11 เม.ย. 2023 เวลา 12:23 • บันเทิง
ยูเนียน มอลล์

สรุปเรื่องราว #BNK48JankenTournament2023 โชคชะตา ความหวัง พลังแห่งมูเก็ตติ้ง

คำว่า”เซ็มบัตสึ” ในภาษาญี่ปุ่น
มีความหมายว่าการคัดเลือก “ตัวจริง”
ทำให้ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่
เหล่าเมมเบอร์แห่ง 48 Group
ต่างหมายมั่นที่จะได้มาครอบครอง
เพราะนั่นคือ “โอกาส” ที่พวกเธอทั้งหลาย
จะได้ฉายแสง ได้พื้นที่สื่อ
ได้มีโอกาสยกระดับชื่อเสียง
และพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถที่มีอยู่
แต่ระบบการแข่งขันนั้นช่างโหดร้าย
เมื่อตำแหน่งเซ็มบัตสึในแต่ละเพลงนั้น
มีพื้นที่จำกัดเพียง 16 เท่านั้น
(หรืออาจผันแปรตามแต่เพลงนั้นๆ จะกำหนด)
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าพวกเธอ
จะต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก
ทั้งฝึกซ้อม ร้อง เต้น เล่น แสดง
รวมไปถึงการรักษาฐานความนิยมของตนเอง
เพราะทุกสิ่งดังกล่าวมานี้ ล้วนแล้วแต่มีผล
ต่อการคัดเลือกตำแหน่งเซ็มอันทรงเกียรติ
ในซิงเกิ้ลลำดับถัดไปอยู่เสมอ
โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของตุลาการอย่าง
ทีมบริหารหรือ ”ออฟฟิเชียล” แทบทั้งสิ้น
แต่สำหรับ “Janken Tournament” นั้น
มีรูปแบบการคัดเซ็มบัตสึที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
โดยการใช้วิธีการแข่งขันแบบ “ทัวร์นาเม้นต์”
หรือเรียกง่ายๆ ก็คือ “แพ้คัดออก” นั่นเอง
และกติกาในการแข่งขันก็แสนจะเรียบง่าย
ด้วยการละเล่นที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก
นั่นคือ “เป่า ยิ้ง ฉุบ” หรือในภาษาญี่ปุ่น
เรียกว่า ”จังเก้น(Janken)”นั่นเอง
เป็นการแข่งขันที่รวดเร็ว
ไม่ต้องใช้ความเก่งกาจสามารถใดๆ
ขอแค่ใช้ดวง จะออกค้อน กระดาษ หรือกรรไกร
ให้ชนะฝ่ายตรงข้ามได้ก็เป็นอันผ่าน
ทั้งนี้ก็เพื่อเปิดโอกาสให้เมมเบอร์ ที่มีฐานความนิยมน้อย
ได้มีโอกาสติดเซ็มบัตสึมากขึ้น
ดังนั้น ไม่สำคัญอีกแล้ว ว่าคุณจะเก่งสักแค่ไหน
หรือจะโด่งดังได้รับความนิยมมากล้นสักเพียงใด
หากคุณไม่สามารถ เป่า ยิ้ง ฉุบ ให้ชนะฝ่ายตรงข้ามได้
โอกาสของคุณก็จะอันตรธานหายไปในพริบตา
“เฮง เฮง เฮง” อย่างเดียวนะครับ นะ
ชนิดที่งานนี้ทั้งบรรดาน้องๆ เมม
และแฟนคลับอย่างเราๆ
ต่างงัดทุกศาสตร์ของมูเตลูออกมา
เพื่อช่วยกันชูมือส่งพลังบุญ
ไปที่บอลเก็งกิเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย
จนแอบเชื่อว่าเหล่าทวยเทพเบื้องบน
คงนั่งรับฟังลิสต์คำขอพรกันรัวๆ
กลิ่นอายมหาศึกเทพเจ้าลอยมาทันที
จุดนี้เลยอยากชวนทุกคนมาย่างเท้า
ก้าวเข้าสู่สังเวียนแห่งโชคชะตา
มาดื่มด่ำกับเรื่องราวที่เพิ่งผ่านมากันอีกครา
รอสัญญาณมือจากพี่กันต์นะครับ Ready!
เสียงกลอง: ตูม! (โอย) ตูม! (โอย) ตูม! (โอย)
เป่า ยิ้ง ฉุบ !!! ✊🏻✌🏻🤚🏻
.
.
.
1. “The Theme for Year of Rabbit” กับ “ก.ไก่” ธีมงานที่ขานรับปีกระต่าย 🐰🐇
ปี 66 นี้ เป็นปีที่ตรงกับนักษัตร “เถาะ” หรือ “กระต่าย” ซึ่งเป็นสัตว์บกที่มีรูปร่างหน้าตาน่ารัก น่าเอ็นดู เป็นที่รักและสร้างความประทับใจแรกเห็นแก่ผู้คนที่ได้พบมัน และที่ญี่ปุ่นยังเชื่อกันว่ากระต่ายนั้นเป็น “สัตว์แห่งความโชคดี” และเป็นตัวแทนของความเป็นสิริมงคล เนื่องจากมีพฤติกรรมชอบกระโดดไปข้างหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว จึงเชื่อว่านี่คือความหมายของการ “ก้าวกระโดด” ที่จะนำมาซึ่งความรวดเร็วในการที่จะประสบความสำเร็จและเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป จึงทำให้น้องถูกนำมาใช้เป็นธีมในการจัดงานครั้งนี้
แต่เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าจำกัดแค่เฉพาะกระต่าย มันก็แคบเกินไปน่ะสิ ดังนั้นเมื่อมาลองคิดดูดีๆ เพื่อให้ขอบข่ายการกำหนด ธีมงานนั้น กว้างขวางมากขึ้น ก็ลองหาดูว่ากระต่ายยังมีอะไรอีกที่นำมาปรับใช้ได้ หาไปหามา สรุปแล้วจบที่ “ตัวอักษร”
และอักษรตัวแรกของกระต่ายนั้นคือ ตัว ก ไก่ นั่นเอง อา นั่นละ แค่ ตัว ก ไก่ ตัวเดียว ก็สามารถแตกแขนงความคิดออกไปได้ตั้งมากมาย ลองคิดตามกันเล่นๆดูนะว่า มีคำศัพท์อะไรบ้าง ที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษร ก ไก่ ติ๊กต่อกๆๆๆๆ
สารพัดจะสรรหาคำมาใช้ ทำให้ปีนี้ เมื่อเข้าสู่ช่วงเริ่มงาน ซึ่งจะต้องเปิดตัวผู้เข้าแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น เก้าอี้ชายหาด โกโกวา การะเกด กล้วยหอมจอมซน เกจิ กาแลคซี่ กาซะลอง กะลาสี กุมารทอง แก้ว ณัฐรุจา โกสต์ การแสดง กังฟู กรอบรูปโมนาลิซ่า และอีกมากมาย สร้างความฮือฮาและเรียกเสียงเชียร์ให้ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งฮอลล์ทันที คล้ายเป็นการลั่นระฆังว่า “สงครามแห่งโชคชะตากำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว”
2. “The Greatest Master of Ceremonies of the Age” : การกลับมาของสุดยอดพิธีกรแห่งยุคสมัย
หากจะถามว่าใครคือสุดยอดพิธีกรแห่งประเทศไทยในยุคปัจจุบันนี้ ชื่อที่มักจะปรากฏขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ในหัวของคนไทยแทบทุกเพศทุกวัยนั้น หาใช่ใครอื่น แต่เป็นชื่อพี่ ”กันต์ กันตถาวร” คนนี้นั่นเอง
กับพิธีกรหนุ่มผู้มาพร้อมกับใบหน้าอันหล่อเหลา รูปร่างสูงใหญ่สง่างาม ผิวขาวสะอาดสะอ้าน มีน้ำเสียงอันนุ่มนวลจับใจผู้ฟัง มีปฏิภาณไหวพริบในการพูดและการสร้างบรรยากาศต่อรายการอย่างหาตัวจับยาก สามารถดำเนินรายการได้อย่างลื่นไหลไม่ติดขัด และเป็นที่กล่าวขานถึงมารยาทอันดีงามของพิธีกรหนุ่ม ผู้มักจะให้เกียรติแขกผู้ร่วมงานและคนดูอยู่เสมอๆ ด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่พี่เขาจะสามารถครองใจคนดูและสื่อมวลชนได้อย่างไร้ที่ติ
ดังจะเห็นได้จากการถูกรับเลือกให้เป็นพิธีกรในรายการชื่อดังต่างๆ อย่าง “The Mask Singer” / “I can see your voice” รวมไปถึงการได้รับเชิญให้ร่วมแสดงภาพยนตร์ “ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง” ที่มีน้องๆ สมาชิก CGM48 รุ่นที่ 1 เป็นตัวแสดงนำ และงานที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งของจักรวาล 48 กรุ๊ปไทยแลนด์นั้นคือ “Janken Tournament 2020” ที่เคยจัดไปแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน
ซึ่งเหล่าโอตะทั้งหลายก็ได้ให้การต้อนรับพี่กันต์อย่างอบอุ่น และกล่าวขานเป็นเสียงเดียวกันไปทั่วทั้งงานว่าเป็นพิธีกรที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และเรียกร้องให้พี่กันต์กลับมาเป็นพิธีกรอีกครั้ง หากมีการจัดงาน Janken ครั้งต่อไป
ซึ่งการกลับมาทำหน้าที่ของพี่กันต์ในครั้งนี้ ก็หาได้ทำให้ทุกคนผิดหวังไม่ เพราะยังคงเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์ และมีลูกล่อลูกชนแพรวแพรวเหมือนอย่างเคย ยิ่งโดยเฉพาะงานในปีนี้เป็นระบบปิด ไม่มีการไลฟ์หรือถ่ายทอดสดใดทั้งสิ้น ยิ่งทำให้พี่กันต์นั้นได้แสดงลีลาและการพูดที่มีความเป็นกันเองมากขึ้น
เพราะไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องสคริปต์ ไม่จำเป็นต้องพูดจาให้เป็นทางการมากนัก สิ่งนี้นำมาซึ่งบรรยากาศอันสนุกสนานครื้นเครง เรียกเสียงหัวเราะและเสียงฮือฮาได้แทบจะทุกวินาที เป็นบรรยากาศที่สุดแสนจะ Exclusive ที่บอกได้เลยว่า ใครก็ตามที่ตีตั๋วเข้ามาดูสดๆ คนๆ นั้นก็มีแต้มบุญไม่ต่างจากเหล่าผู้ชนะในงาน Janken เลย
เพราะบรรยากาศอย่างนี้ไม่มีให้สัมผัสได้บ่อยๆ แถมยังมีการเซอร์วิสแฟนๆ ด้วยวลีเด็ด ที่ใครๆ ก็คุ้นหูกันดีจากรายการ The Mask Singer นั่นคือคำว่า “ถอดหน้ากากครับ” เท่านั้นแหละ เสียงเชียร์เฮลั่นสนั่นโรงราวกับอยู่ในรายการนี้จริงๆ ยิ่งคนที่ถูกสั่งถอดหน้ากากไก่กระต๊ากนั้น
ยืนหันหลังให้คนดู พร้อมถอดหน้ากากออกมา เผยให้เห็นใบหน้าเรียวงามพร้อมนัยน์ตาน้ำข้าว คงรู้แล้วสินะครับว่าเธอคือใคร ใช่แล้วครับ #NikyBNK48 นั่นเอง (เจ้าตัวทำชุดเองด้วยนะ มีเพื่อนๆ ช่วยทำด้วย ชื่นชมในฝีมือและความสร้างสรรค์เลยครับ)
ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีจนกระทั่งงานจบลง ซึ่งพี่กันต์ก็ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส และพารายการนี้มาถึงจุดที่น่าอิ่มเอมใจ บอกได้เลยว่า หากพิธีกรที่ถูกเลือกนี้ไม่ใช่พี่กันต์ บรรยากาศของงานจะพลิกไปอีกทิศทางหรือไม่ เพราะเรารู้สึกได้เลยว่า ไม่มีใครเหมาะสมกับรายการนี้เท่ากับพี่เขาอีกแล้ว หากว่าในอนาคตจะมีงานใหญ่ๆ อีกละก็ อยากเห็นเขากลับมาเป็นพิธีกรอีกจริงๆ
ปล.ชุดพี่กันต์ทำให้นึกถึง นารุโฮโด ริวอิจิ แห่ง “Ace of Attorney” เลยครับ
3. “The Homecoming of 2 Commentators” : งานคืนสู่เหย้าของ 2 คอนเมนเตเตอร์
เมื่อช่วงประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนงาน Janken มาถึงนั้น เพจออฟฟิเชี่ยล BNK48 ได้ประกาศว่า จะมีอดีตเมมเบอร์ของ BNK48 จะกลับมาเป็นแขกรับเชิญ และทำหน้าที่เป็น คอมเมนต์เตเตอร์ ซึ่งจะคอยวิพากษ์วิจารณ์การแข่งขัน และช่วยพิธีกรเสริมสร้างบรรยากาศในสานให้มีสีสันมากยิ่งขึ้น และเมื่อชื่อของอดีตเมมเบอร์ทั้ง 2 คน ถูกประกาศ เสียงฮืฮฮาก็ระงมเซ็งแซ่ไปทั่วทั้งโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คทันที ทั้งคู่นี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก
“ปูเป้ จิรดาภา อินทจักร” – อดีตเมมเบอร์ผู้เคยครองตำแหน่งรองกัปตันทีม NV ผู้มาด้วยบุคลิกซึนเดเระ อีกทั้งยังฝากฝีมือไว้ในการเป็น Producer งาน Circle Jam ที่ได้รับเสียงตอบรับในทางบวกอย่างล้มหลามอีกด้วย
“น้ำหนึ่ง มิลิน ดอกเทียน” – อดีตเมมเบอร์สายสวยปนฮา ผู้ครองตำแหน่งเซ็นเตอร์ High tesion และ เพลงโดดดิด่ง ซึ่งปัจจุบันยอดวิวทะลุไปถึง 197 ล้านวิวแล้ว สูงสุดใน MV BNK48 ทั้งหมดทั้งมวล
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่ออดีตเมมเบอร์อย่าง 2 เพื่อนรักนี้ ได้กลับมาทำหน้าที่ในบ้านสีม่วงหลังเก่าอันแสนคุ้นเคย จะเรียกเสียงฮือฮาและเสียงหัวเราะได้มากมายขนาดไหน ทั้งแซว ทั้งแหย่ ทั้งหยอดมุก ทั้งตบมุกกันอย่างลื่นไหล ทั้งรำลึกถึงความหลังสมัยที่พวกเธอเคยลงแข่งขัน ก่อนจะพ่ายแพ้ตกรอบตั้งแต่รอบแรกไปเหมือนกันทั้งคู่
ซึ่งการกลับมาทำหน้าที่ของทั้งสองสาวบอกเลยว่าไม่มีผิดหวัง เพราะบรรยากาศการแข่งขันตลอดทั้งงานนั้นสามารถลดทอนซึ่งความตึงเครียดไปได้มากมาย เพราะมีปูเป้และน้ำหนึ่งนี่แหละที่คอยสร้างบรรยากาศ สร้างสีสัน และคอยเรียกเสียงหัวเราะอันครื้นเครงอยู่เป็นระยะๆ ชนิดที่ว่าหลังจบงานนี้ไปแล้ว เสียงตอบรับก็ลงความเห็นเดียวกันว่า หากมีงานใหญ่ๆ ครั้งหน้า ก็อยากจะเห็นพวกเธอ กลับมาเพื่อสร้างบรรยากาศอีกเหมือนอย่างเคยนะ
ช่างสุดแสนดีใจที่ได้เห็นทั้งสองสาวกลับมา และยังคงไว้ซึ่งความสดใสร่าเริง ความตลกโปกฮา และความกาวโบ๊ะบ๊ะที่พวกเธอมีมาโดยตลอด บ้านหลังนี้ ยังคงรอคอยที่จะต้อนรับพวกเธอกลับมาอย่างอบอุ่นเสมอ และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป
ปล.ใครที่ยังคิดถึงทั้งสองสาว สามารถติดตาม IG: "sleepypupe.zzz milinnn.d" และช่องยูทูป "Sertist" ได้นะครับ
4. “Ready to Battle: War of Goddess” : เหล่าตัวท็อปลั่นกลองรบ สาย A
คำว่า “ตัวท็อป” นั้น เป็นคำนิยามที่เหล่าโอตะ มีไว้ใช้เรียกเมมเบอร์ที่ได้รับความนิยมสูง โดยพิจารณาจากยอดฟอลโลว์ในโซเชียลเน็ตเวิร์ค กลุ่มด้อมกองเชียร์ ขนาดความยาวของแถวจับมือและ 2-shot ยอดซื้อ Merchandise และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเมมเบอร์คนนั้นโดยตรง ยอดเปย์เงินทั้งจาก Champ of the Week และงานเลือกตั้ง General Election เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีผลให้ทางออฟฟิเชียลใช้พิจารณาในการคัดเลือกเมมเบอร์ เพื่อขึ้นมาเป็นเซ็มบัตสึในซิงเกิ้ลลำดับถัดไปอยู่เสมอ ดังนั้นเมมเบอร์ที่มียอดเปย์ยอดซัพพอร์ตสูง ก็ยิ่งมีโอกาสที่ติดซิงเกิ้ลต่อไปสูงมากเป็นเงาตามตัว แล้วยิ่งซิงเกิ้ลนั้นมีสมาชิกตัวท็อปมากเพียงใด ก็ยิ่งทำให้ภาพรวมดูแข็งแกร่ง และส่งผลต่อยอดสั่งซื้อสินค้ามากขึ้นเท่านั้นอีกด้วย
ณ บัดนี้ ไฟสงครามปะทุขึ้นแล้ว เหล่าโอตะทุกคนในฮอลล์ ต่างลุ้นระทึกไปกับศึกแรกของสาย A ถามว่าทำไมแค่ศึกแรกยังน่าตื่นเต้นขนาดนี้ เพราะเมื่อเห็นรายชื่อผู้เข้าแข่งขันในสายนี้แล้ว ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่า มีเหล่าสาวๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ตัวท็อป”อยู่จำนวนไม่น้อยเลย บางคนก็เจอกันตั้งแต่รอบแรกเลยด้วยซ้ำ เล่นเอาผู้ชมทั้งหลายถึงกับเอามือก่ายหน้าผากกันเลย เพราะไม่รู้จะเอาใจช่วยใครดี ถ้าเลือกได้ ก็อยากให้พวกเธอไปเจอกันในรอบลึกๆ มากกว่า
คู่ประชัน ตัวท็อป vs ตัวท็อป มีอยู่มากมาย เช่น “แอล” สมาชิกรุ่นใหม่เจ้าของสมญาภัยพิบัติระดับหมอลำ vs “คนิ้ง” ผู้มาพร้อมปรากฎการณ์แม่คนิ้งตกที่กรุงเทพ / “วี” สาวมาดมั่นสุดซึนผู้แข็งแกร่งบึกบึน vs “สิตา” น้องง่วงหน้าหวานสไตล์ญี่ปุ่น / “ปาเอญ่า” เจ้าของไลน์เต้นแสนสง่าและใบหน้าสวยหวานสายฝอ vs “ออม” กัปตันตัวแม่แห่ง CGM48 ผู้มากความสามารถและความงาม /
“แชมพู vs โยเกิร์ต” คู่ประชันที่ต่างพกพาความน่ารักสดใดและรอยยิ้มเปี่ยมพลังบวกมากันทั้งคู่ การโคจรมาพบกันของเหล่าตัวท็อปในสายเดียวกันเช่นนี้ ทำให้เกิดการแข่งขันที่บีบคั้นหัวใจทั้งผู้แข่งและผู้ชมเลยทีเดียว
การแข่งขันจบลงด้วยผลลัพธ์ที่เหล่าตัวท็อปหลายคนต้องพ่ายแพ้และตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งผู้ผ่านเข้ารอบครั้งนี้ มีทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่อยู่กันอย่างละครึ่งพอดิบพอดี โดยหน้าเก่ามี วี รองแชมป์เก่าห และ เคียล่าที่เคยทะลุไปถึงรอบลึกก่อนชิงชนะเลิศ โดยทั้งคู่ต่างหวังกลับมาเพื่อคว้าชัยชนะอย่างแท้จริง
และอีก 2 ม้ามืดหน้าใหม่ อย่าง แชมพู สาวน้อยน่ารักเจ้าของรอยยิ้มพิมพ์ใจ และ ผักขม เจ้าของรอยยิ้มสดใสและเสียงหัวเราะคิคิอันเป็นซิกเนเจอร์ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้บรรยากาศการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ ดุเดือดเลือดพล่านและร้อนแรงยิ่งกว่าแดดบ้านเรา นับตั้งแต่เสียงกลองรบเริ่มก้องคำราม
สรุปสมาชิกที่ติด”เซ็มบัตสึ”ประจำสาย A
แชมพู CGM48 รุ่นที่ 1 ชุด ก. แกะที่ตายแล้ว
วี BNK48 รุ่นที่ 2 ชุด ก.กฐิน
เคียล่า CGM48 รุ่นที่ 1 ชุด ก. โกลเด้น
ผักขม BNK48 รุ่นที่ 2 ชุด ก.กล่อง
5. “Rise of Green Army” ได้เวลากองทัพเขียวมิ้นท์ผงาด! กับสาย B
หากใครที่ได้ดูการจับฉลากคัดเลือกสาย B ก็คงต้องปาดเหงื่อไปตามกันๆ เมื่อได้พบว่าสมาชิกที่ถูกจับฉลากมาไว้ในกลุ่มนี้ เป็นสมาชิกแห่งแดนเมืองเหนือไปแล้ว ถึง 12 คน ในขณะที่สมาชิกแห่งแดนเมืองกรุงนั้น มีเพียง 7 คน นับได้ว่าโอกาสที่สมาชิก CGM48 จะได้ครองพื้นที่เซ็มบัตสึแทนนั้นมีสูงมาก หากพวกเธอสามารถโค่นพี่ๆ สมาชิก BNK48 ได้ทั้งหมด แม้สุดท้ายอาจจะต้องมาเข่นเคี่ยวกันเองในภายหลังก็ตาม
ยิ่งการแข่งขันที่เป็นคู่ปะทะโดยตรงของสมาชิก CGM48 ที่ต้องมาแข่งขันกันเองนั้น หลายๆ คนจะสัมผัสได้ถึงความตึงเครียด กดดัน เพราะสมาชิก CGM48 นั้นขึ้นชื่อเรื่องความกลมเกลียวเหนียวแน่น ความรักในพวกพ้อง ซึ่งหากพวกเธอเลือกได้ ก็คงไม่อยากจะมาประจันหน้ากันเองเช่นนี้ แม้ขนาดขึ้นเวทีแล้ว เอาหมัดชนกันก็แล้ว หลายคนก็ยังรู้สึกเหมือนถูกกรีดแทงหัวใจ บางคนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ บางคนไม่แม้แต่จะมองหน้าเพื่อนของตนที่เป็นคู่แข่งอยู่ตรงหน้าด้วยซ้ำ
แต่การแข่งขันย่อมมีผู้แพ้ผู้ชนะ ทุกอย่างจึงต้องดำเนินต่อไป มีหลายๆคู่เด่นๆน่าจับตามอง เช่นคู่ของ “พั๊นช์” สาวน้อยร่างเล็กผู้มีลายเต้นสวยงาม vs “แองเจิ้ล” สาวสวยผู้มาพร้อมน้ำเสียงแหลมบาดหูเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทั้งคู่ก็เป็นเซ็นเตอร์คู่กันในเพลง Only Today อีกด้วย ราวกับเป็นอาถรรพ์ให้เซ็นเตอร์คู่มักมาเจอกัน
คู่ของ “มิลค์” สาวร่างเล็กที่เคยติดเซ็มบัตสึในการแข่งขันครั้งก่อน vs “ลูกเกด” สมาชิกหน้าใหม่ผู้มากด้วยประสบการณ์การเป็นไอดอล ก็ทำเอาหายใจไม่ทั่วท้องแล้วว่า หน้าใหม่กับหน้าเก่า ใครจะเป็นผู้คว้าชัยไปก่อนกัน
เมื่อการแข่งขันประจำสายจบลง ก็ลงเอยด้วยผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง เนื่องจากสมาชิกผู้เข้ารอบได้เป็น “เซ็มบัตสึ” ทั้ง 4 คนนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นสมาชิกของวง CGM48 ทั้งสิ้น นั่นหมายความว่า การแข่งขันในสายนี้ วงรุ่นพี่อย่าง BNK48 ได้พ่ายแพ้ต่อวงรุ่นน้องอย่าง CGM48 โดยสมบูรณ์
นี่เป็นหลักฐานที่พิสูจน์ให้เห็นว่า กองทัพวงเขียวมิ้นท์นั้น เข้มแข็ง กล้าหาญ และดวงดีเพียงใด หลังจากนี้ การแข่งขันเพื่อสิ่งที่อยู่สูงสุดของการแข่งขัน จะขับเคี่ยวให้การแข่งขันครั้งนี้ ทวีความดุเดือดขึ้นไปอีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว โดยมีมิลค์ สาวร่างเล็ก แองเจิ้ล สาวเสียงแหลม นีนี่ สาวเสียงหวานผู้มี สกิลด้านดนตรีครบเครื่อง และไข่หวาน สาวน้อยนางรำผู้แสนอ่อนช้อย รวมตัวกันเป็นหัวหอกสำคัญของกองทัพวงเขียว ที่จะเผ่นผงาดในศึกชิงชัยนี้อย่างสง่างามต่อไป
สรุปสมาชิกที่ติด “เซ็มบัตสึ” ประจำสาย B
แองเจิ้ล CGM48 รุ่นที่ 1 ชุด ก.กาล่าดินเนอร์
มิลค์ CGM48 รุ่นที่ 1 ชุด ก.เกมเมอร์
นีนี่ CGM48 รุ่นที่ 1ชุด ก.กามเทพ
ไข่หวาน CGM48 รุ่นที่ 1 ชุด ก.กรวย
6. “Return of the Queen” ราชินีทวงบัลลังก์ สาย C
ในทุกการแข่งขัน นับว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก ที่คนดูส่วนใหญ่ จะจับตามองและตั้งความหวังกับ “แชมป์เก่า” ผู้ซึ่งเคยชนะการแข่งขัน และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เมื่อครั้งอดีตว่า การกลับมาในครั้งนี้อาจจะสร้างประวัติศาสตร์ เป็นแชมป์หลายสมัยซ้อน
ดังตัวอย่างที่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดได้แก่ “จีจี้” สมาชิก BNK48 รุ่นที่ 2 ผู้ที่คอยสร้างเสียงหัวเราะให้แก่คนรอบข้างอยู่เสนอและเคยคว้าตำแหน่ง Janken Queen เมื่อปี 2020 ได้กลายเป็นเซ็นเตอร์เพลงอัลบั้มที่ 3 อย่าง “Warota People” ซึ่งชัยชนะในครั้งนี้ นับเป็นการแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการของจีจี้ และเป็นใบเบิกทางสู่ตำแหน่งตัวท็อปของ BNK48 ได้ในที่สุด
การหวนคืนสู่เวทีนี้อีกครั้งของเธอ ยิ่งทำให้การแข่งขันในสาย C ทวีความร้อนแรงขึ้นไปมากอย่างเห็นได้ชัด เพราะใครๆหลายคน ต่างก็อยากเห็นเธอกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์อีกเป็นสมัยที่ 2 และเพียงรอบแรกก็ต้องเจอกับ “เอิร์ธ” สาวสายร้องเสียงทรงพลัง เพื่อนร่วมยูนิตลูกทุ่ง “eRAA (อีหล่า)” ที่ต้องโคจรมาแข่งกันตั้งแต่รอบแรกประหนึ่งพรหมลิขิต
อีกทั้งยังมีมวยคู่เอกอีกคู่หนึ่งที่น่าจับตาดูผลลัพธ์เป็นพิเศษ เพราะทั้งคู่ต่างก็เคยเข้ารอบเป็นเซ็มบัตสึในการแข่งขันครั้งก่อน แต่ครั้งนี้พวกเขากลับต้องมาเจอกันเองตั้งแต่รอบแรก ได้แก่ “มายยู” ตัวแม่ตัวมัมแห่งการร้องเพลงและการเต้น และ “เฌอปราง” คุณกัปตันและชิไฮนินคนเก่งนั่นเอง สำนวนสุภาษิตไทยที่กล่าวไว่ว่า “เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้” เห็นท่าจะใช้ได้ก็คราวนี้แหละครับท่านผู้ชม เพราะแค่ 2 คู่นี้ ก็ทำเอาเหล่าแทบกลั้นใจลุ้นผลแพ้ชนะจนแทบจะใจจะขาดรอนๆแล้ว
การแข่งขันจบจบลงด้วยการมีผู้ผ่านเข้ารอบ ผู้เป็นหน้าเก่าเพียงคนเดียวเท่านั้นได้แก่ จีจี้ ในขณะที่อีกสามคนที่เหลือ ล้วนแล้วแต่เป็นม้ามืดหน้าใหม่ ที่รอเวลาและโอกาสที่จะพิสูจน์ตนเอง ไม่ว่าจะเป็น “ยาหยี” แรปเปอร์สาวเลือดอีสานสุดคูลแห่งรุ่น 3 “มีน (CGM48)” สาวเมืองเหนือผู้รอคอยเวลากลับมาเฉิดฉาย และ “แพท” สาวน้อยรุ่น 4 ที่พกความสวยน่ารักและความโตเกินวัยมาพิชิตใจทุกคน
ความน่าจับตามองของการแข่งขันหลังจากนี้ นั่นคือ “จีจี้” จะโค่นเหล่าม้ามืดในสายของตน เพื่อกลับไปเป็นคู่ชิงในรอบสุดท้ายได้เหมือนเมื่อครั้งอดีตหรือไม่ หรือจะพลิกโผ ถูกเหล่าม้ามืดเอาชนะและเข้ารอบชิงไปแทนตน หยุดสถิติชนะต่อเนื่องไว้แต่เพียงเท่านี้กันแน่
สรุปสมาชิกที่ติด “เซ็มบัตสึ” ประจำสาย C
ยาหยี BNK48 รุ่นที่ 3 ชุด ก.กัปปะ
จีจี้ BNK48 รุ่นที่ 2 ชุด ก.กล้วยตาก
มีน CGM48 รุ่นที่ 1 ชุด ก.กรีก โรมัน
แพท BNK48 รุ่นที่ 4 ชุด ก.การนอนที่ไม่พอ
7. “Rising Stars' Confrontations” ดาวรุ่งยุคใหม่ประจัญบาน สาย D
หากคุณลองสังเกตสมาชิกในสายนี้ จะพบว่ามีอยู่มากมายหลายคนที่ได้ชื่อว่าเป็น “ดาวรุ่ง” ผู้เริ่มเฉิดฉายวี่แววออร่าความเปล่งประกาย และความสามารถที่มากล้นแม้จะอายุยังน้อยหรือว่าเพิ่งเข้าวงมาใหม่ๆ
ไม่ว่าจะเป็น “แพนเค้ก” สาวน้อยน่ารักผู้ครองตำแหน่งเซ็นเตอร์ซิงเกิ้ล 13 เจ้าของวาทะอันโด่งดังระดับปรากฏการณ์ ”พี่จี้สวยอะ”, “มารีน” อดีตกัปตันวงไอดอลผู้เปล่งประกายพร้อมเรียกเสียงหัวเราะ และมีสปิริตอันแรงกล้า เต้นแล้วล้มก็ลุกขึ้นไปต่อแบบสวยๆ, “จิงจิง” สาวหวานแสนเรียบร้อยผู้ขโมยหัวใจใครหลายคนไปได้ (โดยเฉพาะแชมพู ฉาวมาก มันฉาววว),
“โมเน่ต์” น้องเล็กรุ่น 3 สุดแสบผู้เปี่ยมไหวพริบและพลังอันเหลือล้นที่นับวันจะยิ่งตัวสู้งงงงสูงงงง, “วาว่า” น้องเล็กรุ่น 4 แต่พลังใจเกินร้อย พูดเก่ง แสบสุดๆ, “นานา” สาวสวยลุคนิ่งเจ้าของประโยคสุดเด็ด ”ฉาวมาก”, “แจนรี่” สาวน้อยตาหวานสดใส ผู้สร้างเสียงหัวเราะด้วยการแจกมีมทุกครั้งที่มีโอกาส, "เนเน่" สาวร่างบางนัยน์ตาโฉบเฉี่ยวผู้มาพร้อมเสียงระดับโอเปร่า และ “ฮูพ” สาวสวยตาคมกริบ ผู้มากด้วยศักยภาพและฝีมือการขับรถระดับนักซิ่งดริฟท์สายฟ้า
พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า พวกเธอล้วนแล้วแต่เป็นดาวจรัสแสง ที่จะมาเป็นกำลังสำคัญในอนาคตของ BNK48 และ CGM48 ได้อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งตอบรับกับกระแสแนวทาง “The New Era” อันหมายถึงยุคสมัยใหม่ของ BNK48 หลังจากที่สมาชิกรุ่นที่ 1 ได้จบการศึกษาออกไปจากวงแล้วนั่นเอง
สำหรับพวกเธอเหล่านี้แล้ว นี่เป็นศึก Janken ครั้งแรกในชีวิต ยิ่งต้องมาประจันกันเองและยังต้องสู้กับเหล่ารุ่นพี่ผู้เจนจัดในเวทีแล้ว ย่อมสร้างความกดดันทางใจได้ไม่น้อยเลย แต่เมื่อถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงก็ต้องสู้ เมื่อสายตาของเหล่าเด็กสาวแสดงถึงประกายแห่งความมุ่งมั่น ที่จะเอาชนะเหล่ารุ่นพี่ เพื่อพาตัวเองไปสู่ตำแหน่งเซ็มบัตสึให้ได้
เหล่าโอตะทั้งหลายซึ่งรับรู้ได้ถึงสายตาและหัวใจที่มุ่งมั่นนั้น ก็ยิ่งส่งเสียงเชียร์และเอาใจช่วยพวกเธอให้ผ่านด่านสำคัญนี้ไปให้ได้ ด้วยมุ่งหวังจะได้เห็นเหล่าดาวดวงใหม่ได้ขึ้นเฉิดฉายประกายแสง สุกสว่างอยู่บนฟ้าอย่างสวยสง่างามต่อไป
ผลลัพธ์การแข่งขันของสายจบลง ด้วยการมี “นานา” ดาวรุ่งดวงใหม่เพียงดวงเดียวจากวงเมืองเหนือ ที่ฟันฝ่าการต่อสู้จนมาถึงตำแหน่งเซ็มบัตสึได้ ส่วนอีกสามคนนั้น ก็ล้วนเป็นเมมเบอร์รุ่นพี่จากวงเมืองกรุง ผู้เก๋าเกมและมากด้วยประสบการณ์อย่าง “พาขวัญ” อีกหนึ่งสาวยูนิต eRAA ที่เคยผ่านเข้ารอบมาเป็นเซ็มบัตสึใน Janken Tournament ครั้งที่แล้ว
“ฟ้อนด์” ตัวท็อปรุ่น 2 ผู้มากด้วยพรสวรรค์ทั้งการร้องและการแสดง และ “มิโอริ” Diva สาวสายเลือดอาทิตย์อุทัยผู้มาพร้อมน้ำเสียงทรงพลั ที่กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง จากนี้ไปต้องตามลุ้นกันต่อในศึกสุดท้ายว่ามือเก่าเก๋าเกมส์กับดาวรุ่งพุ่งแรง ใครจะทะลุไปถึงรอบชิงสุดท้ายได้ ความคุกรุ่นเดือดพล่านของศึกชิงชัย กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้าแล้ว
สรุปสมาชิกที่ติด”เซ็มบัตสึ”ประจำสาย D
พาขวัญ BNK48 รุ่นที่ 2 ชุด ก. กระต่าย
นานา CGM48 รุ่นที่ 2 ชุด ก.การแพทย์
ฟ้อนด์ BNK48 รุ่นที่ 2 ชุด ก.กุ๊กๆกู๋
มิโอริ BNK48 รุ่นที่ 1 ชุด ก.แกล
8. “The Best Costume Awards” รางวัลเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม
หนึ่งในสีสันที่อยู่คู่การแข่งขัน Janken Tournament มาตลอดนั่นก็คือ “แฟชั่นโชว์” เพราะนี่เป็นโอกาสที่ชาว โอตะทั้งหลาย จะได้เห็นน้องๆ เมมเบอร์ที่เรารัก มาแต่งตัวอวดโฉมในแบบที่ไม่สามารถเห็นได้ตามปกติหรือในงานทั่วไปได้ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย ที่เราจะได้เห็นชุดอันแสนเวอร์วังอลังการ จ้างร้อยเล่นล้าน เตรียมมาเพื่อคว้าชัยชนะอย่างเต็มพิกัด
ชนิดที่กล่าวได้ว่า ”แพ้ไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้” ก็เห็นจะไม่ไกลเกินคำกล่าวนี้นัก เพราะน้องๆ เมมเบอร์ทุกคนต่างใช้งบประมาณที่ได้รับจากออฟฟิเชียลอย่างคุ้มค่า บางคนก็ใช้ทุนสำรองของตนเองเสริมไปอีก และบางคนถึงกับลงมือประดิษฐ์ชุดด้วยตนเองก็มีให้เห็น
ดังนั้นนอกจากเครื่องแต่งกายจะสามารถเรียกเสียงฮือฮาจากเหล่าโอตะได้แล้ว ยังสื่อให้เห็นถึงความใส่ใจ ทุ่มเทจิตวิญญาณอย่างเต็มที่ของเหล่าเมมเบอร์ เพื่อให้ภาพรวมของงาน Janken Tournnament นี้ออกมาดีที่สุดนั่นเอง
แน่นอนว่าความทุ่มเทเต็มที่ย่อมมีรางวัลตอบแทนเสมอ อย่างเช่นงานนี้ ที่คุณชิไฮนินคนเก่งทั้งสองอย่างเฌอปรางและอิสึรินะ ได้ประกาศไว้ว่า จะมีการมอบรางวัล “The Best Costume Awards” หรือ”รางวัลเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม”
ซึ่งครั้งนี้ จะมีเมมเบอร์ถึง 2 คน ที่จะได้รับรางวัลไป หากแต่ด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างกันคือ รางวัลแรก “The Best Costume Awards” จะได้รับรางวัลเป็นสายสะพายประหนึ่งประกวดนางงาม โดยมีผู้โหวตเป็นเหล่าเมมเบอร์ด้วยกันเอง ซึ่งปรากฏว่า แคนดิเดตทั้งสามคน ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาได้จากทั้งเมมเบอร์ด้วยกันและเหล่าโอตะตั้งแต่งานเริ่มนั้น คือพวกเธอทั้งคนทั้งสามดังต่อไปนี้
เฟม BNK48 รุ่นที่ 3 ชุด ก.กงเต๊ก
ฮูพ BNK48 รุ่นที่ 3 ชุด ก.กินรี
นาย BNK48 รุ่นที่ 2 ชุด ก.แก้บน
บอกเลยขนาดผู้เขียนที่เห็นชุดตั้งแต่ทีแรก ยังอดคิดในใจไม่ได้ว่า 1 ใน 3 คนนี้แหละต้องเข้ารอบแน่นอน แล้วผลลัพธ์ก็เป็นไปตามคาด และเมื่อพี่กันต์ ได้เรียกทั้งสามสาวออกมาหน้าเวทีแล้ว วินาทีประกาศผู้ชนะที่จะมงลงก้ได้มาถึง ซึ่งงผู้ชนะได้แก่ แก่ แก่ ปิ๊งป่องน้อง #FameBNK48 นั่นเองคร้าบบบบบบบบ
รับไปเลยลูกสายสะพายที่คู่ควร ซึ่งไอดอลสายโขนได้กล่าวไว้ว่าที่เลือกคอนเซ็ปต์ชุดเป็นกงเต๊กนั้น เพราะบ้านเป็นคนไทยเชื้อสายจีนนี้มาใช้ สื่อถึงความกตัญญูต่อสายเลือดและบรรพบุรุษที่จะกลายเป็นพลังบุญอันยิ่งใหญ่ที่ส่งผลให้เฟมได้รางวัลนี้ไปครอบครองนั่นเอง ภูมิใจตัวน้องมากๆ จริงๆ ครับ
ส่วนรางวัลถัดมา ได้แก่ “Best Costume ในใจคุณ” โดยมีผู้โหวตเป็นเหล่าโอตะ ซึ่งต้องใช้ BNK Token ในการโหวตครับ
ผลปรากฏว่า “มามิ้งค์ CGM48 รุ่นที่ 1 ชนะขาดลอยไปได้ถึง 10539.81 Tokens เลยทีเดียว โดยมามิ้งค์ ผู้ที่ทุกคนคุ้นตาในลุคที่สุดแสนอินดี้ นิ่งๆ เรียบร้อย อ่อนโยน และอบอุ่นนั้น มาในชุดสุดแสนแหวกแนวเจ้าตัวอย่างแวมไพร์ “ผีดูดเลือด” ซึ่งสอดคล้องกับธีม ”ก.กระหายเลือด” รับไปเลย รางวัลที่เหล่าโอตะเลือกไว้ให้ล่วงหน้าแล้ว ได้แก่ ”ไก่โอ๊ค 9 ตัว” กะต๊ากๆๆ เล่นเอาฮาลั่นโรงกันเลยทีเดียว
บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า กิจกรรมประกวดแฟชั่นโชว์นี่ละครับที่ช่วยลดทอนบรรยากาศความตึงเครียดลงไปได้เยอะมากเลย และถ้าหาก Janken Tournament ยังคงไว้ซี่งธรรมเนียมเช่นนี้ ในการแข่งขันครั้งต่อไป จะยังคงมีผู้ติดตามรอชมแน่นอนไม่เปลี่ยนแปลงครับ
9. “Final Battle: Road to Janken Queen” ศึกสุดท้าย ชิงชัย “ราชินีเป่ายิ้งฉุบ”
ในที่สุดการต่อสู้ที่แสนยาวนานก็ดำเนินมาถึงช่วงองค์สุดท้าย และเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะตัดสินว่า ผู้ผ่านเข้ารอบทั้ง 16 คน ในฐานะเซ็มบัตสึ ใครจะได้ตำแหน่ง Janken Queen ผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ และจะได้รับตำแหน่งสูงสุด อันเป็นความใฝ่ฝันของเหล่าเด็กสาวนั่นคือตำแหน่ง ”เซ็นเตอร์” ที่จะได้รับสิทธิพิเศษในการคัดเลือกเพลงที่จะนำมาใช้เป็นเพลงประจำอัลบั้มที่ 4 นี้อีกด้วย
ณ ช่วงเวลานี้ เหล่าผู้เข้ารอบทั้ง 16 คน แบ่งจำนวนแล้ว มี สมาชิก BNK48 8 คน และ CGM48 8 คน นั่นเท่ากับว่า สมาชิกจากทั้ง 2 วง มีอย่างละครึ่งพอดี ยิ่งทำให้ เพราะโอกาสที่เซ็นเตอร์จะตกเป็นของสมาชิกจากวงใดวงหนึ่งนั้น มีเท่ากันๆ ชนิดเรียกได้ว่า 50:50 จุดนี้ยิ่งทำให้การแข่งขันทวีความดุเดือด และชวนลุ้นไปพร้อมๆ กันในทุกวินาทีของการแข่งขันเลยทีเดียว
เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้นก็มีผู้ผ่านเข้ารอบและตกรอลบกันไปตามระเบียบ แต่แล้วเรื่องน่าฮือฮาก็บังเกิด เมื่อตัวเต็งคู่ชิงชนะเลิศคู่เก่าอย่าง จีจี้ วี ได้พ่ายแพ้ก่อนที่จะไปถึงรอบชิงชนะเลิศ แม้กระทั่งเหล่าเซ็มบัตสึชุดเก่าอย่าง พาขวัญ มิลค์ เคียล่า ก็ได้พ่ายแพ้ไปก่อนเช่นกัน
นั่นหมายความว่า คู่ชิงในนัดนี้ จะเป็นคู่ใหม่และ “แชมป์หน้าใหม่” แกะกล่องกันทั้งคู่ ทำเอาเหล่าโอตะทุกคนถึงกับลุ้นกันตัวโก่ง ว่าคู่ชิงจะเป็นใคร จะเป็นสมาชิกจากวงเดียวกันที่ต้องมาแข่งกันเอง หรือจะเป็นการแข่งระหว่างวงเมืองกรุง VS วงเมืองเหนือกัน
บัดนี้ วินาทีอันน่าตื่นเต้นใกล้มาแล้ว เมื่อผู้เข้ารอบชิงชนะเลิศทั้ง 2 คน เป็นสมาชิกที่มาจากคนละวง และต่างก็เป็นดาวเด่นที่น่าจับตามองทั้งคู่ ได้แก่ #PattBNK48 และ #AngelCGM48 เอาล่ะครับ วินาทีที่ทุกคนรอคอย วินาทีอันแสนบีบคั้นหัวใจ วินาทีที่จะตัดสินทุกสิ่งทุกอย่าง ว่าตำแหน่งเซ็นเตอร์ และถ้วยรางวัล Janken Queen จะตกเป็นของใครระหว่าง แพท สาวน้อยน่ารักที่มาพร้อมเสน่ห์มากล้น หรือ แองเจิ้ล สาวสวยที่พกพลังความร่าเริงมาเต็มพิกัดกันแน่ เราไปลุ้นพร้อมๆ กัน
ในศึกสุดท้ายนี้นะครับ Ready!
เสียงกลอง: ตูม! (โอย) ตูม! (โอย) ตูม! (โอย)
เป่า ยิ้ง ฉุบ !!!
แถ่น แทน แท๊น!!! โอ้ว บร๊ะเจ้าโจ๊ก ผู้โชคดีบังเกิดแล้ว เราได้ผู้ชนะแล้วครับ น้องแองเจิ้ล CGM48 นั่นเองคร้าบบบบบบแหม่ พลิกโผอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ ที่อัลบั้มที่ 4 ในนาม BNK48 จะมีเซ็นเตอร์เป็นสมาชิกจาก CGM48 เห็นกันแล้วสินะครับ
ว่ากองทัพเขียวมิ้นท์ได้เด่นผงาดเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง แองเจิ้ลที่ใบหน้าเปื้อนน้ำตาและรอยยิ้มแห่งความดีใจ ได้กล่าวบนเวทีไว้ว่า “ไม่เคยได้เป็นเซ็นเตอร์เพลงหลักมาก่อนเลย ดีใจมากจริงๆ ดีใจนะมีน้องแพทมายืนข้างๆ จากนี้จะทำให้ดีที่สุดค่ะ”
เสียงปรบมือดังก้องกังวานไปทั่งทั้งฮอลล์ ทุกสายตาจับจ้องมองมาที่ผู้ชนะคนใหม่ด้วยความภาคภูมิใจ และวินาทีที่แองเจิ้ล คว้าถ้วยรางวัล Janken Queen มาชูไว้ในมือ นั่นคือวินาทีที่ประวัติศาสตร์ จะต้องจารึกและเล่าขานไปตราบนานเท่านานว่า “แชมป์คนใหม่ถือกำเนิดแล้ว”
จะออกค้อน กรรไกร หรือกระดาษ
เพื่อพิฆาต ศัตรู อยู่ตรงหน้า
เพื่อชื่อเสียง ดังก้อง ท้องธารา
เพื่อเรืองรุ่ง จึงมุ่งมา ไขว่คว้าชัย
ตั้งมือมั่น แล้วออกไป ด้วยใจสู้
เพื่อมุ่งสู่ อนาคต อันสดใส
สรุปแล้ว “ภัทรา” ต้องปราชัย
“นภัสนันท์” สุดปลื้มใจ ได้เป็น”ควีน”
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ใครจะเป็นผู้แพ้
แต่สิ่งสำคัญได้แก่ มิตรภาพ
ที่ยังคงงอกงาม และเบ่งบานอยู่เสมอ
ขอบคุณ “ออฟฟิเชียล” ที่จัดงานดีๆนี้ขึ้นมา
ขอบคุณ “พี่กันต์” ที่มาเป็นพิธีกรให้งานนี้ราบรื่นไปด้วยดี
ขอบคุณ “ปูเป้ น้ำหนึ่ง” ที่มาเป็นคอมเมนเตเตอร์สร้างสีสันให้กับงาน
ขอบคุณ “ทีมงาน” ผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้งานออกมาสำเร็จ
ขอบคุณ “โอตะทั้งหลาย” ที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในการแข่งขันครั้งนี้
ขอบคุณ “เมมเบอร์” ทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ
ทำให้งานนี้ออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด
เป็นภาพประทับใจที่จะไม่มีวันลืมเลย
และอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของงานนี้
.
.
.
9.5 Time to say Goodbye ถึงเวลากัปตันผู้ยิ่งใหญ่วางมือ
“ดิฉัน นางสาว เฌอปราง อารีย์กุล จะจบจบการศึกษา จาก BNK48 ค่ะ”
เฌอปราง BNK48
เมื่อ “เฌอปราง” นายหญิงผู้แข็งแกร่งและเป็นที่รักของทุกคน ได้พูดประโยคดังกล่าวไปข้างต้น ซึ่งมีความอิงต้นฉบับวงพี่จากญี่ปุ่นที่ถ้าแปลตรงๆ เขาจะใช้ประโยคว่าจะจบการศึกษา ไม่ได้ขอจบการศึกษาแบบบ้านเรา การเรียงคำในประโยคของเฌอเลยเหมือนเป็นการสื่อถึงกลุ่มคนผู้เป็นแรงบันดาลใจให้เธอได้มาอยู่บนเส้นทางสาย 48 นี้ ณ ใจกลางเวทีหลังเสร็จสิ้นการแข่งเป่ายิ้งฉุบ
เสียงปรบมือแห่งความยินดีก็ดังกระหึ่มเกรียวกราวไปทั่วทั้งฮอลล์ในทันที ด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ทั้งใจหายที่เราจะไม่ได้เห็นเธอในฐานะเมมเบอร์และกัปตันคนเก่งอีกต่อไปแล้ว ทั้งยินดี ที่เธอจะได้วางมือจากการอยู่เบื้องหน้า และมุ่งโฟกัสเบื้องหลังเต็มตัว หลังจากที่ทำหน้าที่หัวเรือที่เด็ดเดี่ยว นำพาเรือลำใหญ่ที่ชื่อวง BNK48 อันเป็นที่รักของตนและทุกคนๆ แล่นฝ่าลมทะเลและคลื่นคลั่งอันหนักหน่วง จนสามารถลอยลำเผ่นผงาดอยู่กลางมหาสมุทรได้อย่างสมศักดิ์ศรี และสง่างามเต็มภาคภูมิเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 6 ปี
ขอบคุณ “เฌอปราง” ที่คอยทุ่มเท ดูแลพี่น้องในวงเป็นอย่างดีมาโดยตลอด เราเห็นและรับรู้แหละว่า เฌอต้องเหน็ดเหนื่อยมามากแค่ไหน ต้องทุ่มเททั้งพลังกายพลังใจ แลกไปด้วยหยดน้ำตากี่หยดนับไม่ถ้วน เพราะสิ่งที่เฌอทำอยู่นั้นเป็นการเสียสละเพื่อส่วนรวม สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับเหล่าโอตะทุกๆ คนเสมอมา
จนกว่าจะถึงวันนั้น วันที่ “เฌอปราง” จะได้จบการศึกษาอย่างเป็นทางการในคอนเสิร์ตสุดท้าย ก่อนที่จะไปนั่งแท่น “ชิไฮนิน” เต็มร้อย
เรามาสร้างความทรงจำและความรู้สึกที่ดีต่อกัน และใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ให้คุ้มค่าที่สุดนะจะคอยเป็นกำลังใจและลมใต้ปีกให้เสมอนะ “เฌอปราง อารีย์กุล”
Love you, I say goodbye my “Dearest”
เจอกันใหม่งานหน้า
สวัสดีครับ
ประพันธ์และเรียบเรียงบทความโดย: “แอดภู โอตะหน้ายักษ์ นักเลงกลอน”
ขอบคุณแอดภูมากนะครับที่มาร่วมแจมกัน
จากแฟนเพจตัวยงผู้น่ารัก
ที่คอยส่งพลังบวกให้กันผ่านคอมเม้นต์
จนเพิ่งได้มาเจอกันเต็มๆ ในงานน้องๆ
และมีโอกาสได้รู้จักตัวตนกันจริงๆ
ก็สัมผัสได้ถึงตัวตนความน่ารัก ทะเล้น
เป็นอีกคนที่เสพเรื่องราวมากมายคล้ายกัน
ดีใจที่ได้พบเพื่อนใหม่ และขอฝากแอดภู
ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยน้า
ติชมพูดคุยกันได้เสมอ
พวกเรายินดีนำไปปรับให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ 😉
โฆษณา