25 เม.ย. 2023 เวลา 04:43 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รัสเซีย ไทม์แมชชีน! เร่งอัตราให้เอเซีย มหาอำนาจโลกใหม่แทนสหรัฐ

.....บริษัท คือ การรวมตัวของบุคคล ลงขันเงินกันให้บริษัทเพื่อทำการค้า เงินที่ลงทุนไปแต่ละคนไม่เท่ากันจึงเรียกว่า "หุ้นกู้" มักเรียกสั้นๆ ว่า "หุ้น" ใครลงมากก็ได้เป็นผู้บริหาร
เมื่อผลประกอบการดีรายรับรวมมากกว่ารายจ่าย ก็จะรายงานประจำปีว่า "มีผลกำไร" แล้วนำมาจ่ายคืนตามสัดส่วนการถือหุ้นเรียก "ปันผล" ต่อมากิจการเจริญขึ้นก็นำไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
11
เพื่อขายหุ้นต่อนักลงทุนทั้งภายในและต่างชาติ โดยมีบริษัทโบรกเกอร์ทำหน้าที่เป็นนายหน้าซื้อขายหุ้นนั้นให้ บริษัทก็มีหน้าที่รายงานผลประกอบการประจำปี
ถ้าได้กำไรก็จ่ายเงินปันผลให้ผู้ซื้อหุ้นรายย่อย แต่ถ้าถูกปั่นราคาหุ้นจนขาดทุน หรือราคาหุ้นตก ย่อมไม่มีเงินปันผล ผู้ซื้อหุ้นนั้นมักจะต้องขายหุ้นนั้นทิ้งไปในราคาขาดทุน ต้องรับความเสี่ยงนั้นเองจึงเรียกว่า "แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ"
9
รัฐบาล ก็คล้ายบริษัท แต่มีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนที่ปกครอง จึงต้องระดมทุนมาใช้ทำภาระกิจ ไม่เรียกว่าหุ้น แต่เรียกว่า "ตราสารหนี้" แบ่งออกเป็น พันธบัตร และตั๋วเงิน
รัฐบาลที่ดีจะออกตราสารหนี้ขอกู้ "ในประเทศ" เพื่อให้เงินที่ระดมจากประชาชนมานั้นหมุนเวียนในประเทศ เกิดการกระจายของเงินลงไปในทุกระดับ เช่น รัฐบาลไทยเป็นหนี้ในประเทศพลเมืองตนเองราว 98.5%
10
ที่เหลือ 1.5% เป็นหนี้ต่างชาติที่ให้กู้ดอกเบี้ยต่ำมาก เช่น ญี่ปุ่น แต่อัตราหนี้ที่ดีจะต้องไม่สูงเกินไปกว่ารายได้ต่อปี ดังนั้นตามคำนิยามของ IMF ปัจจุบันรัฐบาลไทย มีหนี้ทุกรัฐบาลตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมาสะสมในรัฐบาลสุดท้ายราว 55% ของ GDP รายได้
ส่วนอีก 6% เป็นหนี้ของรัฐวิสาหกิจ ที่แต่ละกระทรวงถือหุ้นอยู่เกินกึ่งหนึ่ง (51%) โดยขอกู้ประชาชนเป็นพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ดังนั้นสิริรวมแล้วรัฐบาลไทยจึงมีหนี้สินราว 58% ของ GDP รายได้ต่อปีของชาติ
15
เพราะอีก 3% เป็นของเอกชนที่ถือหุ้นรัฐวิสาหกิจ นั่นหมายความว่าผลประกอบการประเทศไทย รัฐและเอกชนมี "รายรับมากกว่ารายจ่าย" เป็นบวกราว 39% ของ GDP เปรียบกับธุรกิจก็คล้าย "เงินกำไร"
เงินส่วนนี้จึงนำมาปันผลคืนให้ผู้ถือหุ้นประเทศ ทั้งพันธบัตร และตั๋วแลกเงิน ซึ่งก็คือ "พลเมืองตนเอง" และจ่ายชำระหนี้ต่างชาติอีกนิดหน่อย เมื่อเหลือเงินจำนวนมากจะเก็บออมเงินสดไว้เรียกว่า "เงินคงคลัง"
9
ล่าสุด ก.พ.2566 ไทยมีเงินคงคลัง 236,653 ล้านบาท และ มี.ค.2566 ไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศอีก 8.57 ล้านล้านบาท
ส่วนหนี้สาธารณะนั้นคือ "หนี้สะสมของหลายสิบรัฐบาลก่อนหน้ารวมกัน"เหตุเพราะต้องรับโอนหนี้สะสมค้างเก่าทุกรัฐบาลมาช่วยชำระหนี้แทนให้ ไม่ใช่หนี้ที่ก่อขึ้นโดยรัฐบาลชุดสุดท้าย
13
ในสหรัฐ นั้นรัฐบาลดำเนินนโยบายการเงินกลับตาลปัตรกับไทย คือ ออกตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร ตั๋วเงิน ขอกู้ต่างชาติจนหนี้สาธารณะเกิดเพดาน 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ (1,078.6 ล้านล้านบาท) สัดส่วนราว 133% ของ GDP รายรับ
หมายความว่าสหรัฐมี "รายรับน้อยกว่ารายจ่าย" ติดลบราว -33% ต่อปี หนี้ส่วนใหญ่เป็น "หนี้ต่างประเทศ" จึงเกิดการไหลออกของเงินไม่หยุด เมื่อธนาคารกลาง FED ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 5% ยิ่งทำให้หนี้สาธารณะทะยานสูงเกินเพดานเร็วขึ้น
10
ลองคิดง่ายๆ บริษัทขาดทุนจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายคืนปันผลให้ผู้ถือหุ้นฉันท์ใด ประเทศในนามรัฐบาลสหรัฐ ก็ขาดทุนติดลบ -33% ของรายได้ และขาดทุนเพิ่มทุกปีจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายคืนเจ้าหนี้ฉันท์นั้น
แต่สภาครองเกรส สหรัฐ แก้ปัญหาแบบกำปั้นทุบดินมาตลอดโดยเตรียม "กู้หนี้เพิ่ม" เรียกว่า "ขยายเพดานหนี้" อีก 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ไปเป็น 32.9 ล้านล้านดอลลาร์ (1,130.1 ล้านล้านบาท)
10
เพื่อนำเงินกู้ชุดใหม่ไปโป๊ะจ่ายเงินต้น และดอกเบี้ยหนี้สินกู้ยืมค้างเก่า ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับระบบ "แชร์ลูกโซ่" พอหนี้ใหม่ล้นเพดาน ก็ขยายเพดานหนี้เพิ่มอีกไม่จบไม่สิ้น
จากนั้นธนาคารกลาง FED ก็ทำ QE , เพิ่ม Balance Sheet , พิมพ์เงินเพิ่มไม่มีทองคำค้ำประกัน , เตรียมออกเงินดิจิตอลสกุลใหม่ CBDC มาล้างหนี้ แต่การทำแบบนี้เป็นแค่ "กลโกงทางบัญชี" เท่านั้น
14
แต่ไม่ได้ลดหนี้โดยผลผลิตจริงๆ ที่เกิดจากรายได้สินค้าโภคภัณฑ์ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ ผลที่ตามมาคือ ปี 2566 นี้ IMF คาดอัตราความเจริญทางเศรษฐกิจ GPD ของสหรัฐ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น ที่ผูกโยงกันจะหดตัวต่ำเตี้ยลงมาก (1.6 , 0.8 , 1.3% ตามลำดับ)
อังกฤษจะติดลบ -0.8% ยุโรปจะมีสัดส่วนเศรษฐกิจเพียง 10% ของโลก ชาติตะวันตก ฝ่ายระเบียบโลกเก่าขั้วเดียว จะถึงกาลจบสิ้นความเจริญรุ่งเรือง พร้อมสิ้นอิทธิพลต่อโลกไปในที่สุด
16
ส่วนจีน อินเดีย GDP จะพองตัวขยายขึ้นเป็นบวก 5.2 และ 5.9% ตามลำดับ มีสัดส่วนเศรษฐกิจถึง 50% ของโลก ถ้ารวมรัสเซีย และกลุ่ม BRICS เข้าไป จะมีอิทธิพลต่อโลกอย่างน่าตกใจมาก
สิ่งนี้คือหลักฐานว่า ในเวลาแค่ปีเดียวการคว่ำบาตรพลังงาน และสินค้าโภคภัณฑ์ราคาถูกจากรัสเซีย ได้เปลี่ยนทิศทางหันหลังให้สหรัฐ และ ยุโรป ส่งผลกระทบกดความเจริญทางเศรษฐกิจหดตัวลง
11
ทิศทางพลังงานรัสเซีย หันไปที่จีน อินเดีย ช่วยเร่งสปีดเสมือน "ไทม์แมชชีน" กระตุ้นอัตราความเจริญทางเศรษฐกิจฝ่ายจัดระเบียบโลกใหม่หลายขั้ว ในเอเซีย
โลกของเราจะไม่หวลคืนอดีตที่ชาวตะวันตกเป็นศูนย์กลางอีกแล้ว แต่โลกในศตวรรษใหม่กำลังโอบกอดทวีปเอเชียให้เป็นมหาอำนาจแน่นอน
17
⏩🤗 อ่านจบโปรดกดให้กำลังใจให้ทีมงานเลื่อนลงไปล่างสุดขวาล่าง ⤵️
6
World Update
25/เม.ย./2566
👇👇กดรูปหัวใจ/แชร์เก็บไว้อ่าน ⤵️⤵️
5
โฆษณา