบไปซื้อตั๋วรถไฟและรีบเข้าที่พักก่อน เพื่อจะได้เอาเสื้อกันหนาวออกมาใช้ได้ซะที
ถึงตรงนี้ หลายๆ คนอาจจะมีความสงสัยว่า ถึงญี่ปุ่นตั้งนานแล้ว ทำไมไม่เอาเสื้อกันหนาวออกมาใช้แต่แรกล่ะไอ้ชาย?
คำตอบคือ ผมแรพกระเป๋ามาครับ....
ห่อมันตั้งแต่สุวรรณภูมิเลยครับ
อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลว่าจะโดนรื้อกระเป๋า หรือกระทั่งกรีดกระเป๋า เราเลยใช้บริการแรพกระเป๋าที่สนามบินสุวรรณภูมิครับ
เหมือนจะเจอแต่ยี่ห้อนี้ แต่ยี่ห้อนี่เขาตอบโจทย์เราที่ปลายทางด้วยครับ เพราะเขาติดที่กรีดห่อไว้ให้ด้วย, อันนี้รัก
พอมันถูกห่อแบบนี้มา แล้วตอนอยู่กลางสนามบิน มันดูไม่สะดวกหลายๆ อย่างครับ เลยยังไม่กล้าแกะห่อด้วยความเกรงใจสถานที่
แล้วไอ้ครั้นจะแกะแรพ(หรือก็คือซีล)ที่สนามบินเลยนี่ ก็ไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ครับ เพราะพยายามมองหาถังขยะที่พอจะทิ้งได้ ก็ไม่มีเลยครับ อุแง
1
เอาน่ะ ทนหนาวอีกนิดเดียว เดี๋ยวก็ถึงแล้วแหละ
แต่พอถึงสถานีปลายทางแล้ว ก็เพิ่งได้รับรู้ถึงความดีงามของสถานีรถไฟที่นี่จังครับ เพราะลมเย็นตลอดทางเดิน แม้กระทั่งอยู่ในสถานีเลยครับ
แต่นี่มันลมหนาวววววววววววว บรึ๋ยส์
ขึ้นมาจากสถานีรถไฟแล้ว / แล้วก็ได้สัมผัสบรรยากาศแบบญี่ปุ่นจริงๆ ซะทีครับ
ที่พักประจำทริปนี้ครับ นอนยาวๆ เพราะไม่อยากเปลี่ยนบ่อย
เรามาพักกันที่ย่านที่ชื่อว่า Monzen Nakacho ครับ ที่พักคือ Keisei Richmond Hotel ครับ
ซึ่งโรงแรมนั้นดูหรูหล่อมากครับ(เนื่องจากแฟนเรานั้นจัดการทุกอย่าง เราเลยไม่เคยหาข้อมูลอะไรทั้งสิ้นเลยนะ แย่จัง) ทำให้ไม่รู้เลยว่าค่าที่พักนั้นเท่าไหร่
แต่ที่แน่ๆ ในมุมเราเอง ถ้าราคาไม่เยอะ มันคือโรงแรมที่ดีงามเกินราคา แต่ถ้าราคาแพงนิดๆ(เรทในใจเรา แพงคือประมาณ 2000 บาทขึ้นไปต่อวัน) มันก็เป็นโรงแรมที่สมราคามากครับ
1
อย่าว่างั้นงี้เลย รีบแกะกระเป๋า เอาเสื้อกันหนาว และรีบไปหาข้าวกินดีกว่า หิวแล้ววววว
ต้องขอตัวช่วยก่อน มือแข็งแล้วจ้าาาาาาาาส์
สวมเสื้อกันหนาว(มีพี่คนนึงเรียกว่าเสื้อมิชลิน)แล้วก็ออกเดินทางไปยังเป้าหมายของเราครับ
อุเอโนะนั่นเอง
ศิวิไลซ์มากฮร่าาาาาาาาา
ออกจากสถานี แล้วก็เดินหาร้านข้าวที่ปักหมุดไว้ นั่นคือร้าน Matsuya ที่สาขาอุเอโนะครับ เพราะตั้งใจว่าจะไปหาร้านยูนิโคล่ด้วยพอดี แล้วเห็นว่ามันใกล้สุด เลยเลือกมาที่ย่านนี้กัน
ร้านชื่อ Matsuya แต่ปากชอบพูด Matsuda.....
ร้านอาหารร้านนี้ เป็นร้านที่แฟนเราเลือกมาเพราะว่ามีคนแนะนำว่าดีนะครับ เลยเลือกเอาอันนี้นี่แหละ
แต่จริงๆ แล้ว ต่อให้ร้านนี้นี่คือร้านที่ปักหมุดมา แต่ใจน่ะอยากกินร้าน Saizeriya นะ และก็เจอร้านแล้วด้วย แต่คิวยาวมากครับ เลยต้องขอยอมก่อน ไว้มาแก้มือวันหลัง
Before / After ; สะใจมาก!!!
นี่เป็นร้านที่ไม่คิดว่าจะได้กินเป็นมื้อแรกน่ะนะ เพราะคิดว่า นึกว่าจะเป็นร้านดีกว่านี้ ฮ่าๆๆ
ร้าน Matsuya เป็นร้านที่กดสั่งผ่านตู้อัตโนมัติและบริการตัวเองเลยครับ ง่ายๆ
นี่แหละดี
ร้านจะเน้นไปทางแฮมเบิร์ก ที่พอสั่งมากินแล้วไม่ผิดหวังเลยนะ แถมเกินคาดด้วยซ้ำ เพราะพี่มาบนกระทะร้อนเลย!! อร่อยและอิ่มพอ(หรือเพราะหิวจัด เลยกินไม่เยอะก็อิ่มไม่รู้สิ)
มารู้ทีหลังว่าร้านนี้ก็เป็นร้านคล้ายๆ โยชิโนยะนั่นแหละครับ ที่มีหลายสาขาทั่วญี่ปุ่นนั่นแหละ แต่ก็ดีเลยนะ ไม่ได้คิดว่าจะมาเจอของดีแบบนี้
1
ปักหมุดไว้ในสมองแล้วว่านอบหน้าจะมาลอง / ธงไทยแบบเด่นชัดขนาดนี้....
เดินไปเจอแดนศักดิ์สิทธิ์ / รูปสุดท้ายคือร้านอะไรไม่รู้ที่ ห อ ม เหลือหลาย
จากนั้นก็ตระเวนเดินเล่นไปแถวๆ อาเมะโยโกะ และก็เดินหายูนิโคล่ ซึ่งตอนแรกก็เจอยูนิโคล่เล็ก ก็เลยสงสัยกันเพราะว่าตอนดูมามันใหญ่กว่านี้ เราเลยเปิดกูเกิลแมพใหม่อีกที อ้อ เดินผิดทาง.....แล้วก็ไปเจอยูนิโคล่ที่ใหญ่มากกกกกกก เพราะเป็นยูนิโคล่ 6 ชั้น และมีร้านอื่นๆ อีก 2 ชั้นไปเลย
เข้!!!(ตื่นเต้นจริงนะ)
แล้วก็เดินวนไปวนมาในนั้นนานเลยครับ ซึ่งได้ของกันไปกันคนละตัวสองสามสี่ตัว(?)
(แอบตกใจราคานะ เพราะมันต่างกับบ้านเราลิบเลยจริงๆ)
สุดท้ายก็กลับที่พัก และก็เตรียมตัวเดินทางเช้าวันพรุ่งนี้ครับ
อ้อ ก่อนขึ้นวันใหม่ เราลืมไปเรื่องนึง
อากาศตอนไปตอนนั้น กลางวันเป็นเลขสองตัว กลางคืนเป็นเลขตัวเดียวนะครับ ซึ่งกลางคืนนี่ เสื้อกันหนาวดีๆ สักตัวทำให้คุณสนุกกับการเดินได้อย่างสบายใจเลยนะ เพราะกลับมาถึงรู้ว่าตอนไปเดินน่ะ 3 องศาเองนะ.....
ขอพักผ่อนก่อนนะครับ แล้วพรุ่งนี้จะมาเล่าให้ฟังใหม่
โซนแห่งความบริสุทธิ์(?) ที่ไม่ต้องกวักมือเรียกก็เข้าไปตลอด เพราะชอบไปดูแพคเกจจิ้งครับ...
โฆษณา