สมาคมมวยฯ จะริบชื่อ "มวยไทย" จาก ONE ที่เรตติ้งถล่มทลาย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ศึกมวยไทย ONE Lumpinee กำลังรุ่งเรือง และได้รับความนิยมในระดับโลก แต่ล่าสุด โดนคนเก่าแก่ในวงการจี้ให้กกท. ริบชื่อคำว่า "มวยไทย" ออกไปซะ เพราะไม่ยอมทำตามขนมธรรมเนียมดั้งเดิม เรื่องราวเป็นอย่างไร เราจะไปสรุปให้เข้าใจง่ายตั้งแต่แรก
มวยไทย เป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติของเราก็จริง แต่ในช่วงหลัง มีการ "ฉีกกรอบ" ออกจากรูปแบบเดิมๆ ได้อย่างน่าสนใจ
ไม่ว่าจะเป็นการเกิดขึ้นมาของ RWS (ราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์) ที่มีแสงสีเสียงครบเครื่อง มีการเอาบัวขาว บัญชาเมฆ มาต่อยกับ โคตะ มิอุระ จนตั๋วที่ราชดำเนิน Sold Out ไปแบบอลังการมากๆ
หรือล่าสุด ก็มีการกำเนิดขึ้นของ "ONE Lumpinee" โดยสถาบันการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ONE Championship ได้จับมือกับสนามมวยลุมพินี จัดชกมวยไทยทุกคืนวันศุกร์ โดยมีเป้าหมายให้คนทั่วโลกได้รู้จักมวยไทยมากขึ้น
สิ่งที่ ONE Lumpinee มีความแตกต่างจากมวยไทยที่เราคุ้นเคยกัน เช่น เรื่องโปรดักชั่น ที่ก่อนจะชก ทีมงานจะมีการทำคลิปวีดีโอของนักมวยแต่ละคน เอามาเล่าสตอรี่ให้รู้ว่าเป็นใครมายังไง เป็นการบิลด์อัพความรู้สึกของแฟนๆ ให้คึกคักขึ้น
ส่วนมุมกล้องที่ใช้ จะเซ็ตให้มีความเป็นสากลมากที่สุด ขณะที่การไหว้ครู จะมีแบบรวบรัดสั้นๆ ไม่เต็มรูปแบบ ขณะที่เรื่องดนตรีต่างๆ พวกปี่พาทย์ ฉิ่ง ฉาบ ก็จะตัดทิ้งออกไป ให้ดูมีความสากลมากขึ้น
จำนวนยก ก็ลดลงมาเหลือแค่ 3 ยกเท่านั้น จากเดิม 5 ยก เพราะนักมวยจะได้ต่อยกันเต็มๆ ไม่ต้องมีดึงจังหวะอะไร เปิดมาก็ใส่กันเลย
นอกจากนั้นเรื่องเงินก็ยังได้เพิ่มขึ้นกว่าเวทีปกติอย่างมาก แล้วมีโบนัสพิเศษ มวยคนไหนต่อยดี แม้จะแพ้ แต่ก็รับเงินไปเลย 350,000 บาท
ทักษะการเข้าใจตลาดของ ONE Championship เมื่อเอามาผสมผสานกับอารีน่าในตำนานอย่างลุมพินี บวกกับการประกบคู่ที่น่าสนใจในทุกๆ วีก ทำให้ความนิยมของ ONE Lumpinee พุ่งทะยานมาก เรตติ้งทั้งทีวีและออนไลน์ก็กระฉูด
มันช่วยส่งเสริมกระแสของมวยไทย ให้ถูกพูดถึงทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ผมเองเคยไปชม ONE Lumpinee ที่สนามมวยแบบสดๆ มาครั้งหนึ่ง ส่วนตัวประทับใจมาก การจัดการดีทุกอย่าง ที่จอดรถมีสะดวก อาหารการกินครบหมด การจัดการใดๆ สมูธมาก นอกจากนั้น บรรยากาศยังคึกคัก เด็กๆ วัยรุ่น หรือ ผู้หญิง ก็เข้ามาดูมวยกันเยอะมาก ไม่ได้มีความน่ากลัวอะไรเลย มันเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ
ONE Lumpinee ก็ต่อยกันไปหลายวีก และรักษาความนิยมได้ดีมาตลอด แต่ก็เกิดดราม่าสำคัญขึ้นเมื่อวานนี้ เมื่อ "สมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย" กลุ่มผู้ใหญ่ที่กุมอำนาจในวงการมวยไทยแต่เดิม ได้จัดการประชุมใหญ่ประจำปี โดยมีวาระสำคัญคือเรื่องของมวย ONE ที่ทำหลายอย่างผิดขนบธรรมเนียมอย่างมากจนรับไม่ได้ เช่น
1- ทำไมชกมวย 3 ยก เวทีอื่นเขาชกกัน 5 ยก
2- ทำไมใส่นวมแบบเปิดนิ้ว มันไม่ปลอดภัย มีนิ้วโผล่มาอันตราย ทำให้เวลาชกทีไรแตกตลอด นวมแบบนี้นักมวยได้รับบาดเจ็บมากกว่าปกติหรือไม่? แล้วถ้า Worst Case มีคนเอานิ้วไปจิ้มตาอีกฝ่าย จะทำยังไง
3- ใช้เงินเป็นสิ่งจูงใจ ทำให้เน้นกันแต่ธุรกิจ กะจะชกเอาแตก เอาอีกฝ่ายให้น็อก ไม่สนใจเรื่องศิลปะมวยไทย ปัจจุบันมวยรากหญ้าเห็น ONE ชกแบบนี้แล้วได้เงินเยอะ ก็ทำตามบ้าง โดย "จ่าตุ๊" จ่าสิบตรี ทรงพล ศรีสว่าง อุปนายกสมาคมฯ บอกว่า "เน้นใช้เงินมาเป็นแรงจูงใจ ทำให้คนเห็นแก่เงิน
4- นอกจากสามเรื่องนี้แล้ว ก่อนหน้านี้ อุปนายกสมาคมฯ ได้โจมตี ONE เรื่อง "ไม่มีไหว้ครู ไม่มีมงคล ไม่มีปี่พาทย์กลอน ไม่มีฉิ่งฉาบ"
ตามกฎหมายไทย พ.ร.บ.มวย ระบุว่า ก่อนเริ่มการแข่งขันนักมวยต้องร่ายรำไหว้ครูตามศิลปะประเพณี โดยมีปี่ชวากลองแขกตัวผู้ และกลองแขกตัวเมีย รวมถึงฉิ่ง เมื่อนักมวยไหว้ครูเสร็จแล้ว จึงให้เริ่มการแข่งขันได้ คือแม้จะมีบทกำหนดไว้อย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้ระบุว่า ถ้าไม่ทำ แล้วจะโดนโทษอะไร
ทีนี้ ONE Lumpinee ตัดหลายๆ อย่าง เช่นพวกปี่พาทย์ออกไป เพื่อสร้างบรรยากาศในสนามมวยให้ดูมีความสากลมากขึ้น แต่เรื่องนี้ ทำให้ทางสมาคมฯ ไม่พอใจ
จ่าสิบตรีทรงพล อุปนายกสมาคมฯ เคยให้สัมภาษณ์ในช่องยูทูบ มวยเด็ด 789 ว่า "บ้านเมืองมันมีขื่อมีแป กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย เราเป็นคนไทย กฎหมายไทยเราไม่รักษาหรอ"
ข้อสรุปของฝั่งสมาคมคือ "ONE โฆษณาว่าเป็นมวยไทย แต่ไม่ได้ชกตามกติกามวยไทย" ดังนั้นสิ่งที่ต้องการคือ ONE อยากจะจัดก็จัดไป แต่อย่าใช้คำว่ามวยไทย เพราะมวยไทยเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ของชาติ และต้องทำตามธรรมเนียมดั้งเดิมอย่างเคร่งครัด
เอาล่ะครับ นี่คือมุมมองของผู้ใหญ่ฝั่งสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย
ถามว่าผมเข้าใจไหม? ก็พอเข้าใจแนวคิดของสายอนุรักษ์นิยมจ๋าๆ เหมือนกัน ที่อยากให้ทุกอย่างมันเหมือนเดิม ของเดิมมันพออยู่ได้ แล้วจะไปเปลี่ยนอะไรเยอะแยะ
แต่สิ่งที่ผมเชื่อมากกว่าคือ วัฒนธรรมใดๆ ที่หยุดนิ่ง ไม่ยอมประยุกต์ให้ทันโลก วันหนึ่งมันจะตายครับ
ไปที่ 2 ประเด็นแรกกันก่อน เรื่องการชกมวย 3 ยก และ ใส่นวมแบบเปิดนิ้ว อยากบอกว่า ฝั่ง ONE ได้ส่งเอกสารไปขอใช้กฎกติการูปแบบนี้ จากสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย ซึ่งเป็นหน่วยงานของกกท. ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2565 แล้ว
และได้รับการ "อนุมัติ" ให้ใช้ได้เรียบร้อยแล้ว โดยระบุว่า ONE Lumpinee สามารถใช้คำว่า "มวยไทย" ได้เลย
ดังนั้นการที่จะมาเรียกร้อง บอกกกท. ให้ไปริบชื่อมวยไทยกลับมา มันทำไม่ได้หรอกครับ เพราะเขาขออนุญาตกันเรียบร้อยไปแล้วนะ
ประเด็นต่อมา คือเรื่องไหว้ครู ใน ONE มีไหว้ครูนะครับ แต่มีแค่ 1 นาทีเท่านั้น สั้นๆ เป็นพิธีก็จบ เพราะมันกระทบกับเรตติ้งของรายการ ลองคิดดูว่าถ่ายทอดสดไปทั่วโลก แฟนมวยชาติอื่นก็อยากเห็นคนต่อยกันเลย จะมารำอะไรกันนานๆ ทุกไฟต์
ส่วนปี่พาทย์ที่ไม่มี เพราะฝั่ง ONE ต้องการให้เป็นสากล พอมีปี่พาทย์เป่าแอ๋ แอ่ อยู่ตลอด มันขัดจังหวะนักมวยเหมือนกัน เพื่อจะไป Global ความ Local บางอย่างก็ต้องตัดออก
ขณะที่ประเด็นเรื่องที่สมาคมบอกว่า ONE ใช้เงินเป็นสิ่งจูงใจ ทำให้นักมวยเห็นแก่เงิน คือผมว่ามันประหลาดดี
คิดดูนะครับว่า รายการทุ่มแจกเงินเป็นแสนเป็นล้านต่อไฟต์ขนาดนี้ มันไม่ดียังไงกับอุตสาหกรรม? ตัวนักมวยเขาซ้อมมาเหนื่อย ทำไมเขาไม่คู่ควรกับรายได้ที่สมน้ำสมเนื้อล่ะครับ
คนทำงานไม่ว่าจะอาชีพอะไร ก็อยากหวังมีรายได้เยอะๆ กันทั้งนั้น ทำไมต้องให้นักมวยจนกรอบตลอดไปด้วย จะ Romanticize ความจน แบบนักมวยจนแต่ใจสู้ไปถึงไหน
อย่าลืมว่าพอรายได้ไม่พอ นักมวยหลายคนก็ขายวิญญาณก็ไปเข้าขบวนการล้มมวยกันอีก เหมือนเคสของเสาเอก อ.อัจฉริยะที่เพิ่งล้มมวยในไฟต์ล่าสุด
นักมวยได้เงินเยอะๆ ลืมตาอ้าปากได้ มีเงินไปเลี้ยงดูครอบครัว นึกไม่ออกว่ามีอะไรเสียหาย นี่สมาคมฯ บอกว่า เงินเยอะๆ ทำให้นักกีฬาจะเห็นแก่เงิน คือตรรกะอะไรเนี่ยะ
ดังนั้นบทสรุปของเรื่องนี้ พูดตรงๆ คือผมไม่เข้าใจว่า สมาคมฯ จะไปขัดกระแสของ ONE ทำไม
ONE ทำให้มวยไทยเชิดหน้าชูตามากขึ้นในระดับโลก ตอนที่น้องโอ๋ แพ้น็อคแฮ็กเกอร์ตี้เมื่อสัปดาห์ก่อน ข่าวนี้ขึ้นหน้าเว็บไซต์สื่อต่างประเทศหลายเจ้า เช่น Sportskeeda (อินเดีย) หรือ SCMP (ฮ่องกง) รวมถึงเป็นประเด็นสนทนาบน Reddit อีกด้วย เป็นเรื่องน่ายินดีออกนะ
สิ่งที่ผมอยากอธิบายคือ ในการแข่งขันกีฬา อย่าไปยึดติดกับ "รูปแบบ" มาก รักษาแกนหลักของกีฬาไว้ให้ได้ก็พอ
ยกตัวอย่างในฟุตบอล เมื่อก่อนฟุตบอลไม่มีโทษใบเหลืองนะครับ คือมีฟาวล์ธรรมดา กับไล่ออกไปเลย คือกรรมการยุคอดีตก็ปวดหัวเหมือนกัน เพราะการฟาวล์บางครั้งมันก็แรง แต่ไม่แรงพอจะไล่ออก ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
แต่พอในฟุตบอลโลก 1970 มีการคิดค้น "การแจกใบเหลือง" ขึ้นมา ทุกอย่างก็ตอบโจทย์ทันที การฟาวล์ที่แรงระดับหนึ่งก็รับใบเหลืองไป ถ้าแรงจนรับไม่ได้ก็ใบแดง เมื่อมีใบเหลืองปั๊บ การตัดสินก็มีประสิทธิภาพขึ้นด้วย
หรืออีกหนึ่งเคส คือเมื่อก่อน สมมุติฟุตบอลแข่งจบ 120 นาที แล้วเสมอกัน จะหาผู้ชนะด้วยวิธี โยนเหรียญหัวก้อยนะครับ วัดดวงกันดื้อๆ เลย ทายถูกก็เข้ารอบแค่นั้น
การเสี่ยงทายเหรียญ มันไม่มีความแฟร์เกิดขึ้น นั่นทำให้เกิดการคิดค้น "การยิงจุดโทษ" ขึ้นมา และจากนั้นมา การยิงจุดโทษก็ถูกนำมาใช้ตลอด จนถึงปัจจุบัน
เราจะเห็นว่า ฟุตบอลรักษา "แกนหลัก" ของกีฬาเอาไว้ คือเล่นทีมละ 11 คน และกฎว่าใครยิงประตูได้มากกว่าชนะ แต่จะมีแก้ไขรายละเอียดอยู่ตลอด ใส่ดีเทลใหม่ๆ เพิ่มเข้าไป เพื่อให้การแข่งสนุกที่สุด
มวยไทยผมว่าก็น่าจะยึดหลักการนี้เหมือนกัน คือรักษาแกนหลักเอาไว้ เช่น ชก 2 คนบนเวที ใช้หมัด ศอก เข่า ได้หมด มีการนับคะแนน และ ชนะน็อค แต่รายละเอียดต่างๆ เช่นชกกี่ยก ใช้นวมแบบไหน มีปี่พาทย์หรือไม่ มันเป็นปลีกย่อยที่ปรับเปลี่ยนได้ เพื่อให้กีฬาเข้าสู่ความนิยมมากขึ้น
ใครอยากจะจัดมวยสไตล์แบบดั้งเดิมไว้ ก็ไม่เป็นไร แต่ใครที่อยากประยุกต์ปรับเปลี่ยนบางอย่างให้สนุกขึ้น มันก็ไม่ได้ผิดตรงไหน ขอแค่ยึดแกนหลักของกีฬาเอาไว้ ผมว่ามันก็ดีทั้งสองทาง
จริงๆ ดราม่าเรื่อง สมาคมฯ กับ ONE เป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดตั้งแต่แรกครับ
ผมคิดว่า หน้าที่ของสมาคมฯ และ หน้าที่ของผู้ใหญ่ในวงการ ไม่ใช่การขัดขารายการอื่นๆ ที่กำลังรุ่งนะ แต่เป็นการช่วยกันส่งเสริมให้รายการใดก็ตาม ที่ใช้คำว่า "มวยไทย" ได้เติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่งที่สุดต่างหาก
ที่ผ่านมา ONE ช่วยสร้างชื่อเสียงมวยไทยให้ไปไกลขึ้นในระดับโลก แล้วคุณคิดอะไรอยู่ในหัว จะไปริบชื่อ "มวยไทย" ออกไป การเห็นมวยไทยดังขึ้นๆ ก็น่าจะดีกับทุกๆ คนไม่ใช่หรือ?
บทสรุปของเรื่องนี้ ผมคิดว่า อนุรักษ์นิยมไม่ผิด แต่การขัดขวางความเจริญก้าวหน้าที่คนอื่นๆ พยายามผลักดันให้เกิดขึ้น อันนี้ผิดแน่นอนครับ
- 75
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
