17 พ.ค. 2023 เวลา 06:16 • หนังสือ

A little part of book : WEALTHINKING รวยมาตั้งแต่จิตใต้สำนึก

WEALTHINKING : รวยมาตั้งแต่จิตสำนึก
เคลลี ชเว : เขียน
วาสนา จันทะทัง : แปล
สำนักพิมพ์ : howto
หากลึกๆในใจเราปฏิเสธความรวย ก็ยากที่ชีวินนี้จะนำความรวยมาให้
หากขยันขันแข็งตั้งใจทำงานแล้วเราจะรวยจริงหรือ?
คนที่อยากออกทะเลแล้วเอาแต่ฝึกขับรถทั้งวันทั้งคืนก็คงไม่อาจออกทะเลได้ แล้วไอการขับรถพุ่งลงไปในทะเลด้วยความดื้อดึงและบ้าบิ่นจะไปมีความหมายอะไร
หากคุณต้องการให้คนช่วยเหลือและดึงดูดโชคเข้ามาก้ต้องแก้ไขความตั้งใจและทัศนคติที่มีต่อวิกฤต ต้องทิ้งทุกความคิดในแง่ลบที่ผุดขึ้นมาเมื่อเผชิญกับปัญหาซะก่อน
มาดูที่อคติกันก่อนดีกว่า
คุณเคยได้ยินความคิดที่ว่า" สิ่งอื่นสำคัญกว่าเงิน"ไหมครับ ฟังเหมือนดีแต่ไม่น่าจะดีครับ
จริงอยู่ครับมันมีอะไรหลายอย่างมากที่สำคัญกว่าเงิน แต่ปัญหาคือไอแนวคิดข้างต้นเนี่ยครับมันเป็นทัศนคติที่มีต้นตอมาจากความรู้สึกไม่พอใจในคนรวย
อารมณ์แนวประชดประชันนั้นแหละครับ นั้นเป็นทัศนคติที่ผสมผสานระหว่างความเกลียดชัง ความอยากแก้แค้น ความโมโห ความอิจฉาและความขุ่นเขืองที่คนอ่อนแอมีต่อคนเข้มแข็ง ซึ่งตรงกับแนวคิดของนีทซ์เชอ (Friedrich Wihelm Nietzsche) นักปรัชญาชาวเยอรมัน
รากฐานของจิตริษยาคือความโลภครับ เมื่อได้ยินใครสักคนบอกว่า"ความสุขสำคัยกว่าเงิน" "สุขภาพสำคัญกว่าเงิน" หรืออะไรทำนองนั้น
ในความเป็นจริง ชีวิตของเราจะมั่นคงได้เมื่อปัจจัยหลายๆด้านมีความสมดุลกัน เราต้องมีทุกองค์ประกอบ'อย่างเท่าเทียม' ไม่ว่าจะเป็นความสุข สุขภาพ ความรัก เพื่อน ครอบครัว การงาน เงิน ฯลฯ ด้วยเหตุนี้'เงิน'จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญไม่ต่างจากปัจจัยอื่นเลย
หากไม่มีเงินก็ทุกข์≠ความสุข ไม่มีเงินเวลาป่วยก็รักษาไม่ได้≠สุขถาพ ไม่มีเงินก็ดูแลคนรักและครอบครัวไม่ได้≠ความรักและครอบครัว ไม่มีเงินก็อาจไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้≠การงาน
ในทางกลับกันหากมีเงินแต่ไม่มีองค์ประกอบอื่นเลย ไม่ว่าจะเป็นคนรัก เพื่อน สุขภาพ ก็คงใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุขมากนักหรือไม่ก็อาจจะไม่มีเลย
พอจะมองเห็นภาพไหมครับ'ทุกอย่างมันสำคัญเท่าๆกัน' เราต้องพยายามดูแลทุกองค์ประกอบให้สมดุลกัน
วิธีปฎิบัติ 7 ข้อ ที่หนังสือแนะนำ
1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
เราต้องมีเป้าหมายที่'ชัดเจน'ซึ้งสามารถพูดออกมาได้ในประโยคเดียว เป้าหมายมันก็เหมือนกับการระบุสนาถที่ที่เราจะไปลงในแผนที่อย่างชัดเจนเพื่อไม่ให้เราหลงทาง
ไอวิธีการตั้งเป้าหมายประเภทว่า"ฉันอยากเป็นคนรวย"ไม่ได้ เพราะนั้นเป็นความฝันที่คลุมเครือ
คุณไม่รู้ว่าไอคำว่ารวยที่คุณคิดนั้นมันหมายความว่ายังไงกันแน่ แบบคุณจะทำงานอะไรเพื่อให้คุณกลายเป็นคนรวย คุณจะทำยังไง คุณจะทำที่ไหน กับใคร แล้วคุณจะมีเงินในบัญชีเท่าไหร่คุณก็ยังไม่รู้ เพราะงั้นมันจึงเป็นความฝันที่คลุมเครือ
คุณต้องคิดทบทวนถึงเป้าหมายบ่อยๆ อย่าชัดเจนและเมื่อถึงจุดหนึ่ง เป้าหมายนี้จะฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก และกลายเป็นความเชื่อ
2. ขีดเส้นตาย
การกำหนดเส้นตายที่ชัดเจนจะทำให้คุณรู้ว่าจะต้องทำเป้าหมายให้สำเร็จเมื่อไหร่
หากเราไม่กำหนดเส้นตายไว้ก็มีแนวโน้มที่เป้าหมายเราจะถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ และสุดท้ายเราก็จะไม่มีวันทำมันได้สำเร็จ
3. จินตนาการอย่างเป็นรูปธรรม
คุณต้องจิตนาการให้ได้ว่าก่อนถึงเส้นตายหรือเมื่อถึงเส้นตายตัวคุณนั้นจะอยู่ในจุดไหน เช่น อยู่ที่ไหน เมื่องไหน อยู่ในบ้านแบบไหน ทำงานอะไร
คนที่ประสบความสำเร็จสำใหญ่จะมีความสามารถในการจินตนาการที่เป็นเลิศ สิ่งที่เห็นอย่างชัดเจนจากการสร้างมโนภาพจะถูกฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเราได้ง่าย
4. กำหนดแผนการปฏิบัติงาน
การกำหนดแผนการนั้นไม่จำเป็นต้องกำหนดเป้าหมายที่เกินกำลังตั้งแต่แรก เช่น ฉันจะออกกำลังกายวันล่ะสองชั่วโมง
หากคุณเริ่มต้นจากการกำหนดเป้าหมายที่ทำได้จริงง่ายๆ เช่น จะออกไปเดินวันล่ะห้านาที
จากนั้นก็ลงมือทำในสิ่งที่กำหนดไว้อย่างต่อเนื่อง คุณจะเริ่มมีความมั่นใจในการทำตามเป้าหมาย
หลังจากมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น ก็ให้ค่อยๆท้าทายตัวเองด้วยการตั้งเป้าหมายที่ยากขึ้น
คนส่วนใหญ่ใช้เวลากังวลไปก้บความคิดที่ว่าเรื่องนั้นจะออกมาเป็นยังไง แต่หากเราลงมือทำสิ่งเล็กๆน้อยๆไปเรื่อยๆ คุณก็ได้คำตอบเองว่ามันจะได้ผลหรือไม่
อย่ามั่วแต่คิดลงมือทำจากเป้าหมายเล็กๆก่อน
5. ทิ้งนิสัยไม่ดี 3 อย่าง
กฏข้อนี้ก็ง่ายๆตามชื่อ คุณแค่ต้องเลือกทิ้งนิสัยแย่ๆ 3 อย่างหรือมากกว่านั้นก็ได้
เมื่อคุณเลิกนิสัยแย่ๆที่กินเวลาในแต่ล่ะวันของคุณไปได้ คุณก็จะมีเวลาเพิ่มขึ้นที่จะอ่านหนังสือ หาความรู้ หรืออยู่กับครอบครัว
6. เขียนความฝันหนึ่งประโยคในทุกที่ที่คุณมองเห็น
มันคือการฝังเป้าหมายลงไปในจิตใต้สำนึก ทุกครั้งที่คุณเห็น คุณก็จะนึกถึงเป้าหมายและเส้นตาย
7. ตะโกนความฝัน/เป้าหมายอย่างน้อยวันล่ะ 100 ครั้ง
กฏข้อนี้อาจฟังดูเหมือนการเล่นของเด็กๆ แต่ก็อีกนั้นแหละมันคืออการย้ำเตือนเป้าหมายลงไปในจิตสำนึก และมันยังเป็นการจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆด้วย
กฎที่แสนเรียบง่าย 7 ข้อนี้ถ้าอ่านครบคุณก็จะเห็นจุดร่วมจุดเดียวกัน นั้นก็คือการทำให้เป้าหมาย/ความฝันถูกตอกย้ำลงไปในจิตใต้สำนึก
แล้วมันสำคัญอะไรขนาดนั้นแหละ คำตอบก็ง่ายๆครับ เพราะจิตใต้สำนึกจะทำงานเพื่อความฝันนั้นแม้ในช่วงเวลาที่เราไม่รู้ตัว
ทุกก้าวแรกของชีวิตจะยังดูไม่มีคุณค่า แต่หากไม่เริ่มก้าวแรกก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
WEALTHINKING : รวยมาตั้งแต่จิตสำนึก
จากที่เขียนไปข้างต้นจุดประสงค์เดียวคือการเปลี่ยนความคิด
เพราะความคิดเป็นบ่อเกิดของความรู้สึก ความรู้สึกเป็นบ่อเกิดของการกระทำ และการกระทำเป็นบ่อเกิดของผลลัพธ์
การเดินทางไปสู่ความรวยไม่ได้ต่างจากการเดินบนถนนลูกรัง หากคุณเอาแต่หาเงินโดยปราศจากแนวคิดและเป้าหมาย ก็อาจจะสะดุดกรวดทรายล้มได้ทุกเมื่อ คุณจึงต้องมีเวลาคิดทบทวนเรื่องเงินมากพอ แต่หากถึงเวลาที่ต้องหาเงิน ก็ต้องหยุดความคิดและลงมือทำทันที
นี้คือตัวอย่างจากการประยุกต์ความคิดผ่าน Wealthinking เพื่อทำให้จิตใจแข็งแรงขึ้น
- หยุดโทษใคร แล้วมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายของตัวเอง
จงโทษตัวเองมากกว่าโทษคนอื่น จะได้เรียนรู้จากความล้มเหลวและใช้มันเป็นโอกาสในการเติบโต
การโทษตัวเองในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการดุด่าต่อว่า แต่หมายถึงการยอมรับความล้มเหลวอย่างเจียมตัว แล้วมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหา
"การโทษ" เกิดจากความปราถนาที่จะปกป้องตัวเองมันคือเครื่องมือที่มีไว้ใช้ปลอบใจเมื่อเรายอมรับความล้มเหลว
หากอยากมีจิตใจที่แข็งแกร่ง เราต้องหยุดตำหนิ หยุดขอโทษ แล้วลงมือแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
- วิเคราะห์สาเหตุอย่ามีเหตุผล
เมื่อเผชิญกับปัญหาเราต้องหาสาเหตุอย่ามีเหตุผล ไม่มีสิ่งใดเป็นนิรันดร์ความล้มเหลวก็เช่นกัน
แม้เมื่อวานคุณจะล้มเหลว แต่วันนี้คุณเป็นแค่คนที่'เคย'ล้มเหลว คุณต้องก้าวต่อไปแล้วเปลี่ยนจาก"คนล้มเหลว"เป็น"คนที่เคยล้มเหลว" และกลายเป็น"คนที่เคยลองล้มเหลว"
ความล้มเหลวชั่วคราวจะไม่คงอยู่ชั่วนิรันดร์
-โฟกัสสิ่งที่ควบคุมได้
คุณต้องทิ้งทุกสิ่งที่คุณไม่สามารถควบคุมได้อย่างเด็ดเดี่ยว เช่น ปัญหาด้านกฏหมาย สภาพอากาศ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย สภาพแวดล้อมที่เราเกิด
นั้งคือตัวอย่างจากหลายๆสิ่งที่คุณไม่สามารถหลีกเลี้ยงหรือควบคุมได้ เราต้องมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงตัวเองการกระทำต่างๆของเราและสิ่งที่เราควบคุมได้
ความสามารถในการควบคุมคือพลังที่จะพาเราไปถึงชีวิตแบบที่ต้องการทีละนิดๆ
เราจะไม่ทางบรรลุเป้าหมายหากความตั้งใจแตกกระเจิง
ส่วนหนึ่งวันนี้คือผลลัพธ์จากการตัดสินใจของคุณในเมื่อวานคุณพอใจในวันนี้แล้วหรือยัง
หากตอนนี้คุณไม่ตัดสินใจให้เด็ดเดี่ยว ไม่ว่าจะกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบใด อนาคตของคุณก็จะไม่ต่างจากตอนนี้
แต่ถ้าคุณต้องการความเปลี่ยนแปลง เพียงต้องเริ่มนิสัยในการตัดสินใจโดยเริ่มจากเรื่องเล็กๆน้อยๆก่อน
คุณควรมีทัศนคติที่ยืดหยุ่นเพื่อขยายทางเลือกให้ด้วยเองด้วย เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่เราต้องการคือผลลัพธ์ ไม่ใช่การทำทุกขั้นตอนให้สำเร็จลุล่วง
สำหรับผมครับนี้คือหนังสือmindsetเล่มหนึ่งที่เปลี่ยนความคิดผมที่มีต่อเงินไปเลย
เมื่อก่อนครับผมก็เป็นอะไรคล้ายๆกับคนอื่นๆนั่นแหละครับที่คิดว่า"สิ่งอื่นสำคัญกว่าเงิน" แต่อย่างที่ทราบไปครับทุกอย่างมันสำคัญเกือบเท่าๆกัน
หน้าที่ของเราคือการรักษาสมดุลระหว่างองค์ประกอบต่างๆเพื่อที่เราจะได้มีชีวิตอย่างมีความสุข
แน่นอนครับว่าการรักษาสมดุลขององค์ประกอบต่างๆมันขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่าคุณจะให้ความสำคัญกับด้านไหนมากกว่ากัน
ใช่ครับทุกอย่างมันสำคัญเท่าๆกันแต่ชีวิตคนเรามันไม่เหมือนกันครับ เราต้องหาจุดสมดุลของชีวิตตัวเอง ซึ่งจุดสมดุลของเราอาจจะไม่ได้เหมือนของคนอื่นๆซึ่งนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหนิอะไรครับ
โฆษณา