19 เม.ย. 2023 เวลา 13:22 • ความคิดเห็น
เรื่องศรัทธา ถ้าหากเราไม่ใช้สติปัญญา ไม่ใคร่ครวญ พิจารณา อีกทั้งไม่ได้ ลงมือปฏิบัติเอง เราก็เหมือนคนแค่อ่านฉลากยาว่ามันมีอะไรบ้าง มีฤทธิ์ของยาเป็นอย่างไร เราก็ได้แต่อ่านตามที่เค้าบอก นำไปรักษาร่างกาย ตามอาการที่เป็น
แต่เรื่องของจิตใจ ..เมื่อเรามีความศรัทธา ในสิ่งที่เค้าแนะนำ ว่าทำแบบนี้ๆ เราก็ทดลองทำไป ลองทำดู..ใคร่ครวญดีแล้ว มันรู้สึกไม่ค่อยเข้าท่าเราก็ทิ้งมันไป นั่นคือเรื่องของการนำกายที่เราอาศัย มาประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อเรียนรู้ ..เรียนรู้จักอารมณ์ที่เกิดขึ้นในกาย เรียนรู้จักคำว่า สติ สติสัมปชัญญะ ใครก็พูดกันได้บอกกันได้ ว่าให้มีสติ ..แต่พออารมณ์ไม่พอใจไม่ชอบใจ เกิดขึ้นที่ตัวเอง ก็ใช้กายวาจาใจเป็นฟืนเป็นไฟ ..ใครเค้าบอกว่า ..ให้ตั้งสติ..ก็กลับไม่ชอบใจคนที่เค้าเตือนอีก ทำตัวเป็นคนพาล
เมื่อเราค่อยๆหันกลับมาดูตัวเอง ..ทำอย่างไรหนอ ..เราถึงจะรู้จักอารมณ์ในเรือนกายนี้ได้ ทำอย่างไรหนอจะให้เรารู้จักกรรม ที่มันเกี่ยวเนื่องด้วยอารมณ์ที่ปรุงแต่งกาย เมื่อเรามีความรู้สึกแปลกในกายในจิต เจอะเจอเรื่องที่เราไม่สามารถ จะทำความเข้าใจเรื่องที่เกิดในเรือนกายนี้ได้ ทำอย่างไรหนอให้จิตเรารู้จักคำว่า ธรรม..(คงไม่ใช่อยู่ในตัวหนังสือที่เราอ่าน ..เพราะเราเคยได้ยินดี คำว่า จิตมีธรรม)
เราก็ต้องเสาะแสวงหา .จะเรียกว่าครูบาอาจจารย์ ที่สามารถ ชี้แจงเหตุผล ต่างๆที่เกิดขึ้น ในกาย ในจิต ..ตลอดจนเรื่องราวของคำว่าอารมณ์นึกคิด มันมาจากไหนบ้าง เราก็คงไม่ใช่..ทำตัวเหมือนคนที่อ่านฉลากยา เราก็ตีองหาทางเรียนรู้จัก หาผู้ที่สามารถกระทำได้
แล้วเราก็ค่อยๆนำมาปฏิบัติ ค่อยฝึกหัด ..เหมือนเด็กเริ่มต้นเรียนอนุบาล ..ท่านบอกว่า ..ไอ้ตัวทิฐิอะไรต่างๆ ..ที่เกิดขึ้นที่ตัวเอง เอามันออกไปทิ้งเสีย ..ไม่อย่างนั้น..ก็บอกไม่ได้ สอนไม่ได้ ..เพราะการเรียนรู้ในเรื่องของจิตมันเป็นการทวนกระแส..อารมณ์นึกคิด สลัดละอารมณ์นึกคิด เนื่องด้วยกิเลสในเรือนกายที่เราสะสมมาเอง เมื่อจิตเรา..ค่อยๆเรียนรู้จัก
..เราก็เอาสิ่งที่ท่านแนะนำสอนให้ ไปปฏิบัติ ..เกิดผล..อย่างไร เราก็ได้คำแนะนำให้ไปแก้ไขตัวเราเอง จิตของเราเอง ..นั่นก็คือกรรม ..วิบากกรรม…ที่เราจะแก้ไขอย่างไร ในเมื่อเราไม่มีสติปัญญาถึงขนาดนั่น เรื่องของความศรัทธา เรื่องคำสอนอะไรต่าง ที่เราได้อ่านได้ฟัง ..มันไม่เหมือนกับการลงมือปฏิบัติเอง ..พบเจอะเจออุปสรรคด้วยตัวเอง
..ยิ่งเป็นเรื่องของอารมณ์กรรมที่ปกปิดจิตของเรา หากเราไม่เจอะ ผู้ที่เคยผ่าน เคยเดินทางผ่านอุปสรรค..มาแล้ว ..มันก็คงยากที่เราจะแก้ไขอุปสรรคผ่านไปได้ เพราะจิตเรามาชอบคลุกบ่อโคลนตม ที่ห้อมล้อมจิต มีความโลภโกรธหลงกักขังจิต เป็นกำแพงที่มิอาจจะผ่านพ้นออกไปได้
..ถึงแม้ว่า ..จะไม่สามารถสามารถผ่านกำแพงนี้ไปได้ แต่จิตก็ยังได้เรียนรู้จัก อารมณ์บ้างนิดหน่อยก็ยังดี ดีกว่า..เกิดมาอยู่กับอารมณ์ ไม่รู้จักอารมณ์ อยู่กับกรรมก็ไม่รู้จักกรรม มันก็เสียเวลาไปชาติหนึ่ง เกิดมาทั้งที ..ไม่รู้จักพระคุณของกายที่อาศัยที่พ่อแม่ให้มา ไม่ได้ใช้ให้เกิดเป็นคุณให้แก่จิตของตนเองเลย ..แล้วจะไปไปได้สังขารพ่อแม่ที่ดีๆ ในชาติต่อไปได้อย่างไร..เมื่อไม่สะสมคำว่าบุญกุศลบารมีให้แก่จิตที่ต้องเดินทางออกจากสังขารนี้ไป
โฆษณา