24 เม.ย. 2023 เวลา 22:05 • ท่องเที่ยว

#SpainDiary

Day 2: Madrid
04.24.2023.06.00pm
ในวงการพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงอารยธรรมหลายหลาก, ฉันจัดให้ Louvre Museum, British Museum (ยังไม่เคยไป), และ Metropolitant Museum of Art (The Met) อยู่ระดับพระรัตนตรัย ที่เหลือทั้งหมด, แบ่งเป็น (1) honorary หรือ ระดับอัครสาวกสาวิกา และ (2) เอาไว้ฆ่าเวลา
มิวเซียมนอกเหนือจากพารากราฟแรกที่จัดแสดงธีมเฉพาะเจาะจง เช่น Guimet Museum (ศิลปะเขมรพระนคร, อุษาคเนย์, และปลายบูรพาทิศ), National Museum of Archeology ณ Mexico City (โบราณวัตถุของชาวมายา และ อื่น ๆ ในกลุ่มวัฒนธรรมอเมริกากลาง), National Palace Museum แห่งไทเป (ศิลปะสมัยจีนราชวงศ์), Grand Egyptian Museum, หรือ Acropolis Museum (สามอันหลังยังไม่มีโอกาสเยี่ยมชม) ถูกจัดอยู่กลุ่มเอตทัคคะ
Prado Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะนามอุโฆษ (กลุ่ม honorary) แสดงภาพวาดหลายณอนร่า แต่ที่อุ่นหนาฝาคั่งเป็นพิเศษ คือ งานยุค High Renaissance โดยเฉพาะของศิลปินอย่าง Diego Velzquez, El Greco (The Greek) กรีกเกี้ยนผู้ร่ำเรียนวิชาศิลปะในอิตาลีและจรลีมาลงหลักปักฐานในโตเลโด, Peter Paul Rubens, และ Titian รวมทั้ง Goya ผู้ได้รับสมัญญานาม: the last of the old masters and the first of the new ones
ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 18 ตรงกับ Enlightenment Period ในยุโรป สเปน, เริ่มตื่นจากแอกโรมันคาทอลิกที่โย้คนางตั้งแต่ Reconquista
เจ้าและชนชั้นนำสมัยนั้นหันเหความสนใจมายังวิทยาศาสตร์ แผ่นดินที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ปราโดในปัจจุบันเคยกัลปนาให้เป็นสังฆมณฑลคุณพระเจอโรม (Jeronimos Monastery)
คิง Charles III, ในปี 1785, สั่งสถาปนิกออกแบบอาคารเพื่อสร้างเป็นกระทรวงและจัดแสดง Natural History ของ Everything แต่เหมือนโปรเจกต์หยุดชะงัก จนกระทั่งปี 1819, คิง Ferdinand VII และ ภริยา ควีน Maria Isabel ณ Baganza มีรับสั่งปริวัติต่อเติมเป็นพิพิธภัณฑ์จัดโชว์งานศิลป์ส่วนพระองค์และของบูรพกษัตริย์ที่รวบรวมตั้งแต่สมัย ควีน Isabella I ณ Castile กับ พระสวามี คิง Ferdinand II ณ Aragon ตั้งแต่ครึ่งหลังคริสต์ศตวรรษที่ 15
ภายในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป ห้องจัดแสดงทำเป็นโซนศิลปินซึ่งง่ายต่อการเดินดู ในบรรดามาสเตอร์ทั้งหลาย, ฉันชอบงานของคุณ El Greco มากที่สุด ค่าที่นางวาดคนเหมือน Marfanoid Habitus ดู exaggerated, ยึกยือ, และใช้สีแสงได้สดกระชากเรตินาขาดหลุดลุ่ย
ฉันสงสัยว่านาง (คนวาด) อาจเป็น Marfan syndrome (วินิจฉัยแยกโรค: congenital contractural arachnodactyly, multiple endocrine neoplasia type 2B, homocystinuria, และ hypogonadotrophic hypogonadism ทั้งที่มีหรือไม่มี anosmia) หรือ นางอาจมีการมองเห็นที่ผิดแผกจากคนปกติ อย่างเป็นไมเกรนมี aura และ Alice in Wonderland syndrome
อยากพาแพทย์ประจำบ้านและแพทย์ประจำบ้านยิ่งยวดมาราวด์ นอกจาก Marfanoid Habitus ยังมีเด็กอ้วนมาก (อาจเป็น Prader-Willi syndrome หรือ Bardet-Biedl syndrome), achondroplasia หลายคน, และ short-trunk dwarfism อีกสองสามคน อย่างหลัง, หากว่าตามสถิติ, ถ้าไม่ใช่ spondyloepiphyseal dysplasia congenita ก็คงเป็น mucopolysaccharidosis type 4 หรือ Morquio syndrome
มากไปกว่านั้น, คุณโกยาเอง ในช่วงท้ายของชีวิต หูนางดับและเหมือนมีดีเพรสเชิ่นอ่อน ๆ จนต้องย้ายไปอยู่ชานเมืองมาดริด
นักประวัติศาสตร์ศิลปะเชื่อว่านางเป็น neurosyphilis (common disease is a common disease) เพราะก่อนหน้านั้นนางมีอาการทางระบบประสาท (ที่บันทึกไว้ อ่านแล้วเหมือน posterior circulation stroke หรือ TIA บวกกับประสาทหลอนเป็น ๆ หาย ๆ)
ฉันขอ DDx Cogan syndrome และ Susac syndrome เพราะเท่าที่อ่านประวัติโกย่า นางยังมีความผิดปกติทางการมองเห็นร่วมด้วย (Cogan syndrome - interstitial keratitis; Susac syndrome - branch retinal artery occlusion)
III>II2
จาก Prado Museum, หากเดินลงใต้อีกหน่อย จะเจอ Reina Sofia Museum (Museo Nacional Centro de Arte Reina Sofia) อันเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัย คือ ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา
เมืองใหญ่ ๆ มักมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยเก่ากับสมัยใหม่คู่กันเป็นหมูสะเต๊ะกับอาจาดไม่ให้เลี่ยนอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
1. NYC: The Met กับ MoMA
2. Paris: Louvre Museum กับ Center George Pompidou และ D’Orsey Museum
3. อังกฤษ: British Museum กับ Tate Modern
เป็นต้น (เอ๊ะ! หรือคิดไปเอง)
ฉันว่าสถาปัตยกรรมภายนอกดูสวยงามมากกว่างานศิลป์ที่จัดแสดงภายใน หากไม่มี Guernica ของ Picasso ก็คงไม่มีอะไรให้ทัศนา
ก่อนกลับ ร.ร. เดินผ่านร้านราเมง แวะเข้าไปกิน อร่อยใช้ได้ แถมมีให้เลือกด้วยว่าจะเอาพอร์เชิ่นเล็กหรือใหญ่ (ตัดกันที่น้ำหนักเส้น: 100 g v. 200 g) ดีใจที่เห็นระบบเมตริก แต่เสียใจที่นางใช้ comma กับ จุด สลับกันยามเขียนตัวเลข - 1.200,00 งงค่ะ!
Saturn Devouring His Son
Francisco Goya, c.1819-1823
Saturn ได้เสียเป็นเมียผัวกับ Ops ผู้น้อง/พี่ (sister; ไม่รู้ว่าอ่อนหรือแก่กว่า) ลูกของทั้งคู่มี: Jupiter, Neptune, Pluto, Juno, Ceres, และ Vesta
*ทำไมภาษาไทยใช้คำ พี่ หรือ น้อง แยกอายุ แต่เพศต้องใช้คำวิเศษณ์ขยาย: ชาย หรือ สาว; กลับกัน, ภาษาอังกฤษแยกเพศ คือ brother v. sister แต่ไม่รู้อายุ ต้องขยายด้วย younger หรือ older?
อนึ่ง, เทพโรมันมีออริจิ้นจากชาติพันธุ์โรมัน (Indo-European) ผสมกับพวกที่อยู่ก่อนบนคาบสมุทรอิตาลี โดยเฉพาะ Etruscan ทว่า, เมื่อโรมันผนวกวัฒนธรรมกรีก, เทพเหล่านี้จึงกลายเป็นอีกอวตารของ Greek ปกรณัม (Saturn = Cronus)
โหรหลวงทำนายคุณดาวเสาร์จะถูกปิตุฆาต นางจึงกินลูกทุกคนที่เมียคลอดออกมา (โอเค สมัยนั้นไม่มียากินหรือฝังคุมกำเนิด ให้อภัย) ยกเว้นจูปิเตอร์ เพราะเมียเอาหินห่อด้วยผ้าส่งให้ คุณจูจึงรอดชีวิตแล้วกลับมาฆ่าพ่อช่วยพี่น้องตัวเอง (ถ้าใช้เส้นเรื่องเหมือน Cronus ปะทะ Zeus)
เกียรติภูมิสูงสุดในชีวิตของโกย่า คือ ได้เป็นศิลปินหลวงวาดภาพคิงและพระบรมวงศานุวงศ์ แต่แล้วโชคชะตาไม่เล่นด้วย นางป่วยด้วยโรคที่เล่าในสเตตุ๊ด
เพราะเหตุนั้น, โกย่าจึงหลีกลี้ยุทธภพหนีไปอยู่ชานเมืองมาดริด ณ Quinta del Sordo หรือ บ้านคนหูหนวก และในปี 1819-1824 นางได้สร้างผลงานเป็นภาพวาดบนผนังห้องครัวและห้องนอนที่คนสมัยหลังเรียก The Black Paintings
โกย่าสลัดความสดใสในวัยเยาว์ออกหมด กาฬรูปทั้ง 14 อันจึงเต็มไปด้วย Rated PG13 และ R ผู้เชี่ยวชาญมากมายพยายามอธิบายว่าเพราะอะไร, นางถึงรังสรรค์งานเหล่านี้
บ้างก็ว่า เพราะความสับสนวุ่นวายทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น Peninsula War ที่ชาวสเปนโดยเฉพาะมาเดรี้ยนต่อสู้กับกองทัพนโปเลียนที่เข้ามายุ่มย่ามบนคาบสมุทรไอบีเรีย และ การที่คิงให้คำมั่นสัญญาว่าจะปฏิรูปประเทศให้ลิเบอรัลมากขึ้น แต่สับปลัปยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน หรือ ลางคนบอกเป็นอาการแสดงของตัวโรคที่นางเป็น คือ express ความมืดในจิตใจที่ประสบพบพานมาทั้งชีวิต
สำหรับ Saturn Devouring His Son, ฉันว่าสาเหตุอาจจะ simple กว่าที่กล่าวมา คือ ลูกของโกยาจำนวนมาจากเจ็ดถึงแปดคนถึงแก่อนิจกรรมก่อนนาง หัวหงอกไม่ควรต้องเผาผีหัวดำฉันใด โกย่าคงเสียใจและระบายสีดาวเสาร์กำลังกินลูกเหมือนที่ตัวเองเห็นลูกตาย (อันนี้คิดเองนะ)
โกย่าอยู่ในบ้านคนหูหนวกเป็นเวลานาน แต่นางระเห็จไปสิ้นกรรม ณ Bordeaux, ฝรั่งเศส
ปี 1873 คหบดีผู้ชื่นชอบผลงานโกย่าซื้อบ้านหลังนี้ แล้วสั่งให้ย้ายกาฬรูปทั้งหมดลงบนผืนผ้าใบ จากนั้นบริจาคให้ Prado Museum ในปี 1889
III>II2
กลบทถอยหลังเข้าคลอง
เศร้าสลด โศกเช่น ลำเค็ญโชค
โชคลำเค็ญ เช่นโศก สลดเศร้า
มีกรรมหนัก รักทึ้ง รำพึงเรา
เรารำพึง ทึ้งรัก หนักกรรมมี
สักขีเป็น ลูกด้วย ช่วยพันผูก
ผูกพันช่วย ด้วยลูก เป็นสักขี
พรหมลิขิต ทำจากไกล ไร้ไมตรี
ไมตรีไร้ ไกลจากทำ ลิขิตพรหม
ขมขื่นสุด ตกตาย หายให้ห่าง
ห่างให้หาย ตายตก สุดขื่นขม
วิญญาณดับ ลับไป ใจระทม
ระทมใจ ไปลับ ดับวิญญาณ
ผลาญลูกกิน สิ้นชีวิต ดั่งจิตสั่ง
สั่งจิตดั่ง ชิวิตสิ้น กินลูกผลาญ
เดียวดายอย่าง อยู่ด้วยทุกข์ คุกอนธการ
อนธการคุก ทุกข์ด้วยอยู่ อย่างเดียวดาย
ป.ล.
สมัยก่อน Zeus มี pater แปลว่า “พ่อ” ต่อท้าย แต่ pater ถูกตัดทิ้งเหลือแค่ Zeus ส่วน Jupiter มาจาก djous + pater ใน Proto-Italic ถ้าเป็นสันสกฤตก็ dyaus (ดยาอุส) + piter ขอให้สังเกต zeus, djous, และ dyaus ออกเสียงคล้ายกันเพราะเจริญมาจากคำเดียวกันคือ *Dyeu-pater ในภาษา Proto-Indo-European หรือ PIE
Las Meninas (c.1656-57)
Diego Velazquez, c.1656-1657
ตรงกลางรูป Las Meninas คือ เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต เทเรซ่า เมื่ออายุได้ 5 ขวบ (Infanta Margaret Theresa) ผู้หญิงที่อยู่ชิด princess ทั้งสองข้างเป็นพระพี่เลี้ยง (menina/meninas) คงเหมือน นางรื่นนางโรย, ทองหยิบทองหยอด, หรือ กระจิบกระจาบ ในละครจักร ๆ วงศ์ ๆ
Las Meninas มีความซับซ้อนในแง่ composition และ “ใครวาดใครกันแน่” แต่ที่สะดุดตาฉัน คือ ผู้หญิงที่เป็น achondroplasia (ที่สองจากซ้ายสุด) นางมีตัวตนจริง ชื่อ Maria Barbola
Achondroplasia เป็นโรคในกลุ่ม skeletal dysplasia ที่พบบ่อยสุด ตัวโรคเกิดจากความผิดปกติของยีน FGFR3 (ตัวเอียง) ทำให้กระดูกที่เจริญด้วย endochondral ossification ซึ่งก็คือกระดูกแทบทั้งหมดไม่สามารถยืดยาว แต่กระดูกที่ใช้วิธี intramembranous ossification: กระดูกกระโหลก, กระดูกแบนบนใบหน้า, และ กระดูกรากขวัญ ยังคงเจริญเติบโตตามที่ควรจะเป็น ส่งผลให้เกิด disproportinate short stature, short limb, และ rhizomelia
Achondroplasia ยังมีรูปหน้าที่เป็นลักษณะเฉพาะ ที่เห็นชัด ๆ คือ (1) ดั้งจมูกไม่สูง (depressed masal bridge) กับ (2) หัวโต (เพราะกระโหลกเจริญปกติ)
ในราชสำนักของหลายวัฒนธรรมตั้งแต่อียิปต์, จีน, กรีก, และโรมันจนถึงราชวงศ์ยุโรปยุคเรเนซองส์และบาโร้ค คนแคระหรือ dwarf มีความสำคัญในฐานะผู้รับใช้ใกล้ชิดมหาราชา, มหารานี, มกุฎราชกุมาร, และพระบรมวงศานุวงศ์เหมือนขันทีหรือกงกง (เรียกรวมว่า court dwarf/dwarves)
ว่ากันว่าคนแคระจะยืนข้างมหาราชาหรือรานีหากทั้งสองต้องปรากฎกายต่อหน้าสาธารณชนเพื่อสร้าง illusion ให้ทั้งคิงและควีนดูสูงใหญ่มีพลังวัตรมากกว่าปกติ
นอกจากนี้นางยังมีหน้าที่สร้างความสุขให้แก่คนในรั้วในวัง เหมือนรายการชิงร้อยชิงร้านหรือฮาจะเกร็งสมัยก่อน
อนึ่ง, ความนิยมของ court dwarf เสื่อมลงจนหมดไปตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18
รูปนี้วาดโดยคุณ El Greco ดูเหมือนมี arachnodactyly
นอกจาก wrist และ thumb sign, วิธีตรวจอีกหนึ่ง คือ วัดความยาวนิ้วกลางเทียบกับฝ่ามือ เรชิโอปกติน้อยกว่ามัก ถ้าเรชิโอใกล้เคียงกันหรือมากกว่า 1:1 อันนี้มี arachnodactyly
Wrist/thumb sign จะไม่ accurate หาก ผป. มีข้อนิ้วที่อ่อนดัดง่าย หรือ ข้อมือเล็ก
อีกลักษณะที่ striking คือ midface hypoplasia สังเกตตรงใต้ขอบตาที่ระบายเป็นสีคล้ำทำให้กระดูกหน้าส่วนกลางอันเกิดจากการต่อกันของ zygomatic และ maxilla ดูราบเรียบ แถมตายังดูลึก ๆ ชอบกล
คนที่เป็น Marfan syndrome มีลักษณะเฉพาะทางกายภาพมากมาย เกณฑ์การวินิจฉัยล่าสุด, สามารถรวมคะแนนจาก signs เหล่านี้ - เรียก systemic score; หากเท่ากับ 7 หรือมากกว่า, ถือว่าครบ criterion ข้อใหญ่หนึ่งข้อ
Facial features เป็นหนึ่งใน 15 signs ของการตรวจหา systemic score โดยต้องมี 3 หรือมากว่า จาก 5 อันต่อไปนี้ถึงได้หนึ่งคะแนน: dolichocephaly, enophthalmos, midface hypoplasia, retrognathia, และ higharch palate บวกลบ dental crowding
Portriat of Philip IV in Fraga
Diego Velázquez, c.1644
โรคยีนด้อยส่วนมาก มาก ๆ เจอในหนึ่งเจเนอเรชั่นคือในพี่น้อง ส่วนโรคยีนเด่นเจอหลายเจเนอเรชั่นและในหนึ่งเจเนอเรชั่นมี คนเป็น:คนไม่เป็น ประมาณ 50:50; ทั้งสองลักษณะการถ่ายทอดไม่เลือกเพศ คือ เพศทุกเพศสามารถเป็นได้เหมือนกันหมด
เคยได้ยิน “Habsburg Jaw” ไหมคะ? Habsburg เป็นชื่อราชวงศ์ Royal Family ของแผ่นดินยุโรปยุคกลางต่อสมัยใหม่
ประวัติช่วงพีคของวงศ์ตระกูลโดยย่อ: Emperor Maximillian I ผู้เป็น The Holy Roman Emperor อีกหนึ่งตำแหน่ง, แต่งงานกับเจ้าหญิงเบอร์กันดี สมัยนู้นผู้หญิงที่แต่งงานต้องให้ dowry ผู้ชาย แคว้นเบอร์กันดีที่ also คุม Low Country: Be-Ne-Lux ถูกผนวกเข้าอาณาจักร คู่นี้มีลูกชื่อ Philip the Handsome ทดเอาไว้ก่อน
ครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 15, Isabella แห่ง Castille แต่งงานกับ Ferdinand II แห่ง Aragon สองรัฐรวมกันกลายเป็นคัพภะของสเปน คู่นี้มีลูกชื่อ Joanna
Philip สุดหล่อแต่งงานกับ Joanna; สเปนและเมืองขึ้นบนแผ่นดินโลกใหม่จึงตกเป็นของ Habsburg และอาณาจักรโรมันพิสุทธิ์
คู่ลูกมีลูกสองคนที่ดัง ๆ: Charles กับ Ferdinand ส่วน Joanna ผัวตายกลายเป็นบ้า; Charles (และ Ferdinand ด้วยหรือเปล่าไม่รู้) ต้องระหกระเหินไปอยู่ Court ของป้าฝั่งพ่อ ณ เมืองต่ำ มี tutor สอนหนังสือชื่อ Adrian
พอ Isabella และ Ferdinand ตาย, Charles ได้ราชบัลลังก์สเปนและกาลต่อมาหลังปู่ Max ตาย, Charles ได้รับเลือกเป็นจักรพรรดิอาณาจักรโรมันพิสุทธิ์, ใช้ชื่อ Charles I of Spain และ Charles V of the Holy Roman Empire, ตามลำดับ
สมัย Charles V นี่แหละที่ดวงตระกูล Habsburg ขึ้นสูงสุด เพราะจากต้นกำเนิดเล็ก ๆในสวิสเซอร์แลนด์ (ประมาณปลายสหัสวรรษที่หนึ่งต่อต้นสอง) ได้แผ่ขยายอำนาจเกือบทั่วยุโรปและโลกใหม่อันมีอาณานิคมสเปนตั้งอยู่
ตำแหน่ง Charles V มีดังนี้:
1. King of Spain และ New Spain บนทวีปอเมริกา: 1516-1556
2. Archduke of Austria: 1519-1521
3. Duke of Burgundy: 1506-1555, และ
4. The Holy Roman Emperor: 1519:1556
*คัดเฉพาะอันเด็ด ๆ
ตัดฉับมา Habsburg Jaw มันคือขากรรไกรล่าง (mandible) ยื่นขยายนำเครื่องหน้า ศัพท์เทคนิคเรียก prognathism เนื่องจากเจอเยอะมากในพระบรมวงศานุวงศ์ตระกูลนี้, Habsburg Jaw จึงเป็นคำที่สร้าง connotation หรือสำนึกว่าเพราะ Royal Family แต่งงานกันเองในเครือญาติ ทำให้เกิดโรคหรือลักษณะด้อยไม่พึงประสงค์
นักพันธุกรรมชาวสเปนสืบค้นสาแหรก Spanish Habsburg (ฝั่ง Charles V; น้องของ Charles นาม Ferdinand กลายเป็นสาแหรก Austrian/ยุโรปกลาง) แล้วสร้างพงศาวลีลึกถึง 20 ชั่วโคตร (1)
นางคำนวณ inbreeding coefficient ได้ 0.093 หรือ ~ 9% หมายความว่าพ่อกับแม่ในทุกเจเนอเรชั่นเฉลี่ยจาก 20 เจเนอเรชั่นมียีนเหมือนกัน ~ 9%
เทียบกับลูกของพ่อแม่ที่เป็น first cousin, การนี้มี inbreeding coefficient แค่ ~ 6%; first cousin = ฉันกับลูกของลุง แสดงว่า Habsburg มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเว่อร์ (คงเหมือนกันในทุกราชตระกูลในทุกวัฒนธรรม)
จากข้อมูลที่ได้, คุณ geneticist เสนอว่า Habsburg Jaw เกิดจากยีนด้อย (แต่ยังไม่รู้เป็นยีนไหน คือ infer จาก inbreeding coefficient) อันนี้ถือเป็นหนึ่ง theory เพราะปี 2015 มีนักวิจัยจากจงหยวนสังเคราะห์ pedigree สี่ชั่วโคตรแล้วพบว่า Habsburg Jaw หรือ Mandibular Prognathism ในครอบครัวนี้เกิดจากมิวเทเชิ่นใน FGF23 (ตัวเอียง) และถ่ายทอดแบบยีนเด่น (2) นางยังตรวจคนไข้ simplex คือไม่มีประวัติครอบครัวอีก 65 คน แต่มีแค่ 3 คนที่เจอมิวเทเชิ่นใน FGF23 (ตัวเอียง)
สรุปยังไม่มีใครรู้แน่ชัดต้องหาสาเหตุกันต่อไป แตที่แน่ ๆ FGF23 (ตัวเอียง) เป็นหนึ่งยีนที่เกี่ยวข้องกับลักษณะนี้
Guernica
Pable Picasso, c.1937
เป็น Cubism ที่ฉันดูไม่รู้เรื่อง แต่ว่ากันว่าเป็นสัญลักษณ์ความทุกข์ยากของประชาชีชาวเมืองชื่อเดียวกันที่ถูกทหารอากาศเยอรมันทิ้งบอมบ์จนราพณาสูร
นายพลฟรังโกเป็นนายพลหัวเอียงขวา (หัวข้างบนที่เอาไว้กั้นหูนะคะ) รัฐประหารรัฐบาลลิเบอร่านฝ่ายซ้ายที่ได้จากการเลือกตั้งในวันที่ 17 กรกฎาคม 1936 เป็นการปฏิสนธิสงครามกลางเมืองที่งวดเข้าจุคพีคเมื่อพรรคนาซีผู้หนุนหลังนายผลบอมบ์เมือง Guernica ของแคว้นบาสก์ (Basque) และเขมือบเอาแคว้นนี้ทั้งแคว้นเข้ามาเป็นอาณัติในราชอาณาจักสเปน
ทุกวันนี้ Basque Region เป็นรัฐปกครองตนเองเหมือน Catalonia มีขนบธรรมเนียมประเพณีและภาษาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว (ภาษาบาสก์เป็น language isolate หมายความว่าไม่มีญาติให้นับ และ เป็นภาษาพื้นเมืองจริง ๆ ที่พูดกันมาตั้งแต่ชาวอินโด-ยูโรเปียนเข้ามาในยุโรป)
รูป Guernica เต็มไปด้วยสัญลักษณ์มีทั้งม้า, วัว, ผู้หญิง, เด็ก, ทหาร, และหลอดไฟ มีผู้เชี่ยวชาญทางศิลปะจำนวนมากได้ศึกษาจนสามารถถอดรหัสและตีพิมพ์หนังสือเป็นร้อย ๆ ว่าด้วยสัญญะที่ซ่อนอยู่ใน Guernica
ปัจจุบันรูปนี้อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Reina Sofia) สมัยก่อนเคยให้ยืมไปจัดแสดงตามที่ต่าง ๆ (ในอเมริกา, เหมือนจะเป็นที่ MoMA) แต่ ณ ปัจจุบัน, นางไม่ให้มิวเซียมไหนในโลกยืมอีกแล้ว ค่าที่เป็นภาพอันหามูลค่าไม่ได้ ไม่มีใครกล้าเสี่ยงให้เอาออกนอกประเทศ
โฆษณา