20 เม.ย. 2023 เวลา 04:39 • ท่องเที่ยว
จุดชมวิวเขากระโจม

ออกตัวก่อนเลยครับ ผมเป็นคนชอบขับรถมาก

ทั้งมอเตอร์ไซต์และรถยนต์ บ้านผมไม่ใช่คนรวยไรนะครับ หลังเรียนจบทำงานได้
ความฝันอย่างหนึ่งคือการมีรถซักคันขับไปไหนมาไหน สำรวจบ้านเมืองอื่นไปเรื่อย ก็ผ่อนรถเก๋งมาคัน ตอนได้รถมาแรกๆก็เห่อมากไง ขับไปเหนือล่องใต้ รถ 1,200 ซีซี แต่แบบพาขึ้นเขาลงห้วย
ไม่นานจากนั้น ด้วยความที่การจราจรในกรุงเทพ มันเฮงซวย แบบที่น้องอิมเมจ เดอะว้อยซ์ว่า ผมก็เลยไปถอยมอไซต์มาอีกคัน ไว้ขี่ไปไหนมาไหน ส่วนรถยนต์ก็ไว้กลับตจว.ในทุกๆสัปดาห์ที่หยุด ตอนซื้อก็ไม่รู้จะซื้ออะไร เห็นวินจยย.ชอบขี่เวฟ 110 กัน เคยถามเขาบอกว่าทน ถูก 555 เราก็เดินไปร้านขายมอเตอร์ไซต์ เอารุ่นนี้เลยพี่
ขับในกรุงเทพก็สนุกดี ผมเป็นคนชอบรถมีเกียร์อยู่แล้วด้วย ในส่วนรถเก๋ง มันเป็นอีโค้คาร์ แม้จะไปในที่โหดๆมาแล้ว แต่ผมเป็นคนขับรถถนอมมากนะ ขี่ประหยัดน้ำมันสุดๆ (เป็นผู้ชายหน้าโหด ที่แบบ ขับรถที่เขาโฆษณาว่ากินน้ำมัน 20 กม./ ลิตร แต่ผม ขับได้ 23 24 25 26 เสมอ ) แต่มันไม่สนุกไง ก็เอาอารมณ์สปอต มาปลดปล่อยกับมอเอตร์ไซต์ที่เขาว่าทนที่แหละ
ที่ผ่านมาก็ขี่แต่ในกรุงเทพ ไปมาหมด ที่ไปไกลสุด ก็คือฉะเชิงเทรา กับอยุธยา ที่ไปเที่ยวถ่ายรูปวัด ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา เห็นในฟีดเฟสบุ๊ก คนขี่มอร์ไซต์ขึ้นเขากระโจมแนวผจญภัย รถล้ม คว่ำกันเป็นแถบๆ ยิ่งดูยิ่งสนุก ผมค้นหาข้อมูลว่ามีใครเคยไปมาแล้ว ไปยังไง ต้องขึ้นลงตอนไหน ไปดูอะไร ลำบากแค่ไหน คนเขาใช้รถอะไรขึ้นกัน
บทสรุปของการอ่านข้อมูลคือกูต้องไป ด้วยเวฟร้อยนี่แหละ แม้คนอื่นเขาจะใช้วิบาก ใช้ออฟโรดอะไรก็ตาม แต่ในคลิปมันมีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งขึ้นไปได้โดยใช้รถออโต้เมติก อย่างฟีโน หรือคลิก ทำไมเวฟเกียร์ธรรมดาจะขึ้นไม่ได้
เมื่อมีข้อมูลพอไปได้ ก็หาเพื่อนไป ด้วยความที่ทำงานหนักพอสมควร ผมทำงานหกวัน งานอะไรขอไม่บอกละกัน อยู่แถวๆจตุจักรนี่แหละ ความที่ไม่ใช่คนกรุงเทพ โดยกำเนิด เพื่อนรักที่พอจะบุกน้ำลุยไฟไปด้วยกันก็น้อย ถามรูมเมท มันก็มีบิ๊กไบค์ ไม่อยากเสี่ยง ก็ไม่รู้จะชวนใคร งั้นกูไปคนเดียวแล้วกัน 555
เตรียมตัวครับ เต้นท์เล็กๆหนึ่งชุด เผื่อนอน ใสร่มไปด้วย เพราะมีพยากรณ์ฝนตก แถมเมื่อคืนฝนเพิ่งตกหนัก ชุดกันฝนอะไรไปพร้อม น้ำ ขนม เสื้อหนาๆ จากนั้นก็ออกเดินทางครับ เลิกงานวันศุกร์ นอนหลับตั้งนาฬิกาปลุก ตื่นตอนตี3 ครึ่ง เก็บของ รีบมารถ บิดกุญแจ บึ่งไปทางแคราย ตรงไปกาญนาภิเษก
จากนั้น ตามจีพีเอส ไปจนจบกับถนนบรมราชนี แวะเติมน้ำมัน 60 บาท กะให้ไม่เต็มถัง ให้ไปหมดช่วงก่อนขึ้นเขา แล้วค่อยเติมใหม่ ขึ้นเขาจะได้ไหม่หมด แล้วตรงไปสู่นครปฐม เป็นเช้าวันเสาร์ที่รถสิบล้อเยอะมาก ไป 6 โมงเช้าช่วงระหว่างนครปฐม เข้า ราชบุรี
ขี่ตามจีพีเอส มันให้ไปตามเพชรเกษม จากนั้นไปเลี้ยวแยกที่ทางเข้า สวนผึ้ง-บ้านคา จะหาข้าวกินก็หายาก เจอปั้มปตท.แรก ก็ไม่เติมน้ำมัน แข็งใจไว้ เพราะยังเหลืออีกประมาณ 50-60 โล ขี่ไปก็ลุ้นน้ำมันจะหมด ถึงตรงนี้เริ่มหนาว เห็นภูเขา มีหมอกบางๆลอยปกคลุม บ่งบอกว่าเมื่อคืนฝนเพิ่งตก ท้องฟ้าสว่างแล้วแต่ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้น
หลังจากกลัวว่าน้ำมันจะหมดไหม ที่สุดมันก็เกือบหมด โชคดีเข้าเขตชุมชนพอดี เจอปั๊มน้ำมันชาวบ้าน ก็ยังเจือกแข็งใจไม่เติมอีกนะ งก กลัวเขาขายแพง 55 เลยจากนั้นไปนิดเจอปั้มพีที โหน้ำตาจะไหล บอกเบนซินมาเลยเต็มถัง น้องคนขายก็ชวนสมัครบัตรสะสมแต้ม ชวนอยู่นั่น เราก็ใจอ่อน สมัครก็สมัคร เผื่อจะได้ถาม เขากระโจมไปทางไหน แล้วฝนตกแบบนี้มีใครเอาเวฟขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่กล้าถามไง กลัวน้องตอบว่า ไม่ได้พี่ อย่าไป 555
เติมน้ำมันเสร็จก็ขี่ตามจีพีเอสไปเรื่อยๆ แวะกินร้านข้าวแกง อร่อยดี ขายถูก 40 บาท ข้าวเต็มจาน แถมมีน้ำพริกผักมาให้ 2 ถ้วย โห น้ำตาจิไหล กินไปฟังแม่ค้าทะเลาะกับลูกชายไป หดหู่ ด่ากันทำไม ทำไมไม่คุยกันดีๆ (ยุ่งเรื่องชาวบ้านอีกกุ)
เอาหล่ะ ไปต่อ เริ่มเข้าดงภูเขา รถเวฟ เริ่มต้องเทิร์นเกียร์ลงต่ำเพิ่มกำลังแล้ว สนุกดี จากนั้นจีพีเอส ก็พากูลัดเข้าโรงเรียน ซึ่งเขาปิดทำการห้ามเข้า กระทั่งกุต้องวกกลับ ชาวบ้านก็มองเมิงเข้าไปทำไม เมื่อไปต่อตามเส้นทาง สังเกตดีๆทางเข้าเขากระโจมไม่ใหญ่โต อาจเลยได้
ช่วงนี้แหละครับ ตื่นเต้นดี เป็นถนนลาดยางสองเลน แต่แบบ เมิงจะตัดเลนเพื่อ? ถ้ามันจะเล็กขนาดนี้ ทางเข้าจะมีด่านตำรวจ ติดป้ายไว้เปิดให้เข้าตอนตี 4 - 7 โมงเข้า เฉพาะรถขับเคลื่อน 4 ล้อ พอ 9 โมง จึงจะเปิดให้เข้าปกติ พอเริ่มขึ้นเขาก็ขนลุก แมร่งชันมากครับ ดิ่งขึ้นไปเลย เกียร์ 2 ไม่อยู่ต้อง 1 เท่านั้น แต่ เวฟ 110 ทำได้ดี ไม่มีผิดหวัง มีช่วงให้พัก ใส่เกียร์ 2 -3 บ้าง ขี่ๆไปได้กิโลนึง เริ่มเจอทั้งถนนขาด ก้อนหินก้อนดินอะไรเต็มไปหมด เริ่มขนลุก เมื่อมองลงไปข้างๆ เพราะมันสูงขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้นก็เข้าสู่ความจริง มีป้ายเตือนด้วยนะ 55 จุดกลับใจ อะไรประมาณนั้น ให้เมิงถอยกลับไปซะ มีหรอ ผมจะยอม ยิ่งใส่เกียร์บิดต่อเนื่อง และแล้วก็เจอครับ
อธิบายก่อนว่า ถนนทางขึ้นประกอบไปด้วยดินกับก้อนหินนี่แหละ บางช่วงก็มีดิน ถ้าฝนตกก็เละ บางช่วงก็เต็มไปด้วยก้อนหินใหญ่ เล็กน้อย เต็มไปหมด สภาพถนนที่แย่แบบนี้ เกิดจากปัจจัยธรรมชาติ คือฝนตก ทำให้เกิดการชะล้าง หรือทำให้ดินไหลไปรวมกัน กับอีกอย่างคือปัจจัยมนุษย์ อันนี้บอกเลยคือพวกรถขับเคลื่อนสี่ ล้อ พวกนี้รถใหญ่ไง มาเพื่อชนะ เพราะล้อเขาใหญ่ ยิ่งตะกุย มันยิ่งเป็นร่องลึก หลายร่อง ตรงทางชันขึ้น และไอ้ร่องพวกนี้แหละครับ น่ากลัวมาก สำหรับมอเตอร์ไซต์ล้อเล็กๆอย่างผม
ด้วยความที่คิดว่ารถเราเบาน่า ไม่น่าจะมีปัญหา พอขึ้นเนินชันดินแรกๆปุ๊ปคว่ำครับ ล้มไม่เป็นท่า เพราะต้องขี่ตามทางรถใหญ่ ไม่ให้ตกร่อง พอทางขึ้นเราก็ขี่ของเราไปค่อยๆกระดืบๆ พอจะถึงยอด ปรากฎทางขาด ขี่ไปก็จะแฉลบ ร่วงล่อง ทันที จะข้ามล่องก็ยาก ปล่อยไหลลงก็ยาก ไม่ทำอะไรก้ไม่ได้ ตอนนั้นงงมากไม่รู้ทำไง สุดท้ายยอมถอย จนร่วงร่องรถคว่ำครั้งแรก
ตอนนี้มีประสบการณ์แล้ว ว่าจะขึ้นเลนไหน ต้องดูให้สุดว่าทางมันขาดไหม ไม่ใช่เอาแต่ขี่ๆๆ ผมเริ่มใหม่ไหลลงแล้วค่อยๆไต่ ดูตามรอยรถชาวบ้าน ถ้ามีให้ดู เขาไปทางไหน เราไปตาม
เหนื่อยและเครียดมาก ขี่ๆขึ้นไป ทั้งดินทั้งหิน บางจุดค่อยยังชั่ว มีให้ไปเรื่อยๆ กระทั้งถึงเนินที่ตั้งศาล ตรงนี้มีวิวสวยดี ผมจอดถ่ายรูปนั่งเล่น พักเครื่องแพพนึง จากนั้นได้ยินเสียงรถขึ้นตามมา มีคนพม่า เป็นแรงงานในสวนอะไรซักอย่างขี่ ตามมา ก็ยิ้มทักทาย ผมถามเขาก่อนอีกไกลไหม รถผมขึ้นได้ไหม เขาบอกไม่ไกล ขึ้นได้สบาย รถเขาก็ไม่ใช่ล้อวิบาก ก็ขึ้นได้ 555
ผมเริ่มมีกำลังใจ ไปต่อก็ไปทั้งที่เหนื่อย เขาบอกให้ผมออกหน้าก่อน เหมือนเขาจะพยายามช่วยผม ขี่ตามหลังมา ช่วงนี้ก็ทุรักทุเรตามเดิม ต้องขี่ผ่านเนินชันที่มีแต่ก้อนหินเต็มไปหมด จนไปเจอกับบ้านพักตชด.ที่จะมีแอ่งน้ำที่รถออฟโรด ชอบลุยกันตามคลิปในยูทูป ซึ่งผมก็ไม่ได้ลุยให้รถพัง ก็ขี่ไปเรื่อยๆตรงนี้
เริ่มมีดินเยอะ ผลจากจากที่ฝนเพิ่งตก ก็ทำให้ลื่น เจอเนินเขาที่ชันและลื่น โครตกลัวมาก หันลงไปก็กลัวรถไหลตก บิดมาก รถก็ลื่น ไม่เกาะ นี่คือเหตุผลว่า รถเครื่องส่วนใหญ่ของชาวบ้านที่นี่ ดอกจากจะเป็นยางแบบวิบาก ตรงนี้จะต้องใช้ทักษาเฉพาะตัว คือไปแล้วไปเลย จะถอยกลับไม่ได้ โดยต้องเลือกช่องทางที่ถูก ให้เสี่ยงกับการตกล่องออฟโลด น้อยที่สุด คนขายาวจะได้เปรียบ บิดพอประมาณ ให้ล้อพอมีแรงไต่ ที่เหลือใช้การพยุงร่างกายตามน้ำหนักรถ
ถ้าเจอหินหรือดินแข็งให้เหยียบไปเลย ตรงไหนลื่นอย่าฝืน ปล่อยรถบินแล้วเบี่ยงเอา เนินนี้ผมไม่รู้เนินอะไร แต่เหนื่อยและเครียดดี สงสัยเพราะฝนเพิ่งตก ถ้ามาหน้าแล้ง และหน้าหนาว คงไม่เหนื่อยขนาดนี้ พอขึ้นไปได้ เริ่มใกล้ยอดเขากระโจม ตรงนี้วิวสวยมาก จอดถ่ายรูปแบบ
จากนั้นไปต่อ ดูปริมาณน้ำมันจากการเปิดดู พบว่า ไม่น่ามีปัญหา เนินสุดท้ายก่อนขึ้น เป็นแบบผสมครับ ทั้งหิน ทั้งดิน ทั้งชัน ต้องลงจากรถพยายามเข็นแล้วกำเบรก ไม่ใก้รถไหล จากนั้นเข้าไปทำแบบเดิม พยายามพยุง ไม่เร่งเกินไป และไม่ผ่อนเกินไป กระทุ้ง จนรถ รอด ขึ้นไปถึงจุดหมาย เฮ้ออออออออ เหนื่อย ขาสั่นไปอีก
ลงจากรถเห็นรถโฟร์วิล 3 คัน ตั้งเต้นท์ เพิ่งตื่นนอนคุยกันสนุก วิว อีกฝั่งเป็นพม่า เสียดาย หมอกเยอะ สลับกัน ส่วนฝั่งไทย ไม่ค่อยมีหมอก ทากเยอะชิบเป๋ง กระดืบๆให้เห็นจะจะ
พักสักแพพ ถ่ายรูป ผมตัดสินใจลงดีกว่า ไปน้ำตกแถวนี้แล้วหาไรกินก่อนกลับ
ขาลงค่อยยังชั่ว ไม่เครียดรถล้มเท่าขาขึ้น แต่ต้องพยุงให้ดี มันไม่เกี่ยวกับการเร่งเครื่องแล้ว มันเกี่ยวกับการใช้เบรก และการใช้เครื่องเบรก ต้องกดเกียร 1 - 2 ตลอดเวลา และรู้จังหวะ เบรกก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ดุ่มๆ ต้องเบกให้สม่ำเสมอกัน ทั้งหน้าหลัง เพราะถ้าเบรกหลังอย่างเดียว รถจะแฉลบลื่น เบรกหน้าอย่างเดียว เอาไม่อยู่ ต้องเบรกทั้งคู่ แล้วดุลน้ำหนักให้ได้ ขากลับ แวะน้ำตกผาแดง ทางเข้าอย่างรก น้ำตกสวยดี เพราะมองเห็นภูเขาไปทั่ว เป็นฉากหลัง
ไปต่อจ้าาา ค่อยๆลง ระวังลื่นล้มอย่างเดียว ถึงตอนนี้โครตเหนื่อย กับการเกร็งขา กว่าจะลงถึงลาดยาง แทบกระอัก พอจะถึงพื้น เจอรถออฟโรด สองคันขี่คนเต็มรถสวนขึ้นไป คงเป็นชาวบ้าน ที่นักท่องเที่ยวเหมารถขึ้นไป เขามมองมาคงสงสัย ไอ้นี้มันบ้าอะไร เอาเวฟขึ้นตอนหน้าฝน สภาพรถไม่ต้องถาม เลอะมาก จากรถใหม่เอี่ยม....
....ขี่ไปเรื่อย ไปทางน้ำตกเก้าชั้น หรือเก้าโจน วิวสวยดี ภูเขาเยอะมาก ราชบุรีเนี่ย รีสอร์ตก็เยอะ ถึงน้ำตก เดินเที่ยวถ่ายรุปเสียค่าเข้า 10 บาท เดินไปแค่ 3 ชั้นเพราะเหนื่อย กลับมานอนเอาเท้าจุ่มน้ำ เกือบหลับ แล้วก็มาสั่งส้มตำ ไก่ย่างกินกับหมาแมว แถวนั้น บ่ายพอดี บึ่งมอร์ไซต์กลับ
อย่างที่บอก วิวภูเขาสวยดี น้ำมันไม่กินเยอะเลย เวฟนี่โครตประหยัด ลงมาถึงพื้นน้ำมันไม่ลดแหะ ขี่มาเรื่อยๆ แวะถ่ายรูปตามใจชอบ ออกมาเกือบถึงเพชรเกษม เมื่อยก้นมาก จอดแวะศาลารอผู้โดยสาร ติดกับ ป้อมตำรวจ เผลอหลับไปนิดนึง 555 แต่ก็ดีได้มีแรง กินสปอน์เซอร์แล้วไปต่อ
ออกจากราชบุรี จะเข้านครปฐม ตอนประมาณบ่าย 3 โหหหหห มาแล้วจร้าพายุฝน มืดดำลมแรง น่าเกลียดมาก ผมจอดแวะศาลารอผู้โดยสาร เอาเสื้อกันฝนสองชั้นมาใส่ พร้อมคิดว่าเอาสิ ฝนกับกูใครจะแน่กว่ากัน
แวะเติมน้ำมันอีกรอบ จัดมาเลย 95 เต็มถัง ขี่ต่อลมแรงมาก ไปได้แค่ 60 กม./ ชม ตั้งแต่นครปฐม เลี้ยวเข้ามาถึงกรุงเทพฯฝนตกตลอดทาง รถจากที่เลอะมาก กลายเป็นขี้ดินหายไปหมดเลย ค่อยๆไต่มา รถมาติดตรงกาญจนาภิเษก จนถึงเลี้ยวเข้าพระราม 5 กลับสู่ประชาชื่นตามเดิม 18.00 น.
อาบน้ำให้มันส์ แล้วล้มตัวลงนอนนนนน
จบอีกหนึ่งวันพักผ่อน ได้รู้จักราชบุรีดีขึ้น ได้รู้จักเวฟ 110 เพื่อนคู่ใจไม่เคยทรยศดีขึ้น ได้สู้ฝนจนหนาวสั่น ได้ชมวิวภูเขา ได้เอาชนะตัวเองได้ พอแล้ววันนี้....
โฆษณา