14 เม.ย. 2023 เวลา 05:57 • หนังสือ

“จิตวิทยาว่าด้วยเงิน” The Psychology of Money by Morgan Housel

🌱หนังสือเล่มนี้แทรกเกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยของบุคคลต่างๆ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแวดวงการเงิน ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน เข้าใจความไม่แน่นอนของสิ่งต่างๆ มีสติในการใช้จ่าย รู้จักวางแผนซ้อนแผน เหตุการณ์ในอดีตก็คืออดีต ชี้วัดอนาคตไม่ได้ แต่ใช้อดีตเตือนสติเรา เผื่อใจ สำหรับเหตุการณ์ในอนาคตที่มาพร้อมกับความไม่แน่นอน เสมอ และต่อไปนี้คือบทสรุปส่วนที่อยากบันทึกความจำเอาไว้ค่ะ 😊
"มีพลังงานอื่นนอกเหนือจากความพยายามส่วนบุคคลที่จะชี้นำผลลัพธ์ นั่นคือโชคและความเสี่ยง เป็นของคู่กัน เป็นพลังงานรูปแบบเดียวกันแต่ทำงานในทิศทางตรงกันข้าม เป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อนที่จะบอกว่าผลลัพธ์ใดเกิดจากการตัดสินใจอย่างมีสติและผลลัพธ์ใดเกิดจากความเสี่ยง เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในเวลาที่เราพยายามจะเรียนรู้วิธีการที่ดีที่สุดในการบริหารจัดการเงิน"
👉ถ้าตัดสินคนอื่นว่าเขาสำเร็จเพราะโชคช่วยก็ดูจะเป็นคนขี้อิจฉาและใจแคบ ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่ามีอยู่จริง หรือถ้าตัดสินตัวเองว่าประสบความสำเร็จเพราะโชคช่วยก็เป็นเรื่องยากมากเกินจะรับได้
✨“ความสำเร็จคือครูที่น่ารังเกียจ มันเย้ายวนให้คนฉลาดคิดว่าพวกเขาแพ้ไม่เป็น” บิล เกตตส์
ข้อคิดเตือนใจสำหรับคนที่คิดจะเอาสิ่งที่จำเป็นและสิ่งที่มีไปเสี่ยงแลกกับสิ่งที่ไม่ต้องการ ดังเช่น กุปต้าแลแมดอฟฟ์ ที่มีความมั่งคั่งระดับ ร้อยล้าน 💵 อำนาจ เกียรติยศ อิสระภาพ แต่เลือกโยนทิ้งไปเพราะพวกเขาอยากมีมากขึ้น
1. ทักษะการเงินที่ยากสุดคือการทำให้เป้าหมายหยุดนิ่ง
ความต้องการแซงหน้าเพื่อนสามารถเป็นเชื้อเพลิงในการทำงานหนัก แต่ชีวิตไร้ซึ่งความสนุกหากคุณไม่รู้จัก “พอ”
2. การเปรียบเทียบทางสังคมคือปัญหา
เพดานการเปรียบเทียบสูงจนเป็นสงครามที่ไม่มีวันชนะหรือหนทางเดียวที่จะชนะคือการไม่ลงสนาม เริ่มจากการยอมรับความมีพอแล้ว แม้อาจน้อยกว่าคนอื่น
3. “พอ”นั้น ไม่น้อยจนเกินไป
คือการตระหนักได้ว่าความกระหายที่ไม่รู้จักพอในด้านตรงกันข้ามจะผลักให้คุณไปอยู่ในจุดที่คุณจะต้องเสียใจ การไร้ความสามารถในการปฏิเสธเงินที่อาจสร้างได้จะไล่ล่าคุณจนทัน ความหมายก็คือ อย่าให้ความโลภบังตาค่ะ
4. มีหลายสิ่งที่ไม่ควรค่าแก่การเสี่ยง ไม่ว่ามันจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มากแค่ไหน
ชื่อเสียง อิสระภาพ ครอบครัวเพื่อน การถูกรักจากคนที่ต้องการ ความสุข สิ่งที่ดีที่สุดเพื่อรักษา สิ่งเหล่านี้ไว้คือการรู้ว่าเมื่อไรคือเวลาที่ต้องหยุดรับความเสี่ยงที่อาจเป็นอันตรายต่อสิ่งเหล่านี้ คือรู้ว่าเมื่อไรที่คุณมี”พอ”แล้ว
🌟อัจฉริยะทางการทหารที่นโปเลียนเคยว่าไว้คือ “คนที่สามารถทำเรื่องปกติธรรมดาได้ในขณะที่คนรอบตัวกำลังบ้าคลั่ง”
เวลาที่เราให้ความสนใจกับต้นแบบความสำเร็จมากเรามักมองข้ามไปว่า ผลกำไรที่เขาได้มานั้นมาจากการกระทำของพวกเค้าเพียงไม่กี่% ซึ่งเป็นผลลัพธ์ปลายหาง (ยกตัวอย่างถึง บัฟเฟต เราอาจเห็นเค้าร่ำรวยในวันนี้ แต่เราตัดสินสิ่งที่ทำให้เค้าประสบความสำเร็จแค่เพียงวันนี้ดูจะตื้นเขินไป)
✨“การที่คุณทำถูกหรือผิดนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่มันสำคัญตรงที่คุณทำเงินได้มากแค่ไหนในเวลาที่คุณถูก และคุณสูญเสียเงินไปมากแค่ไหนในเวลาที่คุณทำผิด” จอร์จ โซรอส
🏆การมีความรู้สึกอย่างหนักแน่นว่าเราสามารถคุมชีวิตของตัวเองได้นั้น เป็นตัวทำนายความรู้สึกเชิงบวกในการมีชีวิตที่ดีอันเชื่อถือได้มากกว่าเงื่อนไขใดๆ ในชีวิตที่พวกเรานำมาพิจารณา
💵ความมั่งคั่งคือรายรับที่ยังไม่ถูกจ่ายออกไป คุณค่าของมันคือการทำให้คุณมีทางเลือก มีความยืดหยุ่นและงอกเงยเพียงพอที่จะทำให้คุณซื้อของได้มากกว่าในวันนี้
"ความมั่งคั่ง" ต้องมีความยับยั้งชั่งใจ จึงจะได้มา
"ร่ำรวย"คือ สถานะรายได้ในปัจจุบัน เราหาคนรวยได้ไม่ยากเพราะเค้ามักทำตัวโดดเด่น
✔️เก็บออมได้ เมื่อจ่ายน้อยลง
✔️จ่ายน้อยลง เมื่อกิเลสลดลง
✔️กิเลสลดลง เมื่อสนใจสิ่งที่คนอื่นๆคิดกับคุณน้อยลง
โลกนี้มีเรื่องให้เราประหลาดใจอยู่เสมอ และนั่นเป็นสาเหตุที่เราไม่ควรใช้เรื่องไม่คาดฝันในอดีตเช่น 9/11 มาเป็นตัวชี้นำขอบเขตในอนาคต ยิ่งมองย้อนกลับไปมากเท่าไรก็จะพบว่าคุณกำลังสำรวจโลกที่ไม่สามารถใช้ได้กับเงื่อนไขในปัจจุบัน
👉สิ่งสำคัญที่สุดของทุกแผนคือ วางแผนหากแผนไม่เป็นไปตามแผน
"ในทุกช่วงชีวิต เราทำการตัดสินใจที่จะมีอิทธิพลต่อตัวตนที่เราอยากจะเป็นในอนาคตอย่างมาก และเมื่อเราได้เป็นคนคนนั้นเราก็ไม่ได้ตื่นเต้นกับการตัดสินใจของเราเสมอไป ดังนั้นวัยรุ่นจึงยอมจ่ายเงินเพื่อแลกกับรอยสักที่คนวัยหนุ่มสาวยอมจ่ายเงินเพื่อลบมัน คนวัยกลางคนรีบหย่าร้างกับคนที่ตนเองในวัยหนุ่มสาวรีบเร่งแต่งงานด้วย ผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า ทำงานอย่างหนักเพื่อให้หลุดพ้นจากสิ่งที่ผู้ใหญ่วัยกลางคนทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้มา เป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก" โดย แดเนียล กิลเบิร์ต นักจิตฮาร์วาร์ด
การคาดหวังให้สิ่งต่างๆ ดำเนินไปอย่างดีเยี่ยมนั้น หมายถึง สถานการณ์ที่ดีที่สุดที่ให้ความรู้สึกหมดแรงบันดาลใจ การมองโลกในแง่ร้ายนั้นช่วยลดความคาดหวัง และช่วยทำให้ช่องว่าง ระหว่างผลลัพธ์ที่เป็นไปได้กับผลลัพธ์ที่คุณรู้สึกดีกับมัน แคบลง (ช่วยให้เรารู้สึกผิดหวังน้อยลง หรือไม่รู้สึกผิดหวังเลย เมื่อสิ่งที่คาดหวังอยู่ในระดับที่เราตั้งเอาไว้เหมาะสมกับสถานการณ์)
👉เรื่องเล่า ต่างๆ มีพลังทรงอำนาจที่สุดในเศรษฐกิจ พวกมันเป็นได้ทั้งเชื้อเพลิง ทำให้สิ่งที่จับต้องได้ทางเศรษฐกิจนั้นทำงาน หรือเป็นเบรกที่สามารถฉุดรั้งความสามารถของเราเอาไว้
มีสิ่งที่ต้องระลึกไว้เสมอเกี่ยวกับเรื่องเล่าขับเคลื่อนโลกในเวลาที่กำลังบริหารจัดการเงิน
1.ยิ่งต้องการให้อะไรบางอย่างเป็นจริงมากเท่าไร คุณก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อเรื่องเล่าที่ประเมินโอกาสการเกิดสิ่งนั้นไว้สูงมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อคุณเว้นช่องว่างระหว่างสิ่งที่ต้องการให้เป็นจริง กับสิ่งที่จำเป็นต้องเป็นจริงเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่สามารถยอมรับได้เท่าไร จะยิ่งปกป้องตัวเองจากการตกเป็นเหยื่อของเรื่องแต่งทางการเงินที่น่าดึงดูดใจได้มากเท่านั้น
2.ไม่มีใครที่จะสามารถมองโลกได้อย่างสมบูรณ์แบบในทุกมุมมอง แต่เราสร้างเรื่องเล่าขึ้นมาเพื่อเติมเต็มช่วงว่างเหล่านั้น ดังเช่นที่บี.เอช.ลิดเดลล์ ฮาร์ต เขียนในหนังสือ "Why don't we learn from history"
ประวัติศาสตร์นั้นไม่สามารถตีความได้หากปราศจากความช่วยเหลือจากจินตนาการและสัญชาตญาณ ปริมาณของหลักฐานนั้นมีมากเสียจนเราไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการเลือกได้ ที่ใดมีการเลือก ที่นั่นมีศิลปะ คนที่อ่านประวัติศาสตร์มีแนวโน้มที่จะมองหาสิ่งที่จะพิสูจน์ว่าพวกเขาคิดถูกและยืนยันความคิดเห็นส่วนตัวของพวกเขา เพราะทุกคนล้วนต้องการที่จะเชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เหมือนกับการที่เราเริ่มต้นสงครามเพื่อยุติสงครามทั้งหมด
บทสรุป
1. ค้นหาความถ่อมตัวในเวลาที่สิ่งต่างๆ เป็นไปตามที่คุณคิดและค้นหาการให้อภัยและความเห็นอกเห็นใจในเวลาที่สิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด
2. อัตตาน้อย ความมั่งคั่งเพิ่ม
3. บริหารจัดการเงินของคุณในแบบที่จะทำให้คุณนอนหลับสนิทได้ตลอดคืน
4. ต้องการเป็นนักลงทุนที่ดีขึ้น สิ่งที่มีพลังมากที่สุดสิ่งเดียวที่คุณทำได้คือเพิ่มระยะเวลาการลงทุนของคุณ เวลาเป็นพลังที่มีอำนาจที่สุดในการลงทุน มันทำให้สิ่งเล็กๆ เติบโต กลายเป็นสิ่งใหญ่ และทำให้ความผิดพลาดที่ใหญ่ เลือนหายไป
5. เป็นคนที่โอเคกับสิ่งต่างๆที่ไม่เป็นไปตามที่คิด คุณสามารถที่จะทำผิดได้ครึ่งหนึ่งของทั้งหด แต่ยังคงสามารถสร้างความมั่งคั่งได้ ไม่เป็นไรเลยหากคุณจะมีการลงทุนที่แย่จำนวนมาก และมีการลงทุนที่โดดเด่นจำนวนน้อย มันเกิดขึ้นได้
6. ใช้เงินเพื่อควบคุมเวลาของคุณ ความสามารถที่จะทำสิ่งที่คุณต้องการในเวลาที่ต้องการ กับคนที่ต้องการในระยะเวลานานเท่าที่คุณต้องการ คือปันผลสูงสุดทางการเงิน
7. เป็นคนที่ดีขึ้นและหรูหราน้อยลง
8. ออมเงินเพื่อออมเงิน ไม่จำเป็นจะต้องหาเหตุผลเฉพาะให้กบการออมเงิน
9. หาต้นทุนของความสำเร็จให้เจอและเตรียมพร้อมที่จะจ่ายมัน ไม่มีอะไรได้มาฟรี และต้นทุนทางการเงินไม่มีป้ายราคาแปะให้เห็ฯ ความไม่แน่นอน ความลังเล สงสัยและความเสียใจนั้นเป็นต้นทุน ที่เกิดได้ในโลกการเงิน ราคาที่คุ้มค่าในการจ่ายเพื่อให้ได้สิ่งดีๆ กลับมาเป็นการแลกเปลี่ยน
10. ยกย่องบูชาพื้นที่เผื่อความผิดพลาด มันคือช่องว่างของสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในอนาคต และสิ่งที่คุณต้องการให้เกิดขึ้นในอนาคต
11. หลีกเลี่ยงการตัดสินใจทางการเงินแบบสุดโต่ง เป้าหมาย ของทุกๆ คนจะเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลาผ่านไป
12. คุณควรที่จะชอบความเสี่ยงเนื่องจากมันจะจ่ายผลตอบแทนให้คุณเมื่อเวลาผ่านไป แต่คุณควรจะหวาดระแวงกับความเสี่ยงที่เป็นภัย เพราะมันจะกีดกันคุณจากการแบกรับความเสี่ยงที่จะจ่ายผลตอบแทนให้คุณในอนาคตเมื่อเวลาผ่านไป
13. กำหนดเกมที่คุณกำลังเล่นอยู่ ทำให้แน่ใจว่าการกระทำของเราไม่ได้รับอิทธิพลมาจากคนที่กำลังเล่นเกมคนละเกมกับคุณ
14. เคารพความยุ่งเหยิง คนที่ฉลาดและรอบรู้ มีเหตุผลนั้นสามารถเห็นต่างในเรื่องของการเงินได้ เนื่องจากผู้คนนั้นมีเป้าหมายและความปราถนาที่แตกต่างกันอย่างมาก ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว มันมีเพียงคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ
🌱เป็นหนังสืออีกเล่มที่แนะนำให้ลองหามาอ่านกันนะคะ โลกการเงินทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว มีทั้งข่าวจริงข่าวปลอม ที่ไม่สามารถแยกแยะได้มากมาย การประเมินสถานการณ์ทางการเงิน ก็มีความไม่แน่นอนเจือปนอยู่ตลอดเวลา เพราะเรื่องของอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่มีใครทำนายได้ถูกต้อง 100% ค่ะ แนวทางการเงินของคนอื่น อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นให้เราได้ แต่หลังจากนั้นต้องอาศัยจิตวิทยาตนเองนำทางถ้าจะไปต่อค่ะ
โฆษณา