10 เม.ย. 2023 เวลา 00:44 • ความคิดเห็น

ขอแนะนำให้รู้จักกับ Slow Productivity

ผมได้ฟังพ็อดแคสต์ที่ Tim Ferriss สัมภาษณ์ Cal Newport เมื่อกุมภาพันธ์ ปี 2022
Tim Ferriss เป็นผู้เขียนหนังสือ The 4-Hour Workweek ส่วน Cal Newport เป็นผู้เขียนหนังสือ Deep Work
หนึ่งในหัวข้อที่น่าสนใจ คือคำว่า Slow Productivity
เทคนิค productivity ที่เราเห็นในตลาดมักจะเป็น "Fast Productivity" ที่สอนเรื่องการทำงานอย่างไรให้รวดเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในแต่ละวัน พวกแอปด้าน productivity ทั้งหลายก็พยายามช่วยเราทำสิ่งนี้ ด้วยการลดแรงเสียดทานในการเริ่มงานแต่ละชิ้น ช่วยให้เราเข้าถึงข้อมูลเร็วขึ้น หรือลดจำนวนขั้นตอนในการทำงานเพื่อให้เสร็จได้เร็วขึ้น
หลักการใหญ่ของ Slow Productivity คือการปรับ timeframe ใหม่ จากรายวันเป็นรายเดือนหรือรายปีแทน
แทนที่จะถามว่าจะทำอย่างไรถึงจะทำงานเสร็จได้มากที่สุดในสัปดาห์นี้ ให้ถามว่าต้องทำอย่างไรเราถึงจะสร้างผลงานที่มีประโยชน์จริงๆ ใน 5 ปีต่อจากนี้ - How do I maximize the amount of meaningful stuff I get done in the next five years?
เมื่อปรับเป้าให้ยาวขึ้น เกมก็จะเปลี่ยนทันที เราจะลดความหมกมุ่นกับการทำงานให้ได้มากที่สุดในเวลาที่สั้นที่สุด เราจะคิดให้ดีก่อนที่จะลงมือทำโปรเจ็คอะไร เหมือนที่ Peter Drucker เคยกล่าวไว้ว่า
"There is nothing so useless as doing efficiently that which should not be done at all."
ด้วยมายด์เซ็ตของ Slow Productivty หากวันนี้เราทำได้แค่นิดหน่อยเราก็จะไม่ตีอกชกตัว เพราะชีวิตมีฤดูกาลของมัน บางวันก็เก็บเกี่ยวได้เยอะ บางวันฟ้าฝนไม่เป็นใจก็เก็บเกี่ยวได้น้อย แต่ในภาพรวมเราจะยังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง
สิ่งที่ต้องบอกไว้ก่อน คือ Cal Newport ทำงานเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย ดังนั้นเขาอาจจะมีเวิร์คโหลดไม่เท่ากับคนที่ทำงานบริษัทเอกชนหรือสตาร์ตอัป และอาจมีสิทธิ์มีเสียงในการ say no มากกว่าคนทำงานตัวเล็กๆ ที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ หลายคนคงกังวลว่าถ้ามัวแต่ slow ก็อาจจะไปไม่รอดเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ผมคิดว่าคอนเซ็ปต์ Slow Productivity นั้นมีประโยชน์ และเป็นเรื่องที่เราควรได้ใช้เวลาเพื่อครุ่นคิดในช่วงเทศกาลสงกรานต์แบบนี้ครับ
โฆษณา