Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
BBLAM
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
19 เม.ย. 2023 เวลา 05:09 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ชี้จุดเด่นหุ้น Premium Brands สร้างกำไร ไร้คู่แข่ง มีแรงหนุนเติบโต
การลงทุนในเมกะเทรนด์เป็นแนวคิดที่เข้าใจได้ว่า เพื่อรับมือและเติบโตไปกับโลกแห่งอนาคต แต่ประสบการณ์จากการก้าวข้ามโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้เราได้เห็นอีกหนึ่งความน่าสนใจในโลกของการลงทุน นั่นก็คือ การลงทุนในหุ้นกลุ่ม Premium Brands ซึ่งมีขอบเขตกว้างกว่า Luxury Brands หลายคนอาจจะ “เอ๊ะ!” การลงทุนในหุ้นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าแบรนด์เนม น่าสนใจอย่างไร แล้วมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มากน้อยแค่ไหน...มาดูกัน
คำว่าสินค้าพรีเมียมแบรนด์ คือสินค้าและบริการที่อยู่ในระดับกลางถึงบน มีคุณภาพสูงกว่าสินค้าหรือบริการโดยทั่วไปสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ซื้อที่ต้องการ “คุณภาพ” สูงขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากสินค้า Luxury เช่น เครื่องประดับจากแบรนด์ Cartier หรือ Tiffany, กระเป๋าหนัง Hermès, น้ำหอม Dior รวมถึงรถหรูอย่าง Ferrari
แต่แท้จริงแล้ว นิยามของสินค้าพรีเมียมยังครอบคลุมถึงกลุ่มแบรนด์ที่ไม่ได้อยู่ในระดับ Luxury แต่อยู่ในระดับที่ผู้ซื้อไขว่คว้าให้ได้มาเพื่อยกระดับตัวเอง เช่น แบรนด์เครื่องกีฬาอย่าง Nike, Adidas, Puma โรงแรมหรูในเครือ Marriott หรือว่า Hilton หรือกระทั่งกาแฟแบรนด์ดังอย่าง Starbucks ที่ทำการตลาดไปทั่วโลก
จุดเด่นของการลงทุนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับพรีเมียมแบรนด์ มี 2 เรื่อง
1. สินค้าพรีเมียมแบรนด์มีความสามารถในการทำกำไรค่อนข้างสูง ผู้ผลิตสินค้าพรีเมียมแบรนด์เหล่านี้สามารถปรับขึ้นราคาขายได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ลูกค้าก็ยินดีที่จะจ่าย เพราะเอาเข้าจริง สินค้าแบรนด์เนมเหล่านี้มีไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาดด้วยซ้ำ อีกทั้งยังมีป้อมปราการทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง คู่แข่งรายใหม่ไม่สามารถเข้ามาได้ง่าย ๆ แม้จะมีฐานทุนที่หนาเพียงใด ด้วยความที่บริษัทเหล่านี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน บางแห่งมีอายุร่วมร้อยปี และยังคงเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภค
1
ที่สำคัญเหล่าแฟนคลับต่างมีความจงรักภักดีในแบรนด์โปรดของตัวเอง มีการซื้อซ้ำเรื่อย ๆ เรียกได้ว่าต้องจัดไปในทุกคอลเล็กชันใหม่ที่ออกมา ทำให้ในระยะยาวความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเหล่านี้จะโดดเด่นกว่าบริษัททั่วไป เมื่อดูตัวเลขกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) ของบริษัทกลุ่มพรีเมียมแบรนด์ย้อนหลังไป 10 ปี พบว่า อยู่ในระดับสูงกว่าหุ้นโลกทั่วไป 2%
2. บริษัทเหล่านี้มีแรงสนับสนุนให้เติบโตได้ในระยะยาว จะเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าหุ้นโลกโดยทั่วไป ข้อมูลจาก Pictet Asset ชี้ว่าในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นในปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มพรีเมียมแบรนด์ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้า Luxury สามารถปรับตัวขึ้นได้ถึง 34% เทียบกับหุ้นโลกที่ปรับขึ้นเพียง 12% เท่านั้น และด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลก็เป็นแรงหนุนสำคัญ ที่ผลักดันการเติบโตของสินค้าพรีเมียมแบรนด์
แรงหนุนแรกคือ จำนวนคนรวยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการสินค้าพรีเมียมแบรนด์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะชาวจีนที่มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าใน 10 ปีข้างหน้า คนจีนจะมีความต้องการสินค้าพรีเมียมแบรนด์เพิ่มขึ้นถึง 39% และจะแซงหน้าสหรัฐฯ ที่เป็นผู้นำการบริโภคสินค้าพรีเมียมแบรนด์ในปัจจุบัน
อีกเทรนด์ที่ต้องจับตาคือ แรงหนุนจากกระแส Sheconomy ที่ผู้หญิงจะเป็นผู้หารายได้เองมากขึ้น ทำให้ความต้องการสินค้าผู้หญิงทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า น้ำหอม เพิ่มขึ้นจากฐานลูกค้ารายใหม่ ๆ โดยเฉพาะในกลุ่ม New Gen ขณะเดียวกันกระแสสังคมออนไลน์ทำให้ผู้คนอยากสร้างตัวตนและได้รับการยอมรับจากโลกโซเชียล สินค้าพรีเมียมแบรนด์จึงกลายเป็นพร็อปที่ต้องมี
และอีกหนึ่งแรงหนุนคือ ศักยภาพการเติบโตของธุรกิจในอนาคต นักลงทุนจึงมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว จริงอยู่ว่าราคาหุ้นกลุ่มสินค้าพรีเมี่ยมแบรนด์ได้ปรับตัวขึ้นไปในระดับหนึ่งแล้ว แต่หากมองย้อนกลับไปตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มนี้ก็ปรับขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น นักลงทุนยังสามารถทยอยเก็บสะสมได้ในจังหวะที่ราคาปรับลดลง แต่หากนักลงทุนไม่แน่ใจว่าจะเข้า-ออกช่วงไหนดี ก็ลองพิจารณาการลงทุนในกองทุนรวม อย่างกองทุน B-PREMIUM กองทุนแบบ Active Fund ที่จับจังหวะการเข้าซื้อและขายทำกำไรได้อย่างเหมาะสม ถือเป็นการปรับพอร์ตลงทุนไปในตัวเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้น
สนใจกองทุน B-PREMIUM คลิก:
https://www.bblam.co.th/products/mutual-funds/foreign-investment-fund/b-premium/16964#content
คำเตือน: การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน
เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด ทั้งนี้ อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
#BBLAM #กองทุนรวม #ลงทุน #ลงทุนในกองทุนรวม #BPREMIUM #พรีเมียมแบรนด์ #แบรนด์เนม #หุ้นแบรนด์เนม
การเงิน
ธุรกิจ
การลงทุน
5 บันทึก
15
6
5
15
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย