13 เม.ย. 2023 เวลา 09:10 • ความคิดเห็น
แต่งงาน ไม่เห็นต้องคิด เพราะไม่ใช่ตัวตัดสินชีวิตคู่
ถ้าอยากแต่งก็แต่ง แต่งแล้วได้เกียรติ ได้หน้า ได้เงิน ได้มีตัวตน เป็นเรื่องปกติ
เพียงแต่อย่าไปกู้หนี้ยืมสินมาแต่ง
ชีวิตคู่ ถ้าอยู่ด้วยแล้วเขารักเรา
เรารู้สึกดีมีพลังมีกำลังใจมีความอุ่นใจ
สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
ไม่ต้องคิดมาก !
ไม่มีอะไรแน่นอน
อย่าว่าแต่อนาคต
แม้แต่ชีวิตก็ยังไม่แน่นอน
เพียงแต่ลองตั้งคำถามกะตัวเองดูว่า
ทำไมเราต้องคิดพิจารณา ก่อนแต่ง
เพราะ การแต่งเป็นการจริงจังชัดยิ่งขึ้นว่าคนนี้แน่ที่ใช่ ?
ระหว่างสมอง กับหัวใจ อะไรลดความเสี่ยง
ความเสี่ยงมีแน่ เพราะ
อนาคตไม่แน่นอน
จิตมนุษย์ผันแปรได้ตามเหตุปัจจัย
ใช้สมองมากกว่าใจ ดูฉลาดแต่ก็จะโสดกันมาก
เพราะ ไม่อยากเสี่ยง แค่คิดก็เหนื่อยมากแล้ว
ไม่ว่า นิสัยที่คิดว่าไปกันได้ แต่สุดท้ายไม่ใช่
มีคนเข้ามาในชีวิต แต่เหมือนไม่มีความเป็นกัลยาณมิตรมีแต่มาเอาเปรียบ
บางคนกินใช้ไม่ประมาณตน ติดเพื่อนแก่สังคมกินดื่มเที่ยว สร้างแต่หนี้ มีแต่ปัญหา
ใช้ใจมากกว่าสมอง ดูโง่แต่ก็มีความสุขในเบื้องต้น
ชอบอะไรขำอะไรทำอะไรไปกันได้ดี เคมีตรงกัน ทำอะไรด้วยกันก็มีความสุขสนุกสนาน โลกเป็นสีชมพู มีกำลังใจ มีพลัง มีความหวัง มีความฝันดีๆร่วมกัน
ลงทุนความรักก็จะได้ความรัก
แต่ความรักแบบนี้ มีระยะเวลา ถ้าพาหะไม่เอื้ออำนวย
เงิน เป็นพาหะสำคัญ เป็นตัวตัดสินความยาวนานของความรัก เพราะไม่เน้นสมอง เงินทอง ผลประโยชน์ กำไรขาดทุน
แต่ถ้าพื้นฐานแต่ละคนมีฐานทางการงานการเงินที่มั่นคงยืนได้ด้วยตนเอง ก็ถือว่าช่วยกันสร้างชีวิตร่วมกันได้
แต่....แต่ ถ้านิสัยไม่ดี โลภ โง่ ถูกหลอกถูกโกง ชอบสร้างหนี้ หลงแสงสี ติดเพื่อนชอบสังคมกินดื่ม หรือสัมพันธ์ถึงการพนัน นอกใจไม่ซื่อสัตย์
นรกความรัก ก็รออยู่ข้างหน้า
ลงทุนความรักด้วยการค้าก็จะได้ลูกค้ามาแทน
ส่วนท่ามกลาง และบั้นปลาย ก็ต้องไปลุ้นกันว่าจะ...
เจอปัญหาเรื่องอะไร
ส่วนพวกใช้สมองมากกว่าใจ มักจะโสด
ถ้ารู้สึกว่า ควบคุมความเสี่ยง ไม่ได้ หรือ ความรักยังไม่ถึงระดับที่จะทน กับเรื่องต่างๆ
อ๋อ...ความรักมีหลายระดับ เหมือน ศีล สมาธิ สภาวะธรรมนั้นแหละ มีหลายระดับ และมีทั้งสัมมาทิฐิ มิจฉาทิฐิ
พวกมีกำลังสติแรง ใช้สมอง มักมีเหตุผล และ ไม่ชอบอะไรที่จับต้องยาก เช่น รักด้วยใจ
ก็จิตอารมณ์คนมันผันแปรได้ ตามกิเลสตัณหา เผลอใจไปรักคนผิดชีวิตหายนะไปตลอดชีวิต เขาก็ต้องคิด
ยิ่งหากินเองได้ ไม่ได้หวังเงินทองจากผู้ชายด้วย นี่ยากเลย เพราะกลายเป็นว่า
ชีวิตโสดก็ดีอยู่แล้ว พอมีผัว ก็กลายเป็นว่า ได้แค่มี นอกนั้นมีแต่เรื่อง
เงินทอง ไม่พอใช้ ญาติเดือดร้อน
โลภ บวกโง่ ไปให้เขาหลอกลงทุน สร้างหนี้
หาเงินไม่เก่ง แต่ใช้เงินเก่ง
กินใช้ไม่ประมาณ หน้าใหญ่ แก่สังคม
สุขภาพช่วงล่างไม่แข็งแรง
สุขภาพทั่วไปก็ไม่ได้เรื่อง
กินใช้มักง่าย จนเป็นโรคNCD มีแต่สิ้นเปลือง
มี โรคติดต่อ ไม่เหมาะแก่การเป็นพ่อพันธุ์
ไม่มีศีลธรรม ชีวิตก็ผิดปกติ สร้างแต่ปัญหา
โลภโกรธหลง มาก และบริหารจัดการไม่ได้
กลายเป็นว่า มีแต่ภาระเพิ่ม หนี้สินเพิ่ม
แบบนี้ ใครจะไม่เลือกอยู่เป็นโสด
อ้าว.....ก็เห็นคนเขาก็มีคู่มีแฟนกันมากมายนะ
กุ๊ย อันธพาล นักเลง คนใช้แรงงาน และอีกมากมายทุกระดับ เขาก็มี แถมส่วนใหญ่ มีแล้วเลิก เลิกแล้วมี ก็ยังมี
แถมบางคนคบซ้อนหนึ่ง ซ้อนสองก็มี
ก็บอกแล้วความรักมีหลายระดับ
บางระดับเงื่อนไขน้อยคิดไม่ต้องมาก
แค่...ถูกใจ ใจถึง พึ่งได้ ใจง่าย จ่ายไว ก็พอแล้วที่จะตกลงปลงใจ
เงื่อนไขชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน
สายเปย์ นี่อาภัพรักที่สุด รักที่ได้มาเพราะเราเปย์ หลายคนบอกใช้เงินซื้อความรัก แต่...ถ้าเขาไม่รัก เขาก็ไม่จ่ายไม่ช่วยนะ
อย่าลืม ทุกคนล้วนมีหัวใจ
เด็กสาวหน้าตาดี เป็นจุดตายของสายเปย์ เขาล้วนตาย ติดคุก เดินลงนรกความรักด้วยความเต็มใจ เพราะเขาหลงรักตัวความรัก จึงแสดงความจริงใจด้วยสิ่งที่เขามี
แน่นอน ก็ต้องเป็นเรื่องเงินทองความช่วยเหลือเกื้อกูล
ขณะที่หญิงสาวส่วนใหญ่ก็ต้องการ หนุ่มหล่อ สูง ขาว ตี๋ หรือหน้าตาหล่อคมสัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนขาดซึ่งพาหะสำคัญที่จะปรนเปรอเอาใจสาวสวย
ธรรมชาติมันยุติธรรมเสมอ มันพยายามสร้างสมดุลย์
เราจึงเห็นตามข่าวบ่อยๆว่า ชายหนุ่มหึงโหด ชายแก่หึงเหี้ยม หมดทั้งเงินทอง ความรู้สึกที่ถูกถีบหัวส่ง
เมื่อหมดประโยชน์หมดเงิน หมดสมรรถภาพ
หรือแม้ยังไม่หมดสมรรถภาพดี นางก็แอบไปคบคนอื่น เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาด หายนะจึงมีให้เห็นเป็นข่าวทุกวัน
ฆ่าเขา ตบตีเขา ตามราวี บ้างลามไปถึงพ่อแม่เดือดร้อนถูกทำร้ายไปด้วย
สุดท้าย จะมีคนตาย คนพิการ คนถูกเผาทั้งเป็น คนโดนน้ำกรด ล้วนมาจากตัณหาราคะ ที่ไม่บริหารจัดการให้ดี ปล่อยให้อำนาจโทสะโมหะครอบงำรุนแรง
ถ้าหมั่นบำเพ็ญทานศีลภาวนา สติจะมีกำลังรู้เท่าทัน จิต อารมณ์ที่ถูกครอบงำจากตัณหาราคะได้ไว แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจ
สติ อ่อนกำลังย่อมถูกครอบงำด้วยกิเลสได้ง่าย ขาดสติขาดปัญญาพิจารณา สิ่งที่....
คิด จินตนาการ มโนไป อุปาทานไป เกิดประโยชน์ไหม
พูด เสวนา พาจิตฟุ้งไป ไร้ประโยชน์ หรือได้ประโยชน์
ฟัง หูเบา เจอคำอ้อน คำเจื้อยแจ้ว คำขอร้อง ขอความเห็นใจ คำโกหก คำหลอกลวง เชื่อแล้วมีประโยชน์ไหม
ตัณหาราคะ ความอยาก คุมไม่ได้ จัดการไม่ได้ ผลคือ
เสียตัว เสียเงิน เสียใจ เสียรู้ เสียชื่อเสียง ภาษามวยก็ว่าเสียรูปเสียเหลี่ยม มีแต่เรื่องเสียๆ
ศีล 5 ไม่ใช่ถือแล้วได้บุญ ไม่ได้มีในพระไตรปิฎก แต่มีให้ยึดเป็นทางดำเนินให้มีความเป็นปกติสุข เท่านั้น
แต่คนส่วนใหญ่ไปซีเรียส เลยพาลไม่ถือศีล5 กันสักเท่าไหร่ ไม่ว่าศีล หรือหลักใดๆ ไม่สำคัญเท่าหลักเหตุผล หรือสถานการณ์เฉพาะหน้า ที่ต้องตัดสินใจตามสัญชาติญาณ
จะว่าไปแล้วหากยึดหิริโอตัปปะ คุณธรรมของเทวดา คือความเกรงกลัวต่อบาปทั้งปวง ก็คลุมศีลทั้งหมดแล้ว
กลับมาที่คำถามนะ
สิ่งที่ควรนำมาคิด คือ
ชีวิตคนเราไม่แน่นอน ถ้าปัจจุบันมันดี มีสุข ก็อยู่กับปัจจุบัน
มาถึงขั้นจะแต่งแล้ว ก็น่าจะผ่านจุดสำคัญมาแล้ว คือ
นิสัยดี มีหน้าที่การงาน มีอนาคต
คุณธรรม ความดี มีความเป็นกัลยาณมิตรต่อกัน สำคัญ มาก เพราะจะเป็นเครื่องผูกพันธ์ทางใจ ทำให้อดทน เมตตาให้อภัยกันได้
คนเรามีคิดผิดทำผิดกันทุกคนตามเหตุปัจจัย เพราะสติเราไม่ได้มีกำลังตลอดเวลา
การที่คนของเราเปลี่ยนไป หรือมีคนใหม่ ต้องรู้ไว้อย่างหนึ่งว่า เขาอาจไม่ตั้งใจ ต้องให้อภัย
เพราะในวิถีผู้ชาย อาจพลาดพลั้งไปในสถานที่อโคจร ไปเจอคนบางประเภท ที่เขาใช้อาถรรพณ์วิชา ทั้งสถานที่และคน ร้านกินดื่มส่วนใหญ่เป็นสายมู ย่อมมีของ
คนกลางคืน หรือคนกลางวันบางคน คนที่หวังประโยชน์จากฝ่ายตรมข้าม ไม่ว่าตำแหน่งการงาน การเงิน ทิปหนักๆ เมตตาจุกๆ ล้วนสายมู คือ เล่นของ คุณไสย เป็นส่วนใหญ่
ถ้าเห็นแฟนเราเหมือนมีกิ๊ก คบซ้อน อาจไม่ใช่เพราะจริตนิสัยเขา หลายคนเผลอไปสร้างเหตุที่ไม่ควร แต่ไปทำ เหมือนคนไม่มีสติ จิตอารมณ์เขาถูกครอบงำจากอำนาจมนตรา กลิ่น รูปลักษณ์ สัมผัส น้ำมัน ของกิน ของดื่ม เข้าไปแล้ว
ยิ่งบางคนดวงอ่อนจิตใจดี มีเมตตา พอช่วงนั้นดวงตก มักไม่รอด ไปสถานที่นั้นแล้วต้องไปอีก ไปเจอแม่คนนั้น น้องคนนี้
ต้องไปหาอีก ไม่ไปก็รู้สึกร้อนรุ่มหงุดหงิด ไปตรงนั้น ไปเจอนางคนนั้น ไม่รู้เป็นอะไร มันรู้สึกดี สบายใจยังไงก็ไม่รู้
สมัยนี้คนสายมู เล่นของกันมาก แต่ถ้าเราหมั่นบำเพ็ญ
ทำทาน ใส่บาตรทำบุญ บริจาคเงินช่วยคนป่วยอนาถา ช่วยคนรอบตัวเราที่ลำบากขัดสน
ถือศีล ไม่ทำผิดบาป วันพระ งดเนื้อสัตว์ได้ก็ดี แต่ถ้ายังกินเนื้อสัตว์ให้พิจารณาเมตตาสงสารเขา ฯ
บำเพ็ญภาวนา สวดมนต์ พาหุง เมตตาใหญ่ ด้วยศรัทธา นั่งสมาธิ ทำจิตสงบ ตรึกนึกถึงบุญ ความดีที่ทำ พอจิตนิ่งพอ ให้ขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร
แผ่เมตตา และอุทิศบุญกุศล ต่อพระแม่ธรณีเจ้าที่เจ้าทางผีบ้านผีเรือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายประจำบ้านบริเวณบ้าน และสถานที่ต่างๆที่เราไปทำกิจกรรม
การงาน
และขอส่งบุญ ให้เทวดาประจำตัวเรา เขา และคนที่เรารู้จัก ทำจิตนึกน้อมไปเรื่อยๆสบายๆ
สรุป รักแล้วลุย เชื่อใจ มั่นใจ ไม่ลังเล คบมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้านิสัยไม่ดี คงเลิกไปแล้วกระมังครับ
อดีตเป็นความฝัน ปัจจุบันคือความจริง อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน (หลวงพ่อ จรัญ วัดอัมพวัน)
โฆษณา