30 เม.ย. 2023 เวลา 00:50 • ปรัชญา

ทำไม...ต้องโหราศาสตร์ และความเชื่อ

ประโยชน์ และโทษที่พึงตระหนัก
ทุกศาสตร์ไม่ได้มีความสมบูรณ์ในตัวมันเอง แม้ศาสตร์เดียวกันก็ยังแยกเป็นสาย เช่น โหราศาสตร์สายสากล ยูเรเนี่ยน ภารตะ ฯ
สายไทย ก็ยังแยกไปทั้งไทยสายอาจารย์เทพย์
อาจารย์อรุญ อาจารย์อักษร ส.แสงตะวัน-ระบบธาตุ และพาราณสี ฯ
7ตัว หลักๆก็มีสาย อาจารย์นภา7ตัว4ฐาน อาจารย์เจษฎา7ตัว9ฐาน อาจารย์ประภาส 7ตัวพม่าทักษากาลโยคแบบนับอายุเต็ม
ลายมือ ก็มีสายอาจารย์ปรีชา อาจารย์สมบัติ และตำราโหรฌานศิลป์ หลวงวุฒิฯ ที่นิยมศึกษากัน
โหงวเฮ้ง ก็ต้องสายอาจารย์อุดมพร อาจารย์กระจ่างฯ
ไพ่ และพิธีกรรมก็มีหลากหลายฯ
หลายคนที่เข้ามาในวงการ มักจะวนศึกษาหลาย
สรรพวิชา จนรู้สึกได้เองว่าอะไรมันต้องจริต มันใช้ได้ดีสำหรับตนเอง
แน่นอนว่า การพยากรณ์ย่อมต้องถูกมากกว่าไม่ถูก เพราะเป็นการคาดการณ์อนาคตที่มีหลักเกณฑ์ และSense(ตาที่สาม ญาณหยั่งรู้ หรือครูมาแฝง)
ซึ่งไม่ได้เกิดทุกครั้งแบบกดปุ่มได้ บางคนจึงแม่นดั่งตาเห็น แต่รับรองว่าไม่แน่นอน
จึงไม่ควรยึดในญาณหยั่งรู้ หรือตาที่สาม ซึ่งอาจเป็นตาทิพย์หรือตาปีศาจก็ได้ ขึ้นกับผู้พยากรณ์มีพฤตวัตรเยี่ยงใด
มีศีลธรรมนำทางหรือกิเลสตัณหาเป็นแรงขับ
ใครจะรู้ว่าเทพเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปู่ฤษีที่นับถือ หรือเป็นเปรต สัมภเวสี อสูร ซาตาน ที่เข้ามาแฝง !
แม้ผู้ได้อภิญญา ยังเสื่อมเมื่อจิตมีกิเลสครอบงำ เมื่อทำผิดศีลธรรม ปล่อยให้โลภโกรธหลงมีกำลัง
ของเก่าที่สั่งสมมาในรูปของญาณหยั่งรู้จึงไม่แน่นอน และจะกดดันทำลายผู้ใช้วิชาเองเนื่องจากถูกคาดหวังเกินไป
โลภโกรธหลง !
มักจะถูกกระตุ้นและมีอำนาจครอบงำจิตใจได้ง่าย จึงต้องมี "สติ"ให้มาก
โลภ
อยากได้อยากมีอยากเป็น แม้ทำบุญทำดีก็ยังมี ความอยากเป็นตัวตั้ง มีการขอผลตอบแทน คาดหวังโชคลาภความสำเร็จ
เมื่อไม่เข้าใจธรรมะก็หลงในตัณหาความอยาก จิตมีแต่ความโลภ การติดดีติดบุญก็ยังยึดยังติดข้องแบบมิจฉาทิฐิอยู่นั่นเอง
ยังยึดมั่นยังหลงคิดว่าอะไรๆก็เป็นของเราตัวเรา และมักมีแต่ความผิดหวัง แม้จะได้ก็ไม่เคยถึงครึ่งที่หวัง
ทำเพื่อให้หรือทำเพื่อเอา ทำแล้วติดหรือทำแล้วปล่อยวาง ระดับของ"จิต" ต่างกัน
ไม่ต้องพูดถึงความโลภของตัวเอง เพราะมันมักพาเพื่อนสนิทชื่อ โง่ มาด้วย รวมหัวกันสร้างความวิบัติให้เราไม่ช้าก็เร็ว
ยิ่งบางคนอาศัยความเชื่อหรือความน่าเชื่อของตัวบุคคลไปทำบาปโกงต้มตุ๋นหลอกลวงเอาเปรียบเขา บ้างก็วางแผนฆ่าเพียงเพื่อหวังผลประโยชน์
ตายไปย่อมสู่อบายเป็นเปรต แน่นอน
ถ้าเสียหายในวงกว้างก็ตกนรกอเวจีปอยเปต ที่ลึกสุดๆ สามแสนห้าแสนชาติกันไปเลยทีเดียว
โกรธ
ไม่พอใจที่เสียลาภสักการะ ซึ่งเป็นเรื่องปกติในวงการความเชื่อความศรัทธาไม่เชื่ออย่าลบหลู่จึงต้องพิจารณามีสติ
บางคนเป็นสายโบราณหมอผีก็เล่นมนต์ดำทำร้ายกันและกัน การไปข้องเกี่ยวย่อมต้องระวัง เกิดไปขัดใจเขาเราก็จะเดือดร้อน
หลง
ขาดปัญญาพิจารณาว่า แม้กฎแห่งดวงดาวก็ต้องอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม หลงพาโลภ เข้าไปในวังวนแห่งอวิชชา
เสียเงินเสียเวลาเสียรู้เสียตัวมากมาย เพียงเพราะไม่ตระหนักว่า บุญกรรม และการกระทำเท่านั้นที่กำหนด
สร้างเหตุอะไรไว้ ต้องรับผล ก่อนสร้างเหตุมีสติ รู้ไหมว่าสิ่งที่คิดพูดทำ จะมีผลดี มีประโยชน์ หรือมีโทษมีความเสี่ยง
สังเกตสายพุทธมนต์ คนดีมีศีล ชอบสวดมนต์นั่งสมาธิ จะเข้าสู่กระแสมูได้ผล เพราะจิตถึง แต่อย่าได้ไปทางสายดำนะ ที่ว่าขาวๆมันจะเทาและไปเป็นดำง่ายมาก
การบริหารจัดการความโลภโกรธหลง (สติ) จะยาก จะหลงไปในลาภผลมากขึ้น ทำผิดครู ไม่รักษาสัจจะ
เอาลาภผลที่ได้ไปสร้างกรรมชั่ว ไปโกงไปหลอกคนให้เสียหาย ครูแรงและดุด้วยนะสายนี้ ท่านก็จะสั่งสอนลงโทษหนักเจียนตายกันเลยทีเดียว
เชื่อในบุญกรรมที่เราทำมา เราทำมาดีความดีย่อมต้องส่งผลแน่ เราทำไม่ดีทำบาปสร้างความชั่ว โกง เบียดเบียน เอาเปรียบเขา เราย่อมต้องรับผลแน่นอน
ทั้งบุญและบาปรอจังหวะส่งผลตลอดเวลา !
กรรมเป็นของๆตน เราทำกรรมอะไรไว้เราย่อมต้องรับผลของกรรมนั้น
เราต่างเกิดแก่เจ็บตาย วนเวียนอยู่ในสังสารวัฏมายาวนานนับชาติไม่ถ้วน ทำทั้งดีและชั่ว ทำทั้งบุญและบาป
การหาวิธีแก้กรรมเบี่ยงกรรม ทำได้ยาก และถึงทำได้ก็แค่ซื้อเวลา อย่างไรทุกคนย่อมต้องได้รับผลบุญกรรมที่ทำที่สั่งสมมาทั้งสิ้น
บางคนไปสะเดาะห์เคราะห์ตามวัดไม่ว่าพิธีกรรมใดหรือจะสวดบูชานพเคราะห์ ใช้เงินบริจาคทำบุญต่อชะตา ท่านก็ก็แค่สงเคราะห์ให้มีกำลังใจเท่านั้นเอง
แรงบุญมีระดับมีความเข้มข้นต่างกัน การทำพิธีการใช้เงินทำบุญง่าย แต่มีผลน้อย ไม่มีกำลังอะไร แค่ได้ความสบายใจ
พระพุทธเจ้าท่านไม่สรรเสริญอามิสบูชา ท่านสรรเสริญปฏิบัติบูชา หลายท่านไม่รู้จึงไปมุ่งทำแต่ ทาน เพราะสะดวกและง่าย
ไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจใน ทานศีลภาวนา ที่มีความลึกซึ้งหลายระดับขั้น และมีทั้งสัมมาทิฐิและมิจฉาทิฐิ
สรุป
อะไรที่ง่ายไร้พลัง ได้แค่ความสบายใจ ปฏิบัติบูชา สภาวะที่ได้อานิสงส์มาก อะไรที่เป็นมิจฉาทิฐิ มีแต่เพิ่มกำลังให้กิเลส และจะบริหารจัดการยากขึ้น
กิเลสตัณหาราคะ จิตอกุศล อยู่ในตัวผู้พยากรณ์ผู้เป็นครูอาจารย์ขลังมากก็จะไปสร้างบาปกรรมได้ง่าย จึงเป็นเรื่องน่ากังวล บางศาสนาจึงมีข้อห้ามไม่ให้ไปเกี่ยวข้อง
ศาสตร์พยากรณ์ถูกโจมตีมาหลายยุคสมัย เนื่องจากตัวศาสตร์เข้าถึงได้ไม่ยาก คนขี้โกงนักต้มตุ๋นก็เข้ามามาก ยิ่งสมัยนี้ยิ่งง่ายขึ้นไปอีก คนเข้าถึงง่าย แต่ที่รู้จริง และมีคุณธรรม มีน้อย
คนที่จ้องมาหาประโยชน์ลาภสักการะก็ย่อมมาก ดี หรือร้ายแค่ไหนก็มีหลายระดับต่างกันไปตามสังคมความรู้ยศตำแหน่งหน้าที่การงาน
ศาสตร์แห่งการพยากรณ์จึงมีทั้งคุณและโทษ ขึ้นกับใคร ? เป็นผู้นำไปใช้
ประโยชน์ที่เห็น โทษที่เป็น !
ประโยชน์ คือ
1.เสริมความเข้าใจเรื่องกรรมภพชาติ ในวันเวลาเดียวกันมีคนเกิดประมาณวันละแสนทั่วโลก กระจายไปในถิ่นประเทศต่างๆ ที่เจริญ ไม่เจริญ มีสงคราม และสงบสุข
เกิดในฐานะตระกูลระดับรวยจนต่างกันไป เกิดมามีสติปัญญาสังขารครบไม่ครบต่างกันไป
แต่...ครรลองชีวิตสุขทุกข์แต่ละช่วงเวลาวัยจะคล้ายกันไม่ว่าจนหรือรวย
2.พื้นดวงชะตาวาสนา จะบ่งถึงบุญกรรม ความสุขทุกข์ ในเรื่องอะไรแต่ละช่วงวัย
มีจุดเข้มแข็ง อ่อนไหวในพื้นชะตาในเรื่องอะไร
รู้จักตัวเองมากขึ้นเสมือนมีแผนที่ชีวิตเป็นแนวทาง มีแสงตะเกียงที่ส่องยามมืดมิด
รู้ว่าช่วงเวลานั้นๆ ทางข้างหน้าที่เดินทางไปถึงจะเจออะไร จะเตรียมตัวหรือจะปล่อยไปตามกรรม
เข้าป่าต้องนำพาอาวุธ ฝนจะต้องก็ต้องเตรียมร่ม สุขภาพจะย่ำแย่จึงต้องใส่ใจการกินการนอน มิดีกว่าหรือ !
3.เมื่อรู้คำพยากรณ์ซึ่งต้องมีทั้งเรื่องดีไม่ดี เรื่องดีก็ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดมีแผนสำรอง
เรื่องไม่ดีก็ต้องมีสติระวังเป็นพิเศษ รู้จักเชื่อมโยงพิจารณาเข้ามาในบริบทของชีวิต
ไม่ตีความเข้าข้างตัวเอง ดูเป็นแนวทาง ดูเพื่อเสริมกำลังใจกำลังสติ รู้เพื่อเข้าใจ โลกก็เป็นแบบนี้ เราต่างมีกรรมเป็นของๆตน
ชีวิตคนขึ้นลงผันผวนและตายได้ไม่มีความแน่นอนอะไร เหล่านี้เตือนใจให้ไม่ทำบาปสร้างกรรมชั่ว หาโอกาสสร้างความดีบำเพ็ญเพียร
4.การได้เจอผู้พยากรณ์ที่มีความเป็นกัลยาณมิตร นอกจากหลักเกณฑ์พยากรณ์ที่สนทนา ยังได้กำลังใจแนวคิดดีๆ ถ้าได้เจอหมอที่ดีมีความรอบรู้
ที่จะไปทำเรื่องไม่ดีก็ไม่ทำ เสียใจหนักจะไปฆ่าตัวตายก็ไม่ไปแล้ว
ที่คาดหวังอยากได้อยากมีอยากเป็นจนจะบ้า ก็จะหายบ้า
ที่ผิดหวังเสียในความรักก็จะประจักษ์แจ้งเพราะดวงชะตาสะท้อนกรรมที่จะส่งผลในชาตินี้ต้องเป็นแบบนี้เป็นอื่นไม่ได้
ถ้ายังหวังสุขในรักก็จะได้เลิกหวังและทำใจ ไม่คาดหวังมากไป จะลงทุนจะเข้าหุ้นก็เห็นในดวงว่าขาลง
ที่ว่าเคยเก่งปัญญาเฉียบ ถึงเวลาชะตาตกก็ต้องตัดสินใจผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ
ดูหมอก็เพื่อไม่หลงตน รู้ประมาณจากดวงดาวหรือลายมือบอก มีแผนสำรองสักหน่อยก็เสียหายน้อยลงไป
ไม่มักมากในรักใคร่เพราะจะโดนหลอก หมอไม่เตือนบอกใครจะบอกดาวกับมือไม่เคยหลอกใคร !
แม้ท่านเจ้าคุณ นร รัตน ราชมานิต วัดเทพศิรินทร์ ก็ศึกษาลายมือด้วยตนเอง และใช้วิชาดูมือจากการประเคนถวายภัตตาหารพระ เพื่อจะดูรูปมือว่าจะไปบวชไปอยู่กะท่านผู้นี้ได้หรือไม่
คือเลือกพระอุปัชฌาย์ นั่นเอง ถ้าจำไม่ผิดเหมือนตอนนั้นท่านจะบวชวัดโสม แต่เปลี่ยนใจมาบวชอยู่วัดเทพศิรินทร์แทน
ฮิตเลอร์มีที่ปรึกษาเป็นโหร แม้ทุกวันนี้ผู้บริหาร ผู้ใหญ่หลายคนก็มีที่ปรึกษาเป็นโหร แน่นอนว่า
เขาใช้ศาสตร์ด้วยปัญญามีเหตุมีผลเป็นแนวทางประกอบการพิจารณาวิเคราะห์สถานการณ์และตัดสินใจ
ไม่ใช่มุ่งขอหวยขอโชคอะไรที่ไม่แน่นอน คนมีปัญญาน้อยจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ศาสตร์แห่งโหร แต่ละสายวิชา มีความเด่นความจริงในตัวมันเอง
อยู่ที่ผู้นำไปใช้ ตามจริตนิสัยและสติปัญญา ซึ่งคาบเกี่ยวกับการหลง และความเชื่อที่เป็นเชื้อกิเลสตัณหาความอยากต่างๆได้
แม้ศีลสมาธิสติยังมีทั้งสัมมาทิฐิ และมิจฉาทิฐิ คือทำให้ลดโลภโกรธหลงกิเลสตัณหาราคะ และเพิ่ม !
มีสายดำ สายขาว และมีหลายระดับอ่อนแก่เข้มกลางเสมือนกาแฟ
ศาสตร์แห่งโหร จึงเป็นได้ในแนวทางที่ปรึกษาเยียวยาใจให้มีความหวัง อย่างมีหลักเพราะดวงดาวมีช่วงเวลาเดินทางสะท้อนถึงช่วงเวลาสุขทุกข์สะดวกราบรื่นหรือมีแต่อุปสรรคขวางกั้น
เราจึงต้องอดทนได้รอคอยได้ เพราะทุกสรรพสิ่งไม่เที่ยง ผันแปรไปตามเหตุปัจจัย ตามผลบุญ และบาปที่ได้จังหวะส่งผล
การเสริมดวงแก้กรรมขอโชคลาภทำกันมากตามกระแสความเชื่อ หลายคนสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
หลายคนที่ได้ผลเพราะเป็นจังหวะที่บุญส่งผลพอดี และกำลังใจจากความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ
เราจึงไม่ค่อยนึกถึงบุญที่เราเคยสั่งสมมา เพราะเราไม่รู้ไม่เข้าใจเรื่องภพชาติบุญบาปที่มีจริงมากพอ
เราจับต้องสัมผัสสิ่งที่เป็นรูปธรรมง่ายกว่า เป็นที่ระลึกถึงได้ง่ายกว่าเท่านั้นเอง และถ้าท่านช่วยได้ก็คงช่วยให้บุญที่เราเคยทำมาส่งผลได้สะดวกขึ้น
แต่ถ้าเราไม่เคยทำมา หรือทำมาน้อย หรือบุญนั้นยังไม่ถึงเวลา ยังอยู่ไกลก็ต้องรอต่อไป ไม่เหมือนบุญที่กำลังมาถึงแค่ติดไฟแดง
พอไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านเห็นว่ามีบุญเก่าอยู่แล้วท่านก็แค่เร่งไฟแดงให้เป็นไฟเหลืองและเขียวเร็วขึ้นเท่านั้นเอง
ถ้าบุญเก่ายังไม่ได้จังหวะ ก็ยากที่ท่านจะช่วยเราท่สนคงไปช่วยคนอื่นที่กำลังมาจ่อแยกไฟแดงแล้วไม่ดีกว่าหรือ
หลายคนจึงไม่ได้โชคตามที่ขอ เหมือนคนอื่น
สุดท้ายกฎแห่งดวงดาว กฎแห่งพิธีกรรมความเชื่อต่างๆล้วนต้องอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมทั้งสิ้น
และ...สิ่งที่เราไปทำไปขออะไรก็ดี ถ้าไปฝืนวาสนามากเข้าต้องระวังเพราะเสมือนเราไปเอาโชควาสนาล่วงหน้ามาใช้ก่อน
ถ้าสิ่งที่ได้มานั้นไม่ว่ารูปลักษณ์นรลักษณ์
หรือการปรับโหงวเฮ้ง เหล่านี้เหมือนเราไปเร่งวาสนารูดบัตรเครดิตเอาเงินล่วงหน้ามาใช้ ย่อมต้องคืนทั้งต้นและดอก เป็นธรรมดา
ในทางโหงวเฮ้ง เราจะเจอคำว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ คือเราจะดูแต่หน้าไม่ได้ โหงวเฮ้งภายในเราต้องสังเกตด้วยโดยจะสะท้อนออกมาทางแววตาและท่าทางการเดิน โดยเราจะต้องแอบมองจึงจะเห็นลักษณะดังกล่าว
การปรับแก้จึงต้องแก้ที่โหงวเฮ้งภายใน คือ แก้ที่ "จิต"
ปรับนิสัย คิดดี ทำดี ให้อภัย มีเมตตา มีสติ หมั่นบำเพ็ญทานศีลภาวนา จิต เปลี่ยน แววตา การเดิน ราศีขี่เส็ก จะเปลี่ยน นี่คือหัวใจ !
แม้แต่ลายมือ ก็เช่นกันถูกกำหนดไว้แล้ว การแก้ คิดเองเออเองไม่ได้ต้องมีสติ มีเหตุมีผล และอย่าลืมเร่งวาสนาโกงความตายล้วนมีค่าใช้จ่าย
การบนบานขอความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือจากการใช้อาถรรพ์วิชา รูปเคารพ ยันต์และมนตรา
ต้องระวังการไปทำบาปในรูปแบบต่างๆ อันจะส่งผลต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครู ฤษี ในสายวิชาที่เราเคารพ เพราะท่านก็จะลงโทษเราในรูปแบบต่างๆเช่นกัน
ในทางกลับกันไม่เพียงแต่ต้องไม่ทำบาปแล้วยังต้องบำเพ็ญทานศีลภาวนาอันจะส่งบุญถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครูปู่ฤษีที่เราไปขอความช่วยเหลือให้มากพออีกด้วย
ของฟรีไม่เคยมีในมิติของกรรม แม้ว่าท่านเลี้ยงข้าวใครด้วยความเต็มใจเพียงข้าวเมล็ดเดียวเขาคนนั้นก็ต้องชดใช้ท่านในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งชาติใดชาติหนึ่ง
ดังนั้นสายมู สายขอโชคขอลาภ ต้องตระหนักให้มาก หายนะ ทุกข์ทรมานเจอกันมากในบั้นปลาย
เพียงเพราะดูแคลนหลงลืมสิ่งไม่มีตัวตน ขอโชคลาภเร่งวาสนาตนเอง พอได้พอสมหวังแล้ว
แต่ไม่ได้กตัญญูด้วยการสร้างความดี บำเพ็ญทานศีลภาวนาส่งบุญให้ท่าน
เอาความสำเร็จโชคลาภที่ขอไปแล้ว ไปสร้างบาปกรรมในรูปแบบต่างๆ
โลกนี้ไม่มีใครได้อะไรง่ายๆ ทางลัดสู่สวรรค์ไม่เคยมี
อัตตาหิ อัตตโนนาโถ
ตนเท่านั้นเป็นที่พึ่งแห่งตนอย่างแท้จริง
โทษ คือ
1.การไปติดข้อง ไปหลงเชื่อจนจิตไปติดกับคำทำนายมากเกินไป เหมือนไปสะกดตัวเองให้เป็นแบบนี้น ซึ่งดีก็มีร้ายก็มี คนที่สติอ่อน ขาดปัญญาที่จะพิจารณาอะไร จะส่งผลเสียมากกว่าดี
2.คนไม่มีหิริโอตัปปะไม่เกรงกลัวบาปกรรมแฝงเข้ามาหาประโยชน์กันง่าย
เราจึงเห็นมีการหลอกลวงต้มตุ๋นในหลายรูปแบบโดยมีการพยากรณ์เป็นเครื่องมือ
3.ทำให้เสียความมั่นใจ จิตตกมากถ้าไปเจอหมอดูที่มีเล่ห์เหลี่ยมมาก บางคนก็ใช้จิตวิทยาพูดจาแรงให้เรากลัว
แบบว่าเสียเงินให้มันมาดุเราด่าเราก็มี ขาดซึ่งความเป็นกัลยาณมิตร ไม่มีเมตตา หลงในวิชาหลงตนเองอีโก้จัด สร้างภาพเก่ง
4.เมื่อเราไปคาดหวังมากไป ทั้งที่เป็นเพียงการคาดการณ์อนาคต ซึ่งอาจจริงไม่จริงก็ได้ ควรดูเป็นแนวเท่านั้น
เสมือนเราอยู่ในที่มืดมองอะไรไม่เห็น แค่มีตะเกียงส่องทางให้เห็นบ้างจะได้เดินสะดวก ไม่ไปเหยียบงูเงี้ยวเขี้ยวขอ ก็ดีมากแล้ว
ถ้าเห็นหมดสว่างจ้า เราคงไม่กล้าทำอะไรแล้ว อีกอย่างฟ้าคงไม่ให้เรารู้ทุกเรื่องแน่นอน
การคาดหวังมากไปก็เป็นโทษ แค่ได้ภาพร่างแผนที่ให้เราเดินไม่หลงทางก็น่าจะดีกว่าไม่มีเลย
บางศาสนาจึงไม่ให้ดูดวงหรือไปเกี่ยวข้องกับศาสตร์พยากรณ์พิธีกรรมความเชื่อ ก็น่าจะข้อที่เป็นโทษนี่แหละเป็นสาเหตุ
ทางพุทธเราถือทางพ้นทุกข์การลดละกิเลสตัณหาได้เป็นตัวตัดสิน
แม้ศีล สมาธิ ถ้าเป็นมิจฉาทิฐิ คือไม่ได้ลดกิเลสตัณหาโลภโกรธหลง ก็ไม่พ้นทุกข์ มีแต่เพิ่มกำลังให้กิเลส
ตัวศาสตร์ ไม่ได้มีปัญหา เป็นเพียงเครื่องมือ เป็นความฉลาด การสังเกต การศึกษา การเก็บสถิติ ของมนุษย์เท่านั้น
ตัวผู้ใช้ ผู้เชื่อ น่าจะมีนัยยะมากกว่าว่าได้ประโยชน์ หรือเสียประโยชน์
ผู้ใช้วิชาผู้ให้คำพยากรณ์ จะสร้างสรรค์ให้มีประโยชน์หรือโทษก็ได้
ผู้เชื่อผู้ที่มาปรึกษาพูดคุย จะนำไปเป็นแนวทางเสมือนตะเกียงในที่มืด หรือจะติดข้องหลงเชื่อ ก็เป็นทั้งประโยชน์หรือโทษก็ได้เช่นกัน
สรุป
มีประโยชน์มาก ถ้ามีสติปัญญารู้จักใช้ จะเข้าใจโลกและชีวิตมากขึ้น เข้าใจเรื่องกรรมในทางศาสนามากขึ้น
เห็นวิถีครรลองชีวิตแต่ละคนผ่านดวงดาว หรือลายมือ ที่สะท้อนถึงผลบุญบาปที่เคยทำมา
เห็นได้ว่าหลักๆเรามิอาจฝืนชะตาได้ เราต่างถูกกำหนดไว้แล้ว ทุกคนมีเรื่องราว มีจิ๊กซอว์ที่กำหนดไว้ เฉกเช่น
อิทัปปัจยตา
เมื่อมีเหตุก็ต้องมีผล เมื่อมีสิ่งนี้ๆเป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆย่อมเกิดขึ้น อันเป็นคำย่อของ ปฏิจจสมุปบาทนั่นเอง
สติ ที่มีกำลัง จะหาโอกาสสร้างบุญทำความดีมากกว่าไปสร้างบาปกรรมใดๆ
ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่ได้ทำให้เข้าใจโลกเข้าใจชีวิตเข้าใจถึงเรื่อง "กรรม" ไม่เข้าใจว่า ชีวิตมีความไม่แน่นอน ไม่นำสิ่งที่รู้มาเตือนสติ มาใช้ประโยชน์
บางคนไม่รู้ว่า
ตนคิดกังวลเครียดง่าย ต้องมีสติอย่าเยอะไปทุกเรื่อง
ตนอาภัพเรื่องคู่ ต้องใช้สมองมากกว่าจิตอารมณ์ ต้องรักตัวเองให้มากก่อน คบใครต้องดูว่ามีประโยชน์หรือมีโทษ และต้องหมั่นสร้างความดี เอาความดีผูกสัมพันธ์ ไม่เอาแต่กินเที่ยวสุขสนุกเพราะอายุรักมักจะไม่ยืนนาน
ตนขี้เกียจ ต้องหาแรงบันดาลใจให้สู้ให้ขยัน ต้องหาเป้าให้เจอ แล้ววิ่งชนให้จบเป็นเป้าๆไป
ตนมีจิตใจที่อ่อนแอ สะเทือนใจได้ง่าย ก็ต้องหมั่นสวดมนต์นั่งสมาธิให้จิตเข้มแข็ง คบสัตบุรุษ หาเพื่อนที่มีความเป็นกัลยาณมิตร
ตนติดบันเทิงแสงสีติดเพื่อน ก็ต้องหมั่นไปโรงพยาบาลไปวัด ไปเห็นคนเจ็บคนตายให้ใจหดหู่บ้าง และช้าเร็วเราต้องมาแน่ จะได้ไม่หลงระเริงมากไป
ตนโทสะร้ายโกรธง่ายใจร้อน จะเสียประโยชน์เสียโอกาสดีๆ ก็ต้องมีสติ สติจะมีกำลังก็ต้องหมั่น ภาวนา การภาวนาให้ได้ผลก็ต้องมีทาน มีศีล ค้ำชู
เหล่านี้ ถ้าเรารู้ได้ก่อนจากศาสตร์พยากรณ์ ไม่ว่าโหราศาสตร์ หรือลายมือ
ย่อม มีประโยชน์แน่นอน
รู้จักตัวเอง เตือนตนเองได้ โฟกัสระวังที่จุดอ่อน เช่น ดาวอังคารเสีย ขี้เกียจ ขี้ขลาดไหม ต้องสู้ต้องขยันให้มากใช่ไหม ตนุเศษเป็นเสาร์ คิดมากเครียดวิตกกังวลมากไปไหม ต้องรู้จักผ่อนคลาย มีสติ ปล่อยวาง อดทน รอคอยได้ใช่ไหม ฯลฯ
ส่งเสริมสนับสนุนจุดแข็งให้โดดเด่น
ดาวพฤหัสดีไหม ดีก็มีคุณธรรมสูง ดาวพุธเด่นไหม เด่นแสดงว่ามีหัวธุรกิจ เจราจามีวาทะศิลป์นี่ รู้สึกไหม รู้สึก ก็พัฒนาต่อยอด ฯลฯ
พื้นดวงชะตา และลายมือล้วนบอกไว้ ใครก็รู้ว่ามีประโยชน์ ถ้าสนใจนำมาใช้
อาจารย์เสถียร โพธินันทะ
พุทธาคม กับไสยเวทย์
การเวียนว่ายตายเกิด
พระอริยะบุคคล ยังมีอยู่ในโลกหรือไม่
สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น
นรกสวรรค์มีจริงไหม
ตอบปัญหาเรื่องทรงเจ้า
โฆษณา