ส่วนหนึ่งต้องบอกว่าความตึงเครียดระหว่างสงครามการค้า เศรษฐกิจและการเมืองโลกระหว่างจีนกับอเมริกามันส่งผลต่อฮอลลีวูดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในปีนี้ฮอลลีวูดก็หวังตีตลาดจีนให้ได้อีกสักที ด้วยการส่งหนังฉลามแห่งความหวัง The Meg 2: The Trench เตรียมเข้าโรงฉายในช่วงสิงหาคม - กันยายนนี้
The Meg หนังฉลามยักษ์เมกาโลดอนออกฉายในปี 2018 ทำรายได้ในตลาดอเมริกาเหนือประมาณ 150 ล้านเหรียญในตลาดจีนก็ประมาณเดียวกันแต่เมื่อรวมทุกตลาดทั่วโลกก็ได้ไปราวๆ 550 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีมากสำหรับหนังสัตว์ประหลาด หนังเรื่องแรกเป็นงานร่วมทุนระหว่างฮอลลีวูดกับจีนสมัยที่ยังหวานชื่นกันอยู่
ส่วนภาคสองก็ยังจับมือกันทำเช่นเดิม ใช้ชื่อว่า The Meg 2: The Trench เริ่มต้นถ่ายทำเมื่อกลางปีที่แล้ว ตัวเรื่องยังเอามาจากหนังสือนิยายของสตีฟ อัลเลน ที่เขียนหนังสื่อชุดนี้ไว้จนถึงตอนนี้รวม 8 ภาคเข้าไปแล้ว นักแสดงยังมีเจสัน สเตแธมกลับมารับบทนักสำรวจร่องน้ำในมหาสมุทร คราวนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับฉลามยักษ์ขนาดยาวกว่า 20 เมตรแล้ว แล้วมันไม่ได้มาเพียงแค่ตัวเดียว
ที่จริงแล้วในบรรดาหนังฉลามที่ออกฉายช่วงหลังๆ ซึ่งมีจำนวนมาก มีอยู่เรื่องเดียวที่ผมดูแล้วรู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมนั่นก็คือ นรกน้ำตื้น (The Shallows) ส่วน The Meg ก็อยู่ในระดับกลางๆ ไม่น่ามีอะไรน่าจดจำนัก มีหลี่ปิงปิงมาร่วมแสดงนิดหน่อย
สำหรับ The Meg 2: The Trench ที่บอกว่าเป็นหนังแห่งความหวังว่าจะตีตลาดจีนอีกสักครั้ง มีนักแสดงในเรื่องมีชื่อว่า "อู๋จิง" ซึ่งไม่มีรายละเอียดว่าเขาจะออกมาในฐานะนักแสดงนำร่วม นักแสดงสมทบ หรือว่าแค่รับเชิญ แต่แค่นี้ก็พอเห็นว่าหนังหวังตลาดจีนขนาดไหน แล้วถึงที่สุดแม้หนังจะทำเงินในจีนได้มาก แต่บริษัทที่รับผลประโยชน์ไปเต็มๆ ก็ยังเป็นบริษัทจีนอย่าง China Media Capital อยู่ดี เพราะในบริษัทที่ร่วมสร้างหนังเรื่องนี้หลายบริษัทก็เป็นบริษัทที่ China Media Capital เข้าไปถือหุ้น
ถ้า The Meg 2: The Trench ประสบความสำเร็จอีก เราอาจจะได้ดูหนังภาคต่ออีก 6 เรื่องตามมาก็ได้