30 เม.ย. 2023 เวลา 00:17 • ไลฟ์สไตล์

ไข่ต้ม - หลากหลายกว่าที่คุณคิด

“ไข่ต้ม” กลายเป็นดราม่าร้อนเพราะหนังสือวิชาภาษาไทย ป.5 ที่บอกว่าเป็นหนังสือที่ให้ข้อคิดเรื่องคุณค่าชีวิต ผ่านเรื่องราว "ด.ญ.ใยบัว" ที่กินข้าวคลุกน้ำปลากับไข่ต้มครึ่งซีก ทำให้โซเชียลวิจารณ์กันสนั่นเมือง ในขณะที่กรมอนามัยก็ออกเปิดเผยว่า ไข่ต้มคลุกน้ำปลามีสารอาหารไม่เพียงพอ เด็กวัยเรียนควรกินไข่คู่กับอาหารให้ครบหมู่หลากหลาย
ความจริงไข่ต้มเป็นอาหารพื้นบ้านของคนไทย นอกจากไข่ต้มเปล่า ๆ กินกับข้าวคลุกน้ำปลาอย่าง ด.ญ.ใยบัวแล้ว ก็ยังนำมาทำอาหารได้หลากหลายเช่น ไข่พะโล้ หรือในขนมจีนประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำยา น้ำพริก ก็มักจะมีไข่ต้มเป็นเครื่องเคียงเสมอ
ที่รู้จักกันดีหน่อย ก็เห็นจะเป็น “ไข่ลูกเขย” โดยนำไข่ต้มมาแกะเปลือกออก แล้วนำไปทอด ประมาณ 2 นาที ให้ไข่เป็นสีเหลืองทองเสมอกัน จากนั้นก็ทำน้ำราด โดยนำน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะขามเปียก เทใส่หม้อ ตั้งไฟกลาง คนให้น้ำตาลละลายและส่วนผสมเข้ากัน จากนั้นเคี่ยวต่อเล็กน้อยให้ข้นและเหนียว
พอจะรับประทานก็หั่นไข่ต้มที่ทอดไว้นั้นออกเป็น 2 ซีก แล้วราดด้วยน้ำตาลปี๊บปรุงรสที่เราเคี่ยวเอาไว้ โรยด้วยหอมเจียว ผักชี และพริกแห้งทอด ก็จะได้เมนูไข่ลูกเขย ที่เป็นไข่ต้มทอดหอม ๆ ราดด้วยน้ำปรุงที่มีรสหวานนำ มีรสเปรี้ยวเค็มเล็กน้อย ทานกับข้าวเปล่า ๆ ได้โดยไม่ต้องมีพริกน้ำปลา
ขอบคุณภาพประกอบจาก Simply Suwanee
ไข่ต้มกลายมาเป็นของบนบานศาลกล่าว ที่พระอุโบสถหลวงพ่อโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้นำไข่ต้มไปแก้บนกับหลวงพ่อเป็นจำนวนมาก บางทีก็เป็นหมื่นเป็นแสนฟอง ที่ศาลารายขายของข้างพระอุโบสถที่ขายเครื่องสักการะ มีไข่ต้มขายอยู่ทุกร้าน ทำไมการไปแก้บนกับหลวงพ่อโสธรต้องใช้ไข่ต้ม?
ในรายการ “เรื่องนี้มีตำนาน” ของสถานีโทรทัศน์ Thai PBS แม่ค้าขายเครื่องสักการะรายหนึ่งเปิดเผยว่า เมื่อก่อนการแก้บนก็ใช้หัวหมู เป็ด ไก่ ในภายหลัง จังหวัดฉะเชิงเทรามีการทำฟาร์มไก่เป็นจำนวนมาก ก็เลยนิยมใช้ไข่ต้มมาเป็นของแก้บน ไม่ได้เกี่ยวกับว่า หลวงพ่อท่านโปรดไข่ต้มเป็นพิเศษแต่อย่างใด
ไข่ต้มก็เกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์ ในวัน “อีสเตอร์” (Easter) ซึ่งเป็นวันฉลองการเกิดใหม่ของพระเยซู ในเทศกาลดังกล่าวก็จะมีการใช้ไข่ในการเฉลิมฉลองเรียกว่า “ไข่อีสเตอร์” (Easter eggs)
กล่าวกันว่าไข่อีสเตอร์เป็นตัวแทนของการเสด็จมาของพระเยซูจากหลุมฝังศพและการฟื้นคืนพระชนม์ ผู้คนจะทาสีและตกแต่งไข่เพื่อทำเครื่องหมายการสิ้นสุดของช่วงเวลาแห่งการสำนึกผิดและการถือศีลอด จากนั้นจึงรับประทานไข่เหล่านี้ในวันอีสเตอร์เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง
นอกจากนี้ การละเล่นการล่าไข่อีสเตอร์(egg hunts) และการแข่งกลิ้งไข่(egg rolling) เป็นประเพณีที่เกี่ยวข้องกับไข่ที่ได้รับความนิยม
โดยในทุกๆปีจะมีการแข่งขัน White House Easter Egg Roll ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ให้เด็ก ๆ กลิ้งไข่ต้มสุกที่ตกแต่งแล้วไปในสนามหญ้าของทำเนียบขาว เป็นงานประจำปีที่จัดขึ้นในวันจันทร์หลังวันอีสเตอร์
ประธานาธิบดีไบเดนกำลังจะเป่านกหวีดเริ่มการแข่งขันกลิ้งไข่ ขอบคุณภาพประกอบจาก CNN
ในอาหารจีนนั้น เราจะเห็นไข่ต้มทาเปลือกสีแดงถือเป็นไข่มงคล ชาวจีนจะมอบไข่สีแดงนี้ให้กันในงานมงคลสำคัญ เช่น งานมงคลสมรส งานวันเกิด งานวันที่เด็กมีอายุครบเดือน เป็นต้น
1
คุณพชร ธนภัทรกุล ได้บอกไว้ในบทความเรื่อง “ไข่ เก็บซ่อนความเชื่ออะไรของชาวจีนไว้” ใน “ผู้จัดการออนไลน์” ว่า
“ว่ากันว่า ประเพณีแจกไข่สีแดงในงานแต่งงาน เริ่มมาจากเรื่องราวในสามก๊ก ตอนที่ว่า ....
จิวยี่ขุนพลคนสำคัญของซุนกวนแห่งง่อก๊ก วางแผนหลอกล่อเล่าปี่ให้มาแต่งงานกับน้องสาวซุนกวน เพื่อหวังจับตัวไว้ และบังคับให้คืนเมืองเก็งจิ๋วที่ยืมไป แต่ขงเบ้งอ่านแผนของจิวยี่ออก จึงสั่งให้จูล่งคุ้มกันเล่าปี่ไปยังกังตั๋งพร้อมให้นำไข่ไก่ต้มสุกทาสีแดงจำนวนมากไปด้วย
เมื่อคณะของเล่าปี่เดินทางมาถึงกังตั๋ง ได้ป่าวประกาศเรื่องงานแต่งงานของเล่าปี่กับน้องสาวของซุนกวน พร้อมกับเอาไข่ไก่สีแดงที่เตรียมมาออกแจกจ่ายชาวเมือง ให้ทุกคนได้กินไข่ไก่สีแดง ร่วมฉลองยินดีกับงานมงคลนี้ด้วย ข่าวนี้แพร่กระจายอกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ซุนกวนต้องตกกระไดพลอยโจน จำยอมยกน้องสาวให้เล่าปี่”
ขอบคุณภาพประกอบจาก  Krua Sukjai
ยังมีอาหารอังกฤษชนิดหนึ่งที่ทำจากไข่ต้มเรียกว่า “ไข่สก๊อต” หรือ Scotch Egg เป็นไข่ต้มหุ้มด้วยเนื้อหมูบด
“ไข่สก๊อต” ทำโดยนำไข่ต้มที่ปอกเปลือกออกแล้วมาโรยแป้ง นำเนื้อหมูบดไปพอกโดยนำไข่ต้มไปวางตรงกลางบนแผ่นเนี้อหมูบด แล้วค่อยๆ ปั้นเนื้อหมูบดให้คลุมรอบ ๆ ตัวไข่เหมือนเปลือกหุ้มไว้ แล้วจุ่มลงในไข่ที่ตึไว้ ตามด้วยเกล็ดขนมปัง เสร็จแล้วตั้งน้ำมันในกระทะก้นลึกพอได้อุณหภูมิประมาณ 150ºC ก็นำไข่ที่พอกเนื้อบดไว้ลงทอดจนเป็นสีน้ำตาลทองน่าทาน ตักไข่ขึ้นมาแล้วผ่าออกเป็น 2 ซีก ก็รับประทานได้เลย
ร้านชำ Fortnum & Mason ที่มีชื่อเสียงแห่งกรุงลอนดอน อ้างว่าเป็นผู้คิดค้นไข่สก๊อตเมื่อปี 1738 เพื่อขายเป็นอาหารหรูหราสำหรับชนชั้นสูงและถือเป็นของกินที่สะดวกในการเดินทางสำหรับคนมีอันจะกิน
แต่หลายคนก็เชื่อว่าต้นกำเนิดของไข่สก๊อตมีรากฐานมาจากเมืองชายฝั่งชื่อ Whitby ในยอร์กเชียร์ กล่าวกันว่าร้าน William J Scott & Sons เป็นผู้คิดค้นอาหารที่เรียกว่า 'Scotties' เป็นไข่ที่ถูกทาด้วยครีมปลาแทนที่จะเป็นเนื้อหมู ก่อนจะโรยด้วยเกล็ดขนมปังแล้วนำไปทอด ภายหลังเนื้อหมูบดได้เข้ามาแทนที่ปลาเมื่อไข่สก๊อตเริ่มขายในร้านขายอาหารขนาดใหญ่ เนื่องจากสะดวกต่อการบรรจุหีบห่อ
ขอบคุณภาพประกอบจาก Lovefoodies
ทั้งนั้น ไข่ต้มจึงนับว่า เป็นอาหารพื้นบ้านที่มีกินกันอยู่ในแทบทุกครัวเรือนในโลกนี้
เรื่องตอนที่แล้ว กิมจิ - กินอย่างไรดี?
อ่านได้ที่
Gourmet Story - เรื่องราวเกี่ยวกับอาหารที่เป็นเกร็ดความรู้ เล่าสู่กันฟัง เพิ่มความอร่อยของอาหารที่เรารับประทาน ติดตามได้ที่
โฆษณา