27 เม.ย. 2023 เวลา 13:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

4 ความน่าสนใจของ “ตราสารหนี้” ในวันที่ดอกเบี้ยกำลังพุ่งสูง

เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2566 ข้อมูลจากสำนักข่าว CNBC ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED ได้มีมติประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งการปรับขึ้นของ FED ในครั้งนี้
ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์หลายธนาคารในประเทศไทย ต่างปรับอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝาก และเงินกู้สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยภาพรวมนั้นจะยังคงสูงอยู่ แต่เมื่อสังเกตดี ๆ ก็จะพบว่า การขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในครั้งนี้ มีอัตราที่ลดลงจากครั้งก่อน ๆ ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ครั้งนี้อาจเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย หรือใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของการขึ้นดอกเบี้ยแล้วก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ของการลงทุน การที่ธนาคารต่างพากันขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น ก็ส่งผลต่อความกังวลใจของนักลงทุนไม่น้อย ซึ่งแน่นอนว่า การที่ดอกเบี้ยขึ้นสูงเช่นนี้ คงไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ก็ต้องบอกว่า…ในเรื่องร้าย ๆ ก็มีเรื่องดี ๆ ซ่อนอยู่
1
อย่างเช่น การลงทุนกับ “ตราสารหนี้” เป็นต้น
ถ้าเช่นนั้นแล้ว…ทำไมการที่ดอกเบี้ยพุ่งสูง ถึงทำให้ตราสารหนี้กลับน่าลงทุน และการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ ที่คาดว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย จะส่งผลดีอย่างไรต่อการลงทุนในตราสารหนี้บ้าง วันนี้ KTAM จะมาอธิบายถึงประเด็นเหล่านี้ให้เข้าใจไปพร้อม ๆ กัน !
1) ผลตอบแทนสูง
หากเราเข้าซื้อตราสารหนี้ ในวันที่ดอกเบี้ยกำลังพุ่งสูง นั่นหมายความว่า ถึงแม้ในอนาคตดอกเบี้ยจะปรับตัวลดลง ตราสารหนี้ที่เราซื้อไว้ก่อนในช่วงอัตราดอกเบี้ยสูง ก็จะไม่ได้รับผลกระทบ
2) ความเสี่ยงต่ำ
ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่เป็นใจ การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ตอบโจทย์มากนัก เพราะส่วนใหญ่มักจะมีความเสี่ยงด้านราคาที่ผันผวนอย่างรุนแรง
ซึ่งต่างจากการลงทุนในตราสารหนี้ ที่นับเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงดอกเบี้ยสูง เพราะเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ตัวอื่น ๆ
3) กระจายความเสี่ยงพอร์ตได้
โดยปกติแล้ว ตราสารหนี้มักเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าสินทรัพย์อื่น ๆ อย่างหุ้นสามัญ เป็นต้น ดังนั้น การมีตราสารหนี้อยู่ในพอร์ตการลงทุนของเรานั้น ก็จะช่วยกระจายความเสี่ยง และลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตได้
4) มีสภาพคล่องที่ดี
หากเรามีมุมมองว่าในอนาคตอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลง การที่เราเข้าซื้อตราสารหนี้ในวันนี้เลย ซึ่งมีการจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่า ก็จะทำให้ราคาของตราสารหนี้ที่เราซื้อมานั้น มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นในอนาคตเมื่ออัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวลงจริง ๆ
ดังนั้น ในวันนี้ หากถามว่า การที่ดอกเบี้ยพุ่งสูงนั้น เราควรที่จะลงทุนอยู่หรือไม่ คำตอบก็คือ สามารถลงทุนได้ เพียงแต่ต้องหาสินทรัพย์ที่ได้รับประโยชน์จากสถานการณ์นี้ก็เพียงเท่านั้น
ทั้งนี้ หากคุณมองเห็นโอกาสกับการลงทุนตราสารหนี้ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยกำลังพุ่งสูง ก็สามารถเลือกลงทุนได้ผ่าน กองทุนเปิดเคแทม Absolute Return Bond (KT-ARB) กองทุนที่มีความเสี่ยงสูงหรือซับซ้อน เป็นกองทุนตราสารหนี้น้องใหม่ ที่กำลังจะ IPO วันที่ 2-12 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ที่จะถึงนี้
โดยกองทุน KT-ARB นี้ มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Jupiter Strategic Absolute Return Bond Fund (กองทุนหลัก) เพียงกองเดียว
และสำหรับกองทุนหลักจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งสถานะซื้อและสถานะขาย (Long and Short) ผ่านการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อสร้างผลตอบแทนรวมให้เป็นบวก ในรอบระยะเวลา 12 เดือน บนระดับความผันผวนที่กำหนด
1
โดยไม่ขึ้นอยู่กับภาวะตลาด และกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) ที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
นอกจากนี้ กองทุนหลักนี้ยังเป็นกองทุนที่มีการลงทุนทั่วโลก โดยไม่ได้มีการลงทุนอย่างจํากัด หรือกระจุกตัวอยู่ในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง หรือตลาดใดตลาดหนึ่งเป็นการเฉพาะ ซึ่งก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวได้เป็นอย่างดี
ความน่าสนใจของกองทุนหลัก คือ การบริหารจัดการลงทุนแบบยืดหยุ่นตามภาวะเศรษฐกิจ มีการควบคุมความเสี่ยงจากการกระจายกลยุทธ์การลงทุนไปในสินทรัพย์หลายประเภทในหลากหลายกลยุทธ์
1
ทั้งยังเป็นทางเลือกในการสร้างผลตอบแทนที่มีความผันผวนต่ำ คล้ายคลึงกับการลงทุนผ่านพันธบัตร ความเสี่ยงทางด้านเครดิตอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงสินทรัพย์ที่มีการลงทุนถือว่ามีสภาพคล่องค่อนข้างสูง ซึ่งผลตอบแทนในอดีต อยู่ในระดับที่น่าพอใจ (ที่มา: Jupiter AM ข้อมูล ณ 31 ธ.ค. 65)
1
ท่านใดที่สนใจ หรือต้องการ Fund Fact Sheet
สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : KT-ARB : https://rb.gy/ge1wo
หรือขอรับหนังสือชี้ชวนที่
ธนาคารกรุงไทย ผู้สนับสนุนการขาย หรือ
บลจ.กรุงไทย โทร. 02 686 6100 กด 9
ลงทุนออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน KTAM Smart Trade ง่าย สะดวก ปลอดภัย
ดาวน์โหลด :
ปัจจัยความเสี่ยงของกองทุน KT-ARB ที่สำคัญ : ความเสี่ยงด้านตลาดและความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพชนิดพิเศษ
และการลงทุนอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติรับภาระการสูญเสีย ความเสี่ยงด้าน Bond Connect ความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงของประเทศที่ลงทุน ความเสี่ยงของตลาดเกิดใหม่ ความเสี่ยงจากการเปิดสถานะซื้อหรือขาย (Long and Short) ของกองทุนหลักโดยใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้า
ความเสี่ยงในเรื่องคู่สัญญาในการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของหลักทรัพย์ ความเสี่ยงจากข้อจำกัดการนำเงินลงทุนกลับประเทศ และความเสี่ยงที่เกิดจากการย้ายการลงทุนไปกองทุนอื่น
คำเตือน : กองทุนนี้มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงโดยดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือจะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / การลงทุนในหน่วยลงทุนกองที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีความซับซ้อน มีความแตกต่างจากการลงทุนในกองทุนรวมทั่วไป แม้ว่าจะเคยมีประสบการณ์ในการลงทุนในหน่วยลงทุนอื่นมาก่อน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจถึงลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้แนะนำการลงทุน ก่อนทำการลงทุน
References :
โฆษณา