27 เม.ย. 2023 เวลา 04:29 • บันเทิง
"โจวเหวินฟะ Prince Charming กับห้าเหรียญที่ไม่ใช่เงิน"
ล่าสุดที่โจวเหวินฟะในวัย 67 ปี ลงแฟชั่น
ปก "Vogue" ฉบับฮ่องกง ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2023 นั้น
ทำให้เราในฐานะผู้ที่ติดตาม เฮียโจวมาตั้งแต่เจ้าพอ่เซี่ยงไฮ้ เมื่อ 43 ปีก่อน
ต้องตระหนกตกใจยิ่งนัก เพราะเฮียยังหล่อเหลา ดูดีอยู่เลย
แต่หากย้อนไป ใครจะเชื่อว่า นักแสดงที่เพียบพร้อม อย่างโจวเหวินฟะ
เคยถูกไล่ลงจากเวทีการแสดงในรอบคัดเลือก
นักเรียนการแสดงของทีวีบีมาแล้ว
.
ในปั 1995 ที่เกาะลัมมา ในฮ่องดง
โจวเหวินฟะ เกิดมาเป็นลูกคนที่สาม ของครอบครัว
เขามีพ่อเป็นชาวประมง ส่วนแม่เป็นแม่บ้าน
โจวเหวินฟะเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน
คนในครอบครัวและเพื่อนบ้านต่างเรียกเขาว่า “เจ้าหมาน้อย”
เด็กชายที่สวมชุดเก่า รองเท้าแตะคู่เดิม
ความปรารถนาสูงสุดของเขาในตอนนั้นคือการมีรองเท้าผ้าใบสีขาวสักคู่
.
ทุกวันโจวเหวินฟะใฝ่ฝันว่าเมื่อพ่อของเขากลับมาจากทะเล
จะมีเงินพอซื้อรองเท้าให้เขาสักคู่ แต่ฝันนั้นก็ไม่เคยเป็นจริง
พ่อของเขาทำงานไม่เคยมีเงินเลย พ่อที่ติดทั้งเหล้าและการพนัน
นอกจากหนี้สินแล้วพ่อไม่เคยหาอย่างอื่นเข้ามาในบ้าน
นั่นทำให้ โจวเหวินฟะเกลียดการพนันอย่างเข้าไส้
.
การไปโรงเรียนโดยไม่มีรองเท้าผ้าใบเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กสมัยนั้น
โจวเหวินฟะไม่รู้สึกคับข้องใจแต่อย่างใด อย่างน้อยเขายังได้เรียนหนังสือ
จากเงินที่แม่ของเขาพยายามอดออม เพื่อลูกๆ
แต่เพียงไม่นานพ่อที่ติดการพนันของเขาก็ล้มป่วยลง
โจวเหวินฟะ ต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่ยังเรียนมัธยมต้น
.
โจวเหวินฟะ ต้องรับผิดชอบตนเองและปากท้องของคนในครอบครั้ว
ตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อเลี้ยงชีพ เขาทำงานอย่างต่อเนื่อง
เขาทำงานเป็นคนขัดรองเท้า คนเปิดประตูโรงแรม พนักงานล้างรถ
พนักงานยกกระเป๋า และพนักงานขายอุปกรณ์ถ่ายภาพ
.
งานหนัก ไม่เท่า คำดูถูก
.
โจวเหวินฟะ นับว่าเป็นเด็กหนุ่มที่มีรูปร่างสูงใหญ่
ด้วยความยากจนทำให้เขาดูผอมเกร็งไปบ้าง แต่ก็ยังดูโดดเด่น
ในตอนที่เขา เป็นพนักงานเฝ้าประตูโรงแรม ลูกค้ามักจะให้ทิปเขาเสมอ
เพราะความหน้าตาดีและเป็นคนสุภาพ
นั่นทำให้ หัวหน้างานของเขาไม่พอใจ และหาเรื่องไล่เขาออก
.
ตอ่มาโจวเหวินฟะจึงไปทำงานเป็นพนักงานล้างรถ
อยู่มาวันหนึ่งก็มี รถโรลสรอยส์ (Rolls-Royce) เข้ามาจอดใช้บริการ
โจวเหวินฟะ เห็นรถหรูก็ตกตะลึง เขาล้างรถอย่างพิถีพิถันจนเสร็จ
เมื่อล้างเสร็จเขาอดไม่ได้ที่จะเอามือสัมผัสรถคันโก้เสียหน่อย
แต่แล้วก็มีเสียงเจ้าของรถดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา
.
“แตะต้องอะไร? ชดใช้ค่าเสียหายได้ไหม?
คนอย่างเธอคงซื้อรถคันนี้ไม่ได้ในชั่วชีวิตนี้!”
.
โจวเหวินฟะได้ยินแล้วหน้าเสีย
ก่อนที่เขาจะคิดว่าสักวันเขาจะซื้อรถคันหรูแบบนี้ให้ได้
หลังจากนั้น ก็มีเพื่อนแนะนำให้เขาไปเป็นพนักงานขายอุปกรณ์การถ่ายภาพ
นั่นทำให้ โจวเหวินฟะ หลงใหลการถ่ายภาพมาจนถึงปัจจุบัน
.
จุดเริ่มของการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของโจวเหวินฟะเกิดขึ้นในปี 1973
เมื่อเพื่อนสนิทของเขาเดินเข้ามาพร้อมกับหนังสือพิมพ์
ที่มีข่าวการเปิดรับสมัครนักเรียนการแสดงของทีวีบี
โดยไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน
โจวเหวินฟะหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นมาอ่านอย่างสนใจ
แต่ก็มาสะดุดเข้ากับประโยคโฆษณาที่ต้องเสียค่าสมัครห้าเหรียญ
.
"ไม่เป็นไร ค่าลงทะเบียนฉันจะจ่ายให้นายเอง!"
เพื่อนสนิทของเขาบอก
ความจริงแล้ว เงินห้าเหรียญในยุคนั้น
สามารถพาสาวไปทานอหารมื้อดีๆได้มื้อนึงเลย
แต่เพื่อนของเขามองเห็นว่าโจวเหวินฟะ น่าจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้
เงินแค่ห้าเหรียญเพื่อให้อนาคตเพื่อนดีขึ้นนับว่าคุ้มค่ากว่า
.
ถูกไล่ออกเป็นคนแรก
.
เมื่อสมัครเรียบร้อย
ทางคณะกรรมการก็เรียก ผู้สมัครมาทดสอบหน้ากล้องบนเวที
โจวเหวินฟะรู้สึกประหม่าอย่างมาก เขาไม่เคยยืนอยู่หน้ากล้อง
ที่มีคนนับร้อยทั้งกรรมการและผู้สมัครจับจ้องเขาเป็นตาเดียว
ด้วยอาการประหม่า ทำให้ขาพูดผิดๆถูกๆ เขายังอ่านไม่จบบรรทัดดี
ก็มีเสียง กรรมการท่านนึงตะโกนมาบนเวทีว่า
.
“ลงไป”
.
เพียงคำเดียวก็ตัดสินชีวิตคนๆนึงได้ไปตลอดชีวิตของโจวเหวินฟะ
แต่คำที่ว่านั้นไม่ใช่คำว่า”ลงไป” แต่เป็นอีกประโยคของ จุงกิงเฟ่ย
อาจารย์สอนการแสดงอาวุโสของทีวีบี
ที่มองเห็นบางอย่างในตัวของโจวเหวินฟะ
.
“อย่าพูดไร้สาระ ฉันมองว่าคนๆนี้มีศักยภาพ”
.
เพียงสิ้นประโยคนั้น
โจวเหวินฟะก็ได้เป็นนักเรียนการแสดงของทีวีบีในรุ่นที่สาม
ร่วมกันกับ เยิ่นต๊ะหัว ริงโก้ แลม และ อู๋ม่งต๊ะ
.
เนื่องจากไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อน
ทำให้ผลการเรียนของเขาในชั้นเรียนก็ไม่ค่อยดีนัก
เทียบกันกับอู๋ม่งตะที่ช่างพูด ช่างคุย แล้ว
อู๋ม่งต๊ะมีผลการเรียนที่ดีกว่าใครๆ ในชั้นเรียน
โจวเหวินฟะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาจจะไม่เหมาะกับการเป็นนักแสดง
หลังจากเรียนการแสดงเสร็จ
ตอนกลางคืนเขาไปทำงานเป็นพนักงานกดลิฟท์ในโรงแรม
.
หลินหยานหนี นักเขียน นักแสดงหญิง
และเจ้าของบริษัทโฆษณา"Huang Helin" เธอเป็นพี่สะใภ้ของบรู๊ซ ลี
ที่เพิ่งได้รับหน้าที่ดูแลภาพยนตร์โฆษณา Miss Hong Kong
เธอจำเป็นต้องตามหา "Prince Charming" เจ้าชายทรงเสน่ห์
เพื่อมาแสดงโฆษณาตัวนี้
อยู่มาวันนึงเธอได้พบกับชายหนุ่มร่างสูง ที่มักจะยืนอยู่ที่ทางเข้าลิฟต์
และพูดว่า "สวัสดีครับ" ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
.
หลินหยานหนี รู้สึกทันทีว่าชายคนนี้คือ "Prince Charming” ที่เธอค้นหา
สอบถามก็ทราบว่า เขาชื่อ โจวเหวินฟะ
กำลังเป็นนักเรียนการแสดงของทางทีวีบี
เธอจึงขอให้เขาเล่นเป็น "Prince Charming"
ในภาพยนตร์โฆษณาของ Miss Hong Kongปี 1984
.
เมื่อแคสติ้งเรียบร้อย โจวเหวินฟะมีเท้าที่ใหญ่
เขาไม่สามารถใส่รองเท้าไซส์ธรรมดาได้
หลินหยานหนี จึงให้เงินเขาไปหนึ่งร้อยเหรียญเพื่อซื้อรองเท้า
ปรากฏว่า โจวเหวินฟะหายไปนานมาก
จนเธอไปเจอเขายืนอยู่หน้าร้านรองเท้า ที่มีรองเท้าคู่หนึ่งราคา 70 เหรียญ
นั่นเป็นราคาที่แพงเกินไป โจวเหวินฟะไม่กล้าซื้อ
หลินหยานหนี เห็นอย่างนั้นเขายิ่งรู้สึกประทับใจในตัวโจวเหวินฟะ
นับแต่นั้นเธอก็ดูแลเขาเหมือนกับน้องชายตลอดมา
.
หลังจากได้รับโอกาส โจวเหวินฟะก็ทำงานอย่างหนัก
เพื่อให้ผู้ชมประทับใจในบทบาทการแสดงของเขา
จนเขามาประสบความสำเร็จจาก ละครโทรทัศน์เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้
ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วเอเชีย
ตลอดการทำงานของเขาสอนเขาในเรื่องสำคัญคือ
.
(')สิ่งที่ไม่ดีที่เคยเจอมา
(/)อย่าทำกับคนอื่น อย่าดูถูกคน และ (^)จงให้โอกาสคนอื่น”
.
วันนึงโจวเหวินฟะได้พบกับรุ่นน้องนักเรียนการแสดงรุ่นสิบของทีวีบี
ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนเขาตอนยังเป็นนักเรียนการแสดงใหม่ๆ
เขาดูยากจนแต่มีความมุ่งมั่น โจวเหวินฟะเห็นเด็กหนุ่ม
มักจะเอาเวลาว่างไปตัดผมให้กับคนในกองถ่ายบ่อยๆ
เขาจึงถามว่า
“คุณทำแบบนั้นทำไม”
.
“บังเอิญผมมีเวลา ผมทุกคนยาวขึ้นทุกวัน ผมเห็นแล้วก็แค่ถามว่า
ผมคุณยาวแล้วรำคาญมันหรือเปล่า ให้ผมตัดให้ดีไหม?
ไม่มีอะไรเลยครับแค่นั้นเอง”
โจวเหวินฟะได้ฟัง ก็รู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจและ
มีหัวใจที่ดีงาม
เป็นคนที่สมควรให้โอกาสและปลูกฝัง
เด็กหนุ่มคนนั้นชื่อ “หลิวเต๋อหัว”
โจวเหวินฟะแนะนำงานภาพยนตร์ให้กับเขา ก่อนที่เพียงอีกสองปีให้หลัง
หลิวเต๋อหัวก็กลายเป็นหนึ่งในห้าพยัคฆ์ทีวีบี
พระเอกหน้าใหม่ที่ทางทีวีบีต้องการผลักดันให้มาทดแทนเขา
.
ตลอดการทำงานของโจวเหวินฟะ เขาให้โอกาสรุ่นน้อง หลายต่อหลายคน
ทั้งหลิวเต่อหัว เหลียงเฉาเหว่ย หวงเย่อหัว ฯลฯ และล่าสุด ก็คือ
จางเจียเหลียง (zhang jialiang) ที่เพิ่งลงปก "Vogue"
ฉบับฮ่องกง คู่กันกับเขา
โจวเหวินฟะ ยังเล่าให้ใครต่อใครฟังเสมอว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไป
เพราะเงินห้าเหรียญของเพื่อนสนิทของเขา
.
สำหรับโจวเหวินฟะ ห้าเหรียญนั้นไม่ใช่ เงินทอง
แต่ เป็นโอกาส และเมื่อวันที่เขามีพร้อม
เขาไม่ต้องการรถ โรลสรอยส์ (Rolls-Royce) คันหรู
เขาขึ้นรถเมล รถไฟฟ้าใต้ดิน กินอาหารข้างทาง ใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นเก่า
และสละเงินที่ครอบครองกว่าหมื่นล้านให้คนอื่น
เพราะสำหรับโจวเหวินฟะแล้ว เงินหมื่นล้าน ก็ไม่ใช่เงินเช่นกัน
แต่เป็นโอกาสที่เขาจะมอบมันให้กับผู้อื่น เหมือนดั่งเช่นที่เขาเคยได้รับ
.
จะดีแค่ไหนที่โลกไม่มีเพียงโจวเหวินฟะเพียงคนเดียว
เพราะโลก มีคุณที่มีน้ำใจงามด้วยอีกหนึ่งคน
.
***********************************************************************
Forward Line
โฆษณา