นักข่าวพบว่า Uber ตั้งราคาแพงเป็นพิเศษเวลาแบตอ่อน
Dernière Heure ผู้สื่อข่าวของ Brussel Times ได้ทำการทดลองโดยใช้โทรศัพท์สองเครื่อง เรียกจากที่เดียวกัน ไปที่เดียวกัน เครื่องหนึ่งมีแบตเหลือ 84% อีกเครื่องเหลือ 12% เครื่องแรก ได้รับราคา 16.6 ยูโร ส่วนเครื่องที่สอง 17.56 ยูโร ซึ่งแตกต่างกันพอสมควร
พอติดต่อทาง Uber ไป Uber ปฏิเสธว่า แบตเตอรี่ไม่ได้ถูกใช้ในการคำนวณราคา การคำนวณราคานั้นใช้ algorithm ของ Uber ในการคำนวณราคาแบบยืดหยุ่นตามจำนวนผู้ใช้บริการ และจำนวนผู้ขับที่ว่างอยู่ในบริเวณนั้น
แต่นักข่าวกลับไม่เชื่อข้ออ้างดังกล่าว เพราะไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไม ผู้ใช้ที่ใช้บัญชีเดียวกันถึงได้รับการเสนอราคาที่แตกต่างกันตามระดับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่
อย่างไรก็ตาม ตามบทความในนิตยสาร Forbes เมื่อปี 2016 กลับระบุว่า Keith Chen หัวหน้าทีมเศรษฐศาสตร์ของ Uber ได้เคยให้สัมภาษณ์ในรายการ Hidden Brain ไว้ว่า ระดับแบตเตอรี่ส่งผลกับการตัดสินใจว่าจะใช้บริการหรือไม่พอสมควร
โดยเฉพาะในขณะที่ราคาถูกปรับให้เป็น Surge Pricing (ช่วงที่ราคาแพงเป็นพิเศษ เนื่องจากมีผู้ใช้จำนวนมาก แต่มีคนขับไม่พอ) โดยผู้ใช้ที่แบตเหลือเยอะ ยอมที่จะรอ 15-20 นาทีนานขึ้น เพื่อดูว่าราคาจะกลับมาเป็นปกติหรือไม่
เมื่อถูกถามเพิ่มเติม เขาตอบว่า Uber รู้ข้อมูลดังกล่าวจากการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมจากโทรศัพท์ แต่คงไม่ใช้ข้อมูลดังกล่าวในการตั้งราคาหรอก แค่อยากรู้เฉย ๆ เท่านั้นเอง
คุณล่ะคิดว่า Uber ควรใช้ข้อมูลดังกล่าวในการตั้งราคาหรือไม่? การทำแบบนี้ ส่วนตัวผมว่าไม่แตกต่างกับแม่ค้าที่ตั้งราคากระดาษทิชชู่ เวลาเห็นคนอยากเข้าห้องน้ำ
ว่างๆ ลองไปดูโฆษณา Smart Purse (ทิชชู่) ได้ที่ :
อ้างอิง :
- 41
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
