27 เม.ย. 2023 เวลา 15:05 • ไลฟ์สไตล์

- ใช้ชีวิตอย่างน้ำ -

‘น้ำ’ เป็นสสารที่ค่อนข้างพิเศษ โดยสามารถเปลี่ยนสถานะจากของเหลวไปเป็นของแข็ง (น้ำแข็ง) เมื่อถูกความเย็น หรือเปลี่ยนไปเป็นก๊าซ (ไอน้ำ) เมื่อถูกความร้อน นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนรูปกลับมาเหมือนเดิมได้ตามสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป... โลกที่เราอาศัยอยู่นี้รวมถึงร่างกายคนเรานั้น มีสัดส่วนของสิ่งที่เรียกว่าน้ำอยู่ประมาณ 70% ซึ่งแน่นอนว่าน้ำย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญกับชีวิตคนเราไม่น้อยทีเดียว
พฤติกรรมทางธรรมชาติของน้ำก็น่าสนใจไม่น้อย พยายามไหลจากที่สูงไปสู่ที่ต่ำ (ตามแรงธรรมชาติ) พยายามไหลผ่านสิ่งที่มากั้นขวางแม้จะมีช่องทางไหลแค่เพียงเล็กน้อย หรือเวลามีของหล่นตกกระแทกใส่ก็สามารถแยกตัวชั่วคราวได้ทันทีและพยายามกลับมารวมตัวกันใหม่ได้เหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น... นักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนถึงพฤติกรรมเหล่านั้นได้
น้ำที่ไหลเฉื่อยๆ ผ่านก๊อกที่ละหยดอาจจะดูเหมือนไม่มีความสำคัญ แต่จริงๆ แล้วเป็นสสารเดียวกันกับมวลน้ำที่ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิซึ่งสามารถคร่าชีวิตผู้คนมากมาย หรือมวลน้ำในเขื่อนที่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้ามหาศาลเพื่อรองรับความต้องการของมนุษย์เรา
สุภาษิตโบราณที่ว่า ‘น้ำนิ่งไหลลึก’ ซึ่งหมายถึง คนที่บุคลิกภายนอกดูเงียบๆ เรียบร้อย นิ่งเฉย ไม่พูดอะไรมาก แต่มักจะมีความคิดลึกซึ้งฉลาดหลักแหลมคมซ่อนไว้ ถ้าเป็นในเชิงธุรกิจก็เช่น เราต้องระวังฝ่ายขายของบริษัทคู่แข่งที่ดูแล้วเหมือนไม่ได้เคลื่อนไหวขยับตัวเท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้วมีแผนการตลาดสินค้าตัวใหม่ซ่อนไว้อยู่
ในหนังสือ Be Water My Friend (จงเป็นเช่นน้ำ) ของ แชนนอน ลี ซึ่งเป็นลูกสาวของ บรูซ ลี นักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตนั้นได้ให้ข้อคิดไว้ว่า ‘น้ำอ่อนโยนแต่ทรงพลัง นุ่มนวลแต่แข็งแกร่ง ไหลรินแต่ลึกล้ำ เช่นเดียวกับชีวิต สุขและเศร้า งดงามและอัปลักษณ์ น่าตื่นเต้นแต่ก็น่าหวาดหวั่น’ สิ่งที่ดูเหมือนเป็นสิ่งตรงกันข้ามอันสุดขั้วคล้ายๆ กับ หยินกับหยาง ชายกับหญิง ขาวกับดำ ฯลฯ แต่จริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่แล้วจริงตามธรรมชาติ ซึ่งเราทุกคนควรต้องยอมรับถึงการมีอยู่ของสิ่งเหล่านี้ทั้งสองด้าน
หากเรายอมรับสภาพความจริงเพียงด้านเดียว เช่น เน้นแต่ความสุขและความงดงามของร่างกาย โดยไม่คำนึงถึงสภาพความจริงอีกด้านว่า สุดท้ายคนเราก็ต้องเจอกับความทุกข์และความเสื่อมของร่างกายที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลา ก็น่าจะยากที่จะสามารถรับรู้และเข้าใจได้ถึงสภาพความเป็นไปที่แท้จริงของชีวิตคนเรา
เรื่องราวมากมายในชีวิตคนเราที่ได้เกิดขึ้นแล้วจริง ซึ่งย่อมมีทั้งสิ่งที่เราคาดหวังและผิดหวัง แล้วเราควรตอบสนองกับเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างไร...
ท่านที่ได้มีโอกาสแช่อองเซนในญี่ปุ่น น่าจะทราบดีว่านอกจากบ่อน้ำร้อนแล้วมักจะมีบ่อน้ำเย็น (水風呂) ให้บริการด้วย โดยอุณหภูมิของน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 16~17 องศาซึ่งต่ำกว่าบ่อน้ำร้อนที่ประมาณ 35~42 องศาหรือเกือบ 20 องศา!! การแช่สลับบ่อน้ำร้อนกับน้ำเย็นหรือซาวน่ากับบ่อน้ำเย็นหลายๆ ครั้งติดต่อกันนั้น ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าจะช่วยทำให้ระบบเลือดในร่างกายหมุนเวียนดีขึ้นและเป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย
ตัวผมเองตอนแรกที่มาญี่ปุ่นใหม่ๆ ก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่หลังจากที่ได้ลองสัมผัสจริงครั้งแรกแล้วบอกได้เลยว่า ร่างกายรับรู้และสัมผัสได้ถึงการตอบสนองในทางบวกไม่น้อย การที่ร่างกายได้ลองสัมผัสรับรู้กับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปกะทันหันจากน้ำร้อนเป็นน้ำเย็นที่อุณหภูมิต่างกันเกือบ 20 องศา อาจจะเป็นการฝึกฝนที่ดีไม่น้อยสำหรับร่างกาย สมอง และจิตใจเพื่อตอบสนองกับสภาพแวดล้อมที่ได้เปลี่ยนไปแล้ว
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้และเข้าใจหลังจากมีประสบการณ์ได้แช่บ่อน้ำเย็นมานานหลายสิบปีก็คือ พยายามทำตัวให้ ‘นิ่งไว้’ โดยไม่ขยับร่างกายทุกส่วนแต่อย่างใด จะทำให้สามารถทนทานต่ออุณหภูมิของน้ำเย็นได้นานกว่า โดยสามารถแช่ได้เป็นเวลาหลายสิบนาที ถึงแม้จะเจอสภาพอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนจากบ่อน้ำร้อนหรือห้องซาวน่า ขณะที่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่นั้นเข้ามาแช่บ่อน้ำเย็นเพียงแค่ไม่เกิน 5 นาที
คำพูดที่ว่า ‘จงใช้ชีวิตอย่างน้ำ’ นั้นตัวอย่างที่ค่อนข้างเป็นรูปร่างได้เช่น ถ้าได้มีโอกาสไต่เต้าขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในหน้าที่การงานอาชีพหรือสภาวะทางสังคม ต้องไม่ลืมว่าสุดท้ายคนเราทุกคนก็ต้อง ‘กลับคืนสู่จุดสามัญ’ ซึ่งก็คือการไหลจากที่สูงกลับสู่ที่ต่ำ หรือเมื่อเจออุปสรรคชีวิตที่หนักหนาสาหัส ก็จง ‘สงบสติและอารมณ์’ พยายามหาทางออกที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ในขณะนั้น คล้ายๆ กับที่น้ำพยายามหาทางไหลผ่านสิ่งกีดขวางถึงแม้จะมีโอกาสแค่เพียงเล็กน้อย... แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ลองทำ
EP036
Kenko2022
2023/04/27
โฆษณา