18 เม.ย. 2023 เวลา 05:23 • หุ้น & เศรษฐกิจ

PEG ความยากคือ การมอง Growth

PEG (price per earning to growth) เป็นการประเมินมูลค่าหุ้นอย่างหนึ่ง ซึ่งมักจะนำมาใช้ในหุ้นที่มีการซื้อขายกันที่ P/E สูง หรือ หุ้นที่มีการเติบโต แล้วอัตราส่วนนี้คืออะไร มีข้อควรระวัง อย่างไร
P/E เป็นการนำราคาหุ้น มาเทียบกับ กำไรสุทธิ เพื่อบอกความถูกแพงของหุ้น แต่ก็มีจุดด้อย ก็คือ ไม่ได้คิดถึงการเติบโต เช่น หุ้นที่ P/E 20 เท่า เหมือนกัน แต่ความน่าซื้อ อาจต่างกันได้ ถ้าบริษัทหนึ่งโต 25% อีกบริษัทโต 15% ซึ่งบริษัทที่เติบโตเร็วกว่า ก็ควรจะมีค่า P/E สูงกว่า
PEG คือ การนำค่า P/E ปัจจุบัน มาหารด้วย การเติบโตของกำไร เป็นการคำนึงถึงการเติบโตในอนาคตร่วมด้วย
ซึ่งก็คือ ถ้า PEG < 1 ก็จะเหมือนซื้อถูก หรือก็คือ ค่า P/E (เท่า) ที่ยอมรับได้ ไม่ควรสูงเกินการเติบโตของกำไร(%)
PEG มักจะนำมาใช้ในหุ้นที่มีการเติบโต และซื้อขายกันที่ P/E สูง เพื่อจะบอกว่า หุ้นที่มี P/E สูงไม่ได้หมายความว่าเป็นหุ้นแพงเสมอไป เพราะกำไรมีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้น โดยดูจากค่า PEG
ถ้า PEG =1 จะเห็นว่า P/E ที่ยอมรับได้ จะสัมพันธ์กับ Growth ในลักษณะของสมการเส้นตรง เช่น ถ้าการเติบโต 20% P/E ที่อยอมรับได้ จะเป็น 20 เท่า ถ้าการเติบโต 25% ค่า P/E ที่ยอมรับได้ 25 เท่า
การใช้ PEG ก็มีข้อจำกัด
- จะสังเกตเห็นว่า PEG จะไม่สามารถใช้กับหุ้นโตช้าได้ เช่น หุ้นบริษัทขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง P/E อยู่ที่ 10 เท่า มีการเติบโตของกำไรสม่ำเสมอปีละ 5% ถ้าประเมินด้วย PEG จะบอกว่า แพง ไม่น่าซื้อ เพราะ PEG = 2
- Growth อาจดูจากการเติบโตของกำไรย้อนหลัง และคาดการณ์การเติบโตในอนาคตที่สมเหตุผล
- Growth ที่นำมาคิด ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า ควรจะเป็นระยะสั้นหรือระยะยาวแค่ไหน
ถ้าจะใช้ PEG ในการประเมินมูลค่าหุ้น ควรพิจารณาเรื่องการเติบโตให้ดี เนื่องจากการใช้ PEG อาจทำให้การซื้อหุ้นที่ P/E สูง ดูสมเหตุผล แต่ถ้าการเติบโต ไม่เป็นไปตามคาด อาจทำให้ราคาหุ้นตกลงมามากได้เพราะเราซื้อที่ P/E สูงเกินไป
#หมอยุ่งอยากมีเวลา #ประเมินมูลค่า #หุ้น #ลงทุนหุ้น #หุ้นเติบโต #PEratio #อัตราการเติบโตของกำไร
โฆษณา