12 เม.ย. 2023 เวลา 09:31 • ดนตรี เพลง

Merry Christmas Mr. Lawrence บทเพลงและภาพยนตร์แห่งความทรงจำ

ห่างหายจากการรีวิวไปนานแสนนานอย่างเช่นเคย(5555) จนตัวผู้เขียนรู้สึกได้ว่ากลายเป็นเอกลักษณ์ของเพจนี้ไปเสียแล้ว เนิ่นนานยามใคร่หาจึงจักมาพบเจอกัน(ใคร่เขียน)
ทุกท่านเคยรู้ถึงถึงความขัดแย้งหรือความแตกต่างบางอย่างในตนเองบ้างไหมครับ? เช่น อยากจะทำอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ทำ หรือการพูดอย่างนึงแต่ทำอีกอย่างเป็นต้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม นี่เป็นส่วนหนึ่งของความไม่สมบูรณ์แบบทางกระบวนความคิดหรือการกระทำของมนุษย์ เมื่อเกิดความขัดแย้งที่กล่าวไปขึ้น แต่ละคนก็จะมีวิธีการจัดการกับความขัดแย้งเหล่านั้นด้วยวิธีการของตน ซึ่งก็อาจแตกต่างกันไปตามความชุดความคิด ประสบการณ์ และการกระทำที่ถูกหล่อหลอมมา
เพลงและภาพยนต์เรื่อง Merry Christmas Mr. Lawrence เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สวยงาม ในการนำเสนอภาพของความขัดแย้ง ความรู้สึกแปลกใหม่และแตกต่าง ที่เรียบง่ายและเรียกได้ว่ามาก่อนการณ์
--- การเดินทางจากบทเพลงอันแตกต่างสู่ภาพยนตร์ ---
คุณริวอิจิและสมาชิกวง YMO ภาพจาก www.highresaudio.com/en/album/view/nc3384/yellow-magic-orchestra-bgm-remastered
Merry Christmas Mr. Lawrence นั้นเป็นทั้งชื่อของภาพยนตร์และเพลง ซึ่งเพลงประพันธ์โดยคุณ Ryuichi Sakamoto เป็นศิลปินและปูชนียบุคคลที่สำคัญต่อวงการเพลงญี่ปุ่น ทั้งการใช้ computer, synthesizer ทำเพลงเป็นกลุ่มแรก ๆ, การก่อตั้งวง Yellow Magic Orchestra ที่เป็นหมุดหมายสำคัญต่อแนวเพลงอิเล็กทรอนิกส์ในญี่ปุ่น, การสร้างค่ายเพลงและโรงเรียนสอนดนตรีของตนเอง, การทำดนตรีประกอบภาพยนตร์ทั้งในและต่างประเทศอย่างมากมาย กระทั่งการรณรงค์เกี่ยวกับธรรมชาติและการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่าง ๆ
[เป็นเรื่องน่าเศร้า เมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา คุณริวอิจิได้จากไปด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย หลังจากการต่อสู้มานานนับสิบปี ตัวผู้เขียนขอแสดงความเสียใจมา ณ ที่นี้ด้วยครับ]
1
Merry Christmas Mr. Lawrence ยังเป็นงานเพลงประกอบและงานแสดงภาพยนตร์ชิ้นแรกของแก หลังจากคร่ำหวอดในวงการดนตรีอยู่พอสมควร ซึ่งเรื่องนี้ได้แจ้งเกิดและเป็นใบเบิกทางสู่การรับรางวัลออสก้าในสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเรื่อง The Last Emperor ต่อไป
1
การเดินทางของตัวผู้เขียนก็คล้ายกัน เริ่มจากการฟังเพลงแล้วจึงชมภาพยนตร์ และอาจคล้ายใครอีกหลายคนที่รู้จักภาพยนตร์เรื่องนี้จากเพลง เพราะนี่คือหนึ่งในบทเพลงอมตะนิรันดร์กาลที่มักจะถูกบรรเลงอยู่เสมอ ๆ (ส่วนตัวได้ยินเวอร์ชั่นเปียโนมาก่อน คงเฉกเช่นเดียวกับหลาย ๆ ท่านเป็นแน่ 555)
เมื่อพูดถึงตัวเพลง บ้างอาจจะนึกถึงทำนองเพลงจังหวะค่อนข้างเร็วที่วนซ้ำ ๆ โน๊ตตัวเดิม ๆ ที่เปลี่ยนคอร์ดสลับไปมา โดดเด่นด้วยความรู้สึกที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ใช่เพียงตัวประกอบ แต่เสมือนเป็นอีกหนึ่งตัวเอกในภาพยนตร์ คล้ายกับเพลงที่มีคนขับร้อง หากแต่เป็นตัวโน๊ต หรือเสียงในเพลงแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ฟังแล้วรู้สึกติดหู อิทธิพลของแนวเพลงในญี่ปุ่นช่วงยุคปลาย 70-80s ถูกส่งต่อและเรียบเรียงอยู่ในเพลงนี้อย่างชัดเจน ฟังแล้วเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ เหมือนแอบเศร้าแต่ก็อบอุ่น และรู้สึกไม่อยากให้เพลงนั้นจบลงเลย
ความต่างจากแนวเพลง(ณ ตอนนั้น)ส่งผลให้เกิดความรู้สึกที่แปลกใหม่และแตกต่าง เพราะเพลงประกอบภาพยนตร์ส่วนใหญ่ยังนิยมใช้เสียงจากการเล่นเครื่องดนตรีแบบปรกติ ไม่ได้มีการใช้เสียงที่สร้างขึ้นจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบที่นิยมทำในปัจจุบัน(โดยส่วนตัวคิดว่าเสียงดนตรีในเพลงนี้ของแกน่าจะมาจากเครื่องดนตรีจริง ๆ ประมาณวงออเคสตร้า แต่ปรับแต่งโทนและผสมกับเสียงที่สร้างใหม่)
[เพลงนี้ยังมีหลากหลายเวอร์ชั่น ที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน(อย่างเวอร์ชั่นเปียโนที่บรรเลงควบคู่ไปกับไวโอลิน ฟังแล้วขนลุกบาดใจดีครับ)ทั้งเวอร์ชั่นของคุณริว หรือคัฟเวอร์ สามารถไปเลือกฟังตามความชอบความสนใจของแต่ละท่านได้เลยครับ]
--- แตกต่าง, ขัดแย้ง, รัก, และ เข้าใจ ---
สภาพความเป็นอยู่ของเชลยศึกในค่ายกักกัน ภาพจาก https://beta.flim.ai/dop/VMO0aWNoaXLDtCBOYXJ1c2hpbWE%3D?wa=true
ดำเนินเรื่องในช่วงยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ณ เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย อันเป็นที่ตั้งฐานทัพแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น รวมทั้งยังเป็นค่ายกักกันเชลยศึกอีกด้วย กำกับโดยคุณ Nagisa Oshima หนึ่งในผู้กำกับชั้นครูของญี่ปุ่น โดยดัดแปลงจากนวนิยายอิงเรื่องจริงของ Sir Laurens Jan van der Post ผู้เคยเป็นทหารในกองทัพอังกฤษ และตกเป็นเฉลยอยู่ในค่ายกักกันดังกล่าว ซึ่งมาจากหนังสือในชุดเล่มที่สองของเขา(The Seed and the Sower)
"แตกต่าง" ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอแง่มุมของสงครามที่แตกต่างจากภาพยนตร์ในหมวดหมู่เดียวกัน ไม่ได้พูดถึงความกล้าหาญชาญชัยของทหาร ไม่มีฉากสงครามที่ยิ่งใหญ่อลังการ ไม่มีรถถัง เรือรบ หรือเครื่องบิน มีเพียงภาพของผู้ตกเป็นเฉลยสงครามชาวต่างชาติและผู้คุมชาวญี่ปุ่นเพียงเท่านั้น ภาพเหล่านี้ถูกนำเสนออย่างแคบ ๆ มิดชิดรัดกุม และระมัดระวัง
การเผชิญหน้าของความแตกต่างทางความคิด ความเชื่อ หรือการกระทำของสองวัฒนธรรม ตะวันตกและตะวันออก นำไปสู่ประเด็นของความ "ขัดแย้ง" ที่เป็นหัวใจหลักของเรื่อง ซึ่งถูกจุดและค่อย ๆ แผดเผาตัวละครอยู่ภายใน ให้มอดไหม้เพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ผสมผสานกับปมที่ถูกผูกมัดภายในจิตใจ เมื่อท้ายสุดแล้วความขัดแย้งยังนำพาพวกเขาไปสู่เส้นทางที่ไม่หวานอมก็ขมกลืน มิอาจฝืนปฎิเสธได้
1
แอบแฝงไว้ด้วย "รัก" อันยากนักจะเอ่ยกล่าว... เป็นประเด็นที่ถูกซ่อน ถูกสอดใส่ไว้อย่างแยบยล ไม่ว่าจะเป็นความรักในเพื่อนมนุษย์ หรือความรักของคนสองคนที่ไม่อาจเปิดเผยได้ แต่ยังคงไว้ซึ่งเส้นด้ายบาง ๆ ที่เชื่อมโยงทั้งสองเข้าด้วยกัน แม้จะบอบบางแต่กลับเหนียวแน่นขึ้นเรื่อย ๆ สวนทางกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ทั้งยังเป็นประเด็นที่สดใหม่ในยุคสมัยนั้น(ยอดชายในหมู่ชาย) ซ้ำยังเป็นกับดักทางความคิดของความเป็นชาย ภายใต้บริบทของชาติที่กดทับเอาไว้
1
การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งโดยอาศัยความ "เข้าใจ" ซึ่งกันและกัน แม้นมิอาจเห็นพ้องตามเหตุและผลของการกระทำ เพียงแต่ต้องมองเห็นและยอมรับถึงปัญหาเหล่านั้นต่างหาก ในชื่อเรื่องหรือแม้แต่ในตัวภาพยนตร์เองนั้นแทบจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเทศกาลหรือวันคริสต์มาสโดยตรง แต่คำอวยพร "Merry Christmas" กลับถูกใช้เพื่อประคับประคอง และโอบกอดความอ่อนโยนที่ยังหลงเหลือท่ามกลางความขัดแย้งของสงคราม เมื่อถึงเวลาที่โลกแปรเปลี่ยน คำอวยพรนี้ก็กลับกลายเป็นคำบอกลาอันแสนเศร้า
1
--- การจากลาและความทรงจำที่ฝากฝัง ส่งต่อ ---
คุณริวอิจิในวัย 70 ปี (2022) ภาพจาก https://www.japantimes.co.jp/culture/2022/12/12/music/ryuichi-sakamoto-concert/
ถึงแม้การแสดงของคุณริวอิจิจะแข็งทื่อราวกับหิน จนเมื่อเขาได้รับชมการแสดงของตนก็รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก(555) แต่นี่ก็เป็นจุดหนึ่งที่ผู้กำกับอยากนำเสนอ ถึงความขัดแย้งระหว่างบุคลิกของนายทหารญี่ปุ่นที่ยึดมั่นต่อชาติอย่างแข็งขัน กับความเป็นปัจเจกและมีอิสระของนายทหารสังกัดกองทัพอังกฤษ นำแสดงโดย David Bowie นักร้อง/นักแสดง"ตัวพ่อ"สัญชาติอังกฤษ(ซึ่งพี่ก็อิสระเกิ๊นนนนน ดูแล้วเข็มขัดสั้นเลยอะ 55555)
[นอกจาก David Bowie แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคับคั่งไปด้วยดารานักแสดงมากฝีมือ ที่ภายหลังก็ได้ดิบได้ดีกันจนมีชื่อเสียงในวงการ ทั้ง Tom Conti และ Takeshi Kitano]
นอกจากบทเพลงดังที่กล่าวในข้างต้นแล้ว ยังเต็มไปด้วยอีกหลากหลายเพลงประกอบของคุณริวอิจิที่ได้สร้างมิติใหม่ให้กับตัวภาพยนตร์(อย่างเช่นเพลง Forbidden Colors) แม้จะเป็นงานทดลอง แต่ก็มอบสัมผัสทางอารมณ์ ความรู้สึกและนัยที่แอบแฝง มอบบางสิ่งบางอย่างที่ทรงคุณค่าไว้ให้เราได้ประจักษ์ ได้สดับรับฟัง และอาจหวนรำลึกนึกถึง เล่นซ้ำหรือส่งต่อ เป็นบทเพลงและภาพยนตร์ในความทรงจำ ไม่ว่าจะของเรา ๆ ท่าน ๆ หรือของใครซักคนหนึ่ง
ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าจะอยู่ได้กี่ปี แต่ผมรู้ว่าผมอยากทำเพลงอีก เพลงที่ผมฝากฝีมือไว้ได้โดยไม่ต้องอายใคร
Ryuichi Sakamoto
1
--- ป.ล. ---
  • ภาพยนตร์เล่าเรื่องในแนวเส้นตรงอย่างเนิบ ๆ ไม่ได้ให้อารมณ์ร่วมไปกับหนังเท่าที่ควร ทั้งยังเล่าแบบแคบ ๆ และมิดชิด รวมถึงการกระทำของตัวละครที่อาจดูไม่สมเหตุสมผล แต่ทั้งหมดล้วนแฝงไว้ด้วยสัญญะบางอย่าง ที่ผู้ชมอย่างเราต้องตีความและชั่งน้ำหนักเอาเอง
  • แนวเพลงของคุณริวอิจินั้นเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ตั้งแต่ electronic pop จนถึงแนวทดลองที่กลับไปสู่รากเหง้าของธรรมชาติ การเริ่มฟังเพลงหรือชมภาพยนตร์ที่แกทำดนตรีประกอบนั้น เสมือนการเดินทางเพื่อหาแรงบัลดาลใจหรือสั่งสมประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่จะคอยประกอบร่างสร้างเราต่อไป
  • ครั้งหนึ่งเขาเคยเล่นเพลง Merry Christmas Mr. Lawrence นี้ให้ผู้ประสบภัยสึนามิในญี่ปุ่นฟัง(ดังในรูปปก) ด้วยการเอาเปียโนที่เหลือรอดในครั้งนั้นมาซ่อมแซม แม้ตัวเครื่องจะโทรมและเสียงไม่ได้ไพเราะสมบูรณ์ดังเดิม แต่บาดแผล การแปรเปลี่ยนของเสียง หรือการคงอยู่และเล่นต่อไปได้ของมัน นั่นคือสิ่งที่สวยงาม
1
ขอขอบคุณบทความอ้างอิงจาก
#R.I.P.RyuichiSakamoto
#MerryChristmasMr.Lawrence
#ReviewByMe
โฆษณา