12 เม.ย. 2023 เวลา 03:00 • ปรัชญา

พรรคการเมืองที่ (ไม่) กล้าผลักดันนโยบายเรื่อง “รัฐโลกวิสัย” ?

จะมีพรรคการเมืองไหนที่กล้าผลักดันเรื่อง “รัฐโลกวิสัย” (secular state) ให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างจริงจังเสียที?
ตั้งแต่อดีตไม่เคยเห็นพรรคการเมืองหรือนักการเมืองคนใดที่ผลักดันนโยบายเรื่อง “การแยกศาสนาออกจากรัฐ” อย่างแท้จริง หรือที่เรียกว่า “รัฐโลกวิสัย” หรือ “รัฐฆาราวาส” คือรัฐที่เป็นกลางในประเด็นทางศาสนา โดยไม่สนับสนุนทั้งศาสนาและการไม่มีศาสนา การไม่อุปถัมภ์ค้ำชูศาสนาใดเป็นพิเศษ ซึ่งแนวคิดโลกวิสัยส่งผลให้เกิดความเสมอภาค,เสรีภาพ ทางความเชื่อที่หลากหลายของผู้คนในสังคม
แต่หนำซ้ำกลับมีพรรคการเมืองหรือนักการเมืองที่จะตอกย้ำให้ประเทศไทยเป็นเสมือน “รัฐศาสนา” ไม่ว่าเป็นนโยบายที่เรียกร้องให้บัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ หรือ นโยบายที่เรียกร้องให้เอาจริงเอาจังในการสนับสนุนและอุปถัมภ์ค้ำชูศาสนาพุทธเป็นพิเศษ
ซึ่งขัดกับหลักประชาธิปไตรโลกวิสัยแบบสากล ซึ่งประเทศส่วนใหญ่ในโลกที่ตระหนักและให้ความสำคัญกับเรื่อง สิทธิ,เสรีภาพ ไม่เป็นไปในทิศทางนี้
คิดว่าเหตุผลที่ไม่กล้าคือ กลัวเสียคะแนนเสียงกับอุดมการณ์รัฐโลกวิสัยจากสังคมที่ศาสนาพุทธมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งกับผู้คนและวัฒนธรรม หรือเรียกง่ายๆว่า “ขี้ขลาด” ไม่กล้าแตะเรื่องนี้ในสังคมที่เรียกได้ว่าเป็น “เมืองพุทธ” เพราะกลัวเสียคะแนนเสียงหรือแรงปะทะจากสังคม ด้วยเหตุที่ประเทศไทยได้สมาทานเอาศาสนาไปเป็นเสาหลักหรือสถาบันหลักของประเทศ ทำให้สังคมมีแนวโน้มที่จะเปราะบางกับประเด็นทางศาสนากันไปใหญ่ อาจทำให้ผู้คนในสังคมมองในแง่ลบได้
แต่ก็ยังเห็นบางพรรคที่ได้มีการแตะประเด็นทางศาสนามาเป็นนโยบายอยู่บ้าง อย่างพรรคก้าวไกล เช่น การยกเลิกกฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์/เลิกกฎหมายห้ามฆ่าสัตว์ในวันสำคัญทางศาสนา หรืออย่างสิทธิการุณยฆาตของผู้ป่วยแบบประคับประครอง ซึ่งเห็นด้วยและคิดว่ายังดีที่มีพรรคการเมืองที่กล้าแตะประเด็นทางศาสนา
แต่ก็ยังคิดว่าควรพูดคุยถกเถียงเรื่องประเด็นทางศาสนาให้ไปไกลมากกว่านี้ และพรรคการเมืองควรกล้าที่จะเสนอนโยบายที่สนับสนุนการเปลี่ยนสังคมไทยเป็น “รัฐโลกวิสัย” อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมกันเสียที
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องของการที่ภาครัฐได้เข้ามาแทรกแซง อุปถัมภ์ค้ำชูศาสนาใดเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องของงบประมาณและบทบาทของรัฐที่เข้ามาแทรกแซงส่วนต่างๆของศาสนจักร
ต้องยกเลิกรัฐธรรมนูญและบทบาทของรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดการแทรกแซงหรือสนับสนุนในส่วนของศาสนจักรทุกกรณี รวมทั้งยกเลิกกฎหมายที่ลิดรอนสิทธิของประชาชนที่เกี่ยวข้องกับศาสนาทั้งหมด เลิกนำเงินที่เป็นงบประมาณของแผ่นดินไปอุปภัมภ์ศาสนาใดศาสนาหนึ่งเป็นพิเศษ
ต่อมาคือเรื่องของการให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาอย่างเท่าเทียมและเสมอภาค ของคนในสังคม รวมไปถึงการไม่นับถือศาสนาอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ในรัฐธรรมนูญปี 2560 ได้บัญญัติรับรองการนับถือศาสนาเพียงห้าศาสนาเท่านั้น ทั้งๆที่ความจริงบนโลกนี้มีศาสนาอยู่มากมาย ซึ่งมีการประมาณว่ามีอยู่ราวๆ 4600 กว่าศาสนา
ซึ่งการที่รัฐรับรองเพียงแค่ห้าศาสนา (และยกชูหนึ่งศาสนา) นั้นถือเป็นการ “ไม่ให้เสรีภาพ” ในการนับถือศาสนาของผู้คนในสังคมเท่าที่ควร หรืออย่างปัญหาการที่รัฐไม่รับรองบางนิกายของศาสนาพุทธ อย่างเช่นนิกายสันติอโศก เป็นต้น ยิ่งตอกย้ำให้เกิดความไม่เสมอภาคทางศาสนาของผู้คนในสังคม
ต่อมาคือเรื่องของศาสนากับการศึกษา ควรต้องยกเลิกการยัดเยียดวิชาพระพุทธศาสนาเป็นวิชาบังคับในโรงเรียน ทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา รวมถึงยกเลิกการบังคับให้ทำกิจกรรมทางศาสนาในโรงเรียน หรือการจัดกิจกรรมต่างๆในวันสำคัญทางศาสนาอีกด้วย
ซึ่งการบังคับเช่นนี้ทำให้เกิดปัญหาต่อการปฏิบัติตนของนักเรียนที่เป็นต่างศาสนิก และเป็นแรงกดดันทำให้ยากกับคนที่ไม่ได้มีความเชื่อหรือไม่ต้องการทำกิจกรรมศาสนา จึงต้องจำยอมทำตามกรอบของศาสนาเพื่อไม่ให้มีปัญหา
หรือประเด็นปัญหาล่าสุดที่เป็นเรื่องของกฎหมายศาสนากับภาพยนตร์ ที่สร้างความเปราะบางทางศาสนาให้กับภาพยนตร์อย่างเกินสมควร ถือเป็นการไม่ให้เสรีภาพในประเด็นทางศาสนากับผู้คนและกองภาพยนตร์
การแยกศาสนาออกจากรัฐเป็นการให้ศาสนาเป็นเรื่องขององค์กรของศาสนาเอง ทั้งในนามของเอกชนและปัจเจก ประเด็นสำคัญคือต้องส่งเสริมให้เกิด เสรีภาพ,ความเสมอภาคทางศาสนา โดยใช้หลักการ “รัฐโลกวิสัย” (secular state)
ซึ่งเป็นหลักการที่ว่าความเชื่อกับสิทธิเสรีภาพเป็นสิ่งที่แยกขาดกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องให้สิทธิ,เสรีภาพให้ครอบคลุมทุกศาสนาทุกความเชื่อของผู้คนในสังคม ให้เกิดความเสมอภาคทางความเชื่อในที่สุด
ถึงแม้อาจจะเป็นเรื่องยากและเป็นประเด็นที่ค่อนข้างที่จะเปราะบาง แต่ก็ยังหวังว่าจะมีพรรคการเมืองที่ ”กล้า” ยืนหยัดในอุดมการณ์ “รัฐโลกวิสัย” และผลักดันประเด็นนี้อย่างจริงจัง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้สังคมมี "วุฒิภาวะ" ในการพูดคุยถกเถียงประเด็นที่เกี่ยวกับศาสนามากขึ้นในอนาคต เพื่อให้สังคมก้าวไปข้างหน้าและให้เป็นสังคมที่ให้สิทธิ,เสรีภาพทางศาสนาเหมือนนานาอารยะประเทศ
โฆษณา