14 เม.ย. 2023 เวลา 08:09 • ท่องเที่ยว
Asahi-dake

หิมะแรกกลางเดือนตุลาคม บน Mt. Asahidake, Hokkaido

เชื่อว่าหลายครอบครัวที่มีลูกในวัยเรียน จะวางแผนเที่ยวต่างประเทศได้ก็คงเป็นช่วงปิดเทอมเป็นหลัก ไม่ช่วงเดือนตุลาคมก็ต้องเป็นเมษายน แต่ไหนๆ จะไปเที่ยวต่างประเทศทั้งที สำหรับเด็กเมืองร้อนอย่างบ้านเราแล้ว การได้ไปสัมผัสหิมะให้ได้ซักครั้งในชีวิต คงเป็นประสบการณ์ที่น่าสนุกและล้ำค่ามาก
ญี่ปุ่นเป็นประเทศท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทย ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบาย และจ่ายในราคาที่จับต้องได้ หลายคนไปญี่ปุ่นเพื่อสัมผัสบรรยากาศที่แตกต่าง โดยเฉพาะการไปเพื่อสัมผัสอากาศหนาวเย็นและตามหาหิมะขาวโพลนที่ไม่มีให้เห็นในเมืองไทย ครอบครัวเราก็เลือกญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกในการเปิดประสบการณ์ต่างแดนให้กับเด็กๆ โดยตั้งใจไว้ว่าต้องพาเด็กๆ ไปสัมผัสหิมะให้ได้
1
บินยกครัวไปญี่ปุ่นกับสายการบิน ANA
การเดินทางย้อนกลับไปในปี 2017 ตอนนั้นพี่มัชฌิอายุได้ 5 ขวบ ส่วนมัชฌิมผู้น้องพึ่งจะอายุขวบครึ่ง ครอบครัวเราวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน และนอกจากพ่อแม่ลูกๆ แล้ว ยังมีคุณปู่คุณย่าของหลานๆ ร่วมเดินทางไปด้วย
เนื่องจากเหตุผลหลายอย่างกำหนดการเดินทางลงตัวที่กลางเดือนตุลาคม (13-23 ตุลาคม) และด้วยเป็นทริปญี่ปุ่นครั้งแรกของทั้งเด็กๆ และผู้สูงวัย การจัดแพลนเที่ยวในทริปนี้ จึงพยายามที่จะให้ทุกคนได้สัมผัสความเป็นที่สุดของญี่ปุ่นในช่วงเดือนตุลาให้มากที่สุด เราเลยกำหนดว่า ทริปนี้ขอให้ได้เห็น หิมะ ใบไม้เปลี่ยนสี และภูเขาไฟฟูจิ และในรีวิวตอนนี้เราจะกล่าวถึงเฉพาะส่วนของการตามหาหิมะแรกของปี
เดินทางจาก Tokyo ไป Sapporo ด้วยรถไฟกว่า 8 ชั่วโมง
พวกเราเริ่มต้นทริปด้วยการบินจากเมืองไทยไปลงที่ Narita นอนพักผ่อนเอาแรงใน Tokyo หนึ่งคืน ก่อนตื่นแต่เช้า นั่งรถไฟยาวๆ กว่า 8 ชั่วโมง ขึ้นไปถึง Sapporo ซึ่งกว่าจะถึงก็ปาเข้าไปช่วงบ่าย แต่ก็ได้ประสบการณ์บนรถไฟญี่ปุ่นแบบจุใจตั้งแต่วันแรกๆ ของทริปไปเลย
ในตอนบ่ายที่ Sapporo หลังจากเข้าที่พัก เก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางขึ้นไปยัง Mt.Moiwa จุดชมวิวบนยอดเขาใกล้ๆ กับเมือง Sapporo ที่สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา และเป็นจุดชมวิวยามค่ำคืนที่ขึ้นชื่อของที่นี่ด้วย ก็ต้องบอกว่าถ้ามาถึง Sapporo ก็ไม่ควรที่จะพลาดด้วยประการทั้งปวง
ขึ้นชมวิวเมือง Sapporo ที่ Mt.Moiwa
เช้าวันต่อมา เป็นวันที่ทุกคนในทริปตื่นเต้นมาก เพราะวันนี้เราจะไปตามหาหิมะแรกในชีวิตให้กับเด็กๆ และคุณปู่คุณย่า และถือเป็นหิมะแรกของปีในญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวจะสามารถสัมผัสได้ โดยเป้าหมายการเดินทางของเราอยู่ที่ Asahidake Ropeway ที่เมือง Higashikawa และเหมือนจะมีข่าวดีรออยู่ที่ปลายทาง เพราะเราเช็คพยากรณ์อากาศแล้วก็พบว่า มีหิมะตกหนักบนยอดเขามาได้สองวันแล้ว และวันที่เราจะไปก็มีพยากรณ์ว่าจะมีหิมะตกลงมาอีก นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ทุกคนดูมีความหวังมากที่จะได้เจอหิมะกลางเดือนตุลาคมแบบนี้
จาก Sapporo ในเช้าตรู่เรานั่งรถไฟไปที่ Asahikawa และจัดหามื้อเช้าทานกันที่สถานีรถไฟ ก่อนจะเดินออกไปรับรถเช่าซึ่งจองเอาไว้แล้วบริเวณด้านหน้าสถานี ซึ่งจริงๆ การจะไป Asahidake Ropeway สามารถไปได้ด้วยรถบัสโดยสารที่มีวิ่งเป็นรอบ แต่ด้วยเราเดินทางเป็นครอบครัวใหญ่ และต้องการความสะดวกความคล่องตัว เราเลยเลือกที่เช่ารถขับดีกว่า
1
บรรยากาศระหว่างนั่งรถไฟ และเช่ารถขับเพื่อไปยัง Asahidake Ropeway
Asahidake Ropeway คือจุดหมายที่เราปักลงใน GPS ซึ่งอยู่ห่างจากสถานี Asahikawa ประมาณ 45 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถไปราวๆ 1 ชั่วโมง แต่ระหว่างทางที่เราไป ก็ต้อนรับเราด้วยบรรยากาศฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเต็มสองข้างทาง และยิ่งใกล้ถึงจุดหมายก็เริ่มมีหิมะโปรยปรายลงมาให้เห็น สร้างความตื่นเต้นให้สมาชิกในรถกันใหญ่
Asahidake Ropewa ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ Daisetsuzan ซึ่งเมื่อเข้าใกล้ที่หมาย เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยวไปตามแนวป่าเขา เรามองเห็นหิมะสีขาวปกคลุมต้นไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองทองตลอดทั้งสองข้างทาง เรียกได้ว่าได้เห็นบรรยากาศ 2 ฤดูในทริปเดียวไปเลย
ถึงที่หมายปลายทาง เราจอดรถในขณะที่หิมะก็โปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง ทุกคนลงมาจากรถเพื่อสัมผัสหิมะแรกของปีในญี่ปุ่น และถือเป็นหิมะแรกของปู่ย่าและหลานๆ ด้วย เราจึงให้เวลาความสนุกตรงลานจอดรถอยู่พักใหญ่ก่อนเดินเข้าไปในอาคารเพื่อติดต่อซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าไปบนเขา
สัมผัสหิมะแรกตั้งแต่ลานจอดรถ Asahidake Ropew
เมื่อติดต่อสอบถามจนได้ตั๋วขึ้นกระเช้ามาแล้ว ก็ได้เวลาขึ้นไปด้านบนเพื่อสัมผัสความหนาวเย็นแบบสุดขั้วกันแล้ว ระหว่างทางที่กระเช้าเคลื่อนตัวผ่านต้องบอกว่าวิวอลังการและตื่นตาตื่นใจมาก ไม่ใช่เฉพาะเด็ก ผู้ใหญ่และผู้สูงวัยก็ต้องร้องว้าวออกมาตามๆ กัน เพราะด้วยเป็นหิมะแรกของที่นี่ สีขาวที่ปกคลุมตามยอดไม้จึงยังไม่หนามาก ทำให้พอมองเห็นกิ่งก้านใบของต้นสนอยู่บ้าง ทำให้มันพอดีและลงตัวกับคำว่าสวยจริงๆ
บรรยากาศระหว่างขึ้นกระเช้าไปด้านบนเขา
ที่สถานีด้านบน เราออกจากกระเช้าที่อุ่นด้วยฮิตเตอร์ออกมาเจออากาศหนาว ที่ต้องบอกว่าหนาวมาก และพบกับหิมะกองใหญ่ที่หนามากเช่นกัน จนต้องรีบวิ่งเข้าไปตั้งหลักในตัวอาคาร และก็ได้รับคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ว่า ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้มีหิมะตกลงมาอย่างหนัก ทำให้มีหิมะสะสมค่อนข้างมาก เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติบางเส้นจึงต้องปิดให้บริการ จะมีเปิดแค่บางเส้นเท่านั้น
ตื่นตาตื่นใจกับหิมะแรกของปี
และเมื่อเราเดินออกมานอกตัวอาคารก็เป็นเหมือนที่เจ้าหน้าที่แจ้งไว้จริงๆ คือหิมะตกลงมาหนามาก และก็หนาวมากด้วย เรียกได้ว่ามาถูกที่ถูกเวลาและถูกใจเป็นที่สุด เราพาเด็กออกมาสัมผัสหิมะแรกของพวกเขาที่ลานด้านหน้าสถานีอยู่สักพัก ถ่ายรูปและเล่นกับหิมะพอหอมปากหอมคอ แล้วก็ต้องรีบพากันกลับเข้าไปตั้งหลักในตัวอาคาร เพราะอากาศด้านนอกหนาวจัด เกรงว่าเด็กๆ จะไม่สบายเอาได้
พาเด็กๆ ออกไปท้าลมหนาว สัมผัสหิมะแบบเน้นๆ ครั้งแรกในชีวิต
เราใช้เวลาอยู่ที่สถานีด้านบนนานพอสมควร เพราะหลังจากที่เอาเด็กๆ เข้ามาหลบหนาวด้านในแล้ว ผู้ใหญ่ก็ผลัดกันออกไปเดินสำรวจด้านนอก เดินเทรลสั้นๆ ซึ่งตามข้อมูลที่ได้มา เทรลด้านบนนี้จะขึ้นชื่อมากในฤดูใบไม้ร่วงราวๆ กลางเดือนกันยายน แต่ถ้ามาหลังหิมะตกแล้วบรรยากาศก็จะเปลี่ยนไปอีกแบบ
ออกเดินตะลุยหิมะ สำรวจเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
เราเก็บภาพเก็บบรรยากาศหิมะกลางเดือนตุลาคมให้หนำใจ แล้วถึงนั่งกระเช้ากลับลงมาด้านล่างเพื่อหามื้อเที่ยงทานที่สถานีด้านล่าง แล้วค่อยเดินทางกลับที่พัก และใช้เวลาในอีกวันต่อมาบนเกาะ Hokkaido ด้วยการขยับลงมาด้านใต้ที่เมืองท่าชื่อดังอย่าง Hakodate แล้วค่อยนั่งรถไฟข้ามกลับไปฝั่ง Tohoku ในวันถัดไป
บรรยากาศโดยทั่วไปของ Hokkaido ช่วงกลางเดือนตุลาคม
เสร็จสิ้นภารกิจในการตามหาหิมะแรกของปี เป้าหมายแรกของทริปไปพร้อมๆ กับความประทับใจ และสัญญาณที่ดีอีกอย่างคือเด็กๆ ยังสนุกสนาน สุขภาพยังแข็งแรงและพร้อมจะเดินทางกันต่อในญี่ปุ่นอีกหลายวัน ซึ่งหลังจากนี้เราจะค่อยๆ ลงใต้ไปเรื่อยๆ เพื่อตามหาความเป็นที่สุดของฤดูใบไม่เปลี่ยนสีในช่วงเดือนตุลาคม โปรดรอติดตามอ่านได้ในตอนต่อๆ ไป…
1
ติดตามการเดินทางของพวกเราได้ที่เพจนี้ และ
โฆษณา