Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Henry the Hippo Writer
•
ติดตาม
19 เม.ย. 2023 เวลา 08:25 • ไลฟ์สไตล์
การทำงาน
“งานที่รักกับงานที่เลี้ยงชีพ” ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยถามตัวเองเรื่องอะไรเทือก ๆ นี้มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบริบทของสังคมสมัยเรา ที่มีชุดความคิดว่าควรทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ เดินตาม Passion ลึก ๆ ที่เรียกร้องของเรา แม้ว่าจริง ๆ แล้วคำว่า Passion จะมีรากศัพท์มาจาก “ความทรมาน” แบบเดียวกับที่พระเยซูถูกทรมานก่อนจะสิ้นพระชนม์ก็เถอะ
และใช่ครับ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เดินตามความคิดแบบนั้นตอนที่หางานทำ
“แล้วทำไมมึงถึงกลับมาคิดเรื่องเรียนป.โทวะ?” ปลายสายเอ่ยถามขณะที่ผมย่างน้ำหนักตัวเองไปมาบนพื้นไม้ชั้นสองของบ้านด้วยอาการเหงื่อแตกพลัก ความคิดที่วิ่งวนไปมาไม่ปะติดปะต่อกัน และความง่วงที่จู่โจมสี่ทุ่มครึ่งทำเอาผมเรียบเรียงคำพูดให้เป็นประโยคอย่างยากลำบาก
แต่ผมก็ยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ แม้ในใจจะคิดวางสายอยู่ตลอดเวลาเมื่อพูดจบประโยคก็ตาม
มันเป็นเพื่อนที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยปริญญาตรี ตอนนั้นผมเข้าร่วมกิจกรรมของคณะในฐานะประธานสาขา เราเลยได้รู้จักกันตั้งแต่ตอนนั้น ความที่เป็นคนคอเดียวกัน สนใจอะไรคล้าย ๆ กัน รวมถึงอยากทำงานสายวิชาการเหมือน ๆ กัน เราเลยคุยกันถูกคอมากนับแต่ตอนนั้น โดยเฉพาะเวลาที่มีเบียร์เย็น ๆ แกล้มสักขวด
“กูลองแล้วมึง หลักจากกลับมาจากเชียงใหม่กูก็ลองหางานประจำทำ แล้วกูก็ไม่ชอบเลย” ผมตอบไปตามความจริงที่อยู่ในใจลึก ๆ
หนังสือเล่มหนึ่งของพี่โหน่ง a day (ในสมัยนั้น) ที่ผมเคยอ่านเขียนไว้ได้อย่างน่าสนใจ ประมาณว่าเรื่องงานกับเรื่องเล่นเป็นเรื่องเดียวกันได้ เหมือน ๆ กับที่เราเจอผู้หญิงสักคนที่เราตกหลุมรัก แล้วก็ลงหลักปักฐานใช้ชีวิตกับเธอโดยไม่คิดจะมองผู้หญิงคนอื่น
ผมเชื่อ และใช้วิธีคิดแบบนั้นในการหางานมาตลอด แต่มาจนถึงจุดหนึ่งเราก็ต้องยอมรับความจริงว่าบางครั้งผู้หญิงคนนั้นก็อาจจะไม่ได้อยากใช้ชีวิตร่วมกับผมเท่าไหร่
“กูทำตำแหน่ง Content มึง ได้เงินเดือนเรทเด็กจบใหม่ แต่พอกูไปทำจริง ๆ กูกลายเป็นนักแปล เพราะกูได้ภาษาอังกฤษนิดหน่อย แล้วกูก็ต้องมาเป็นคนเขียน Storytelling ของแบรนด์ลูกค้าด้วย” ความอัดอั้นตันใจทั้งหมดทั้งมวลของผมระเบิดออกมาให้มันฟัง ซึ่งมันก็ได้แต่เงียบแล้วก็พูดว่า “ดีแล้วที่มึงออกมา”
ผมไม่เคยคิดหรอกครับ ว่าเนื้องานของ Content ที่ต้องทำจริง ๆ กับที่บริษัทเขียนโฆษณาในแฟนเพจจะต่างกันมากถึงขนาดนี้ เพื่อนผมก็ได้แต่พูดว่างานในความรับผิดชอบขนาดนี้เรียกเงินเดือนสามหมื่นได้สบาย ๆ
ถ้าอยู่ในบริษัทที่ดีกว่านี้
“งานแรกในชีวิตส่งผลต่อทัศนคติการทำงานในอนาคตมากนะมึง เด็กคณะเราชอบคิดว่าตัวเองไม่เก่ง เลยเข้าบริษัทเล็ก ๆ สุดท้ายก็โดนกดจนเกลียดงานประจำ” ด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่ทราบ ปัญหาประเภทนี้ไม่ได้มีแต่ผมเท่านั้นที่เจอ แต่เป็นกันไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ตั้งแต่ที่ทำงานระดับ SME ไปยันคนที่กำลังเรียนอยู่
“เพื่อนกูมันเก่งมากนะมึง" เพื่อนผมพูด "ตอนนี้มันเรียน Business อยู่ที่อังกฤษ สุดท้ายมันก็พบว่าคนที่ไปเรียนนอกแม่งก็แค่ชุบตัว มันไม่ได้เก่งห่าอะไร วัน ๆ ก็เตะบอลไม่ทำเหี้ยออะไร จนแม่งไม่มองว่าคนจบนอกคือคนเก่งอีกเลย” เป็นความจริงที่โหดร้ายอีกประการที่ผมได้เจอคือคนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจบางส่วน เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น แค่บังเอิญโชคดีเกิดก่อนเลยสามารถตักตวงได้ก่อนคนที่เกิดหลัง อาศัย Connection ได้ทำงานกับคนใหญ่คนโต แล้วก็มาด้อยค่าเด็กรุ่นใหม่ว่าไม่อดทนบ้าง ไม่ขยันบ้าง
ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรแบบที่ว่ามานั้นสักเท่าไหร่หรอก
“นั่นแหละมึง พอกูเห็นว่าถ้าต้องคิดอะไรด้วย Assumption แบบธุรกิจอย่างนี้ตลอดเวลา หรือต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แม่งมีแต่คนแบบนี้อ่า กูขอกลับไปเรียนต่อ อยู่กับอะไรเนิร์ด ๆ ของกูดีกว่า” ผมตอบคำถามมันไปแบบนั้นด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้แค้นเคืองใจมากเท่ากับเมื่อเดือนก่อน ๆ ผมไม่ได้อะไรกับบริษัทเป็นการส่วนตัวเหมือนก่อนหน้านี้ นึกขอบคุณเสียด้วยซ้ำที่ทำให้ผมตาสว่างเห็นความจริงด้านหนึ่งของโลกธุรกิจที่กำลังเป็นอยู่
ถึงจะได้ของแถมมาเป็นแผลทางใจมาจำนวนมากก็เถอะ
โชคร้ายจริงที่หญิงสาวคนนั้นที่ผมเจอดันไม่ได้มีคุณสมบัติแบบที่พี่โหน่งพูด ผมเลยใช้ชีวิตกับเธอได้ไม่ยืดยาว เอาจริง ๆ ผมว่ามันออกจะไม่แฟร์ด้วยซ้ำที่เปรียบเทียบการทำงานกับการเลือกคู่ชีวิต ไม่ว่าจะเพศอะไรก็ตาม มันมีปัจจัยอะไรหลายอย่างมากกว่านั้น ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่ได้คิดคิดเรื่องผลประโยชน์ และค่าตอบแทนจากคนรักเหมือนที่เราคิดจากงาน
ในขณะเดียวกัน เราไม่ได้เลือกคนรักจากความดีพร้อม กล้า เก่ง หรือแข็งแกร่ง การมาพูดว่าคนที่เลือกงานไม่ได้คือคนที่ไม่เก่ง ไม่กล้า ขี้ขลาด แล้วก็อ่อนแอเลยเป็นการพูดที่ดูจะสบายเกินไปสักหน่อย เมื่อมามองดูสภาพสังคม การเมือง และเศรษฐกิจของบ้านเราที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
ผมวางสายจากมันแล้วก็นอนมองเพดานด้วยความรู้สึกชา ๆ บางอย่างอยู่ลึก ๆ เม็ดเหงื่อข้างแก้มไหลอาบลงมาถึงใบหู พรุ่งนี้คงต้องสระผมเอาความเหนียวหัวออกสักหน่อย ดวงไฟสว่างจ้าและประโยคสนทนาบางประโยคทำให้ผมนึกถึงเรื่องบางเรื่องที่เป็นความกลัวลึก ๆ ในใจหลังจากที่ลาออก ว่าจะเอายังไงต่อดีกับชีวิต
ผมได้แต่ถอนใจ ลุกขึ้นไปปิดไฟ สวดภาวนาให้แม่พระช่วยวิงวอน แล้วจึงนอนฟังเสียงนกอะไรซักอย่างที่ชอบร้องตอนกลางดึงเพื่อเคลียร์ความคิดตัวเองออกไป
บางทีผมอาจจะกำลังรับทรมานอยู่ก็ได้
17 เมษายน 2023
เครดิตรูปภาพ :
https://www.pexels.com/photo/person-using-keyboard-beside-phone-and-coffee-cup-2255355/
ประสบการณ์
เรื่องเล่า
ชีวิต
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย