Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Narnia
•
ติดตาม
30 เม.ย. 2023 เวลา 14:00 • ความงาม
บริษัท ตะวันเดือน อินเตอร์ เกรท จำกัด
#กระบวนการผลัดเซลล์ผิวเก่า
กลไกธรรมชาติ
เพื่อเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่าเดิม
กระบวนการผลัดเซลล์ผิวเป็นกลไกตามธรรมชาติของเซลล์ผิวอยู่แล้ว เมื่อเซลล์เก่าหมดอายุขัยก็จะหลุดออกเผยเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้เซลล์ผิวของเราผลัดตัวช้าลง หรือผลัดตัวได้ไม่ดี จึงเกิดเป็นปัญหาผิวต่าง ๆ ตามมา เป็นต้นว่าปัญหาความหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ รวมไปถึงสิวอุดตัน ทางออกของปัญหาเหล่านี้ก็คือการเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งวันนี้เราจะอาสาพาทุกคนไปรู้จักกระบวนการนี้กันให้มากขึ้นว่าเป็นยังไง ทำแบบไหน แล้วอันตรายหรือมีผลข้างเคียงไหม ถ้าอยากรู้แล้วก็อย่ารอช้ามาหาคำตอบพร้อมกันได้ในบทความนี้
#ทำไมต้องมีการผลัดเซลล์ผิว
เซลล์ผิวก็เหมือนกับเซลล์อื่น ๆ
ในร่างกายที่มีวงจรและวัฏจักรเป็นของตัวเอง
หรือที่เรียกว่า skin cell turnover จะมีการสร้างเซลล์ผิวใหม่มาทดแทนของเก่าที่เสื่อมสภาพไปอยู่เรื่อย ๆ
โดยธรรมชาติแล้วเซลล์ผิวของเราจะมีอายุ 28 วัน หรือประมาณเดือนหนึ่งก็จะผลัดหลุดออกไปแล้วสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งกระบวนการนี้เป็นการซ่อมแซมตัวเองของผิว เพราะผิวของเราที่แก่ชราลงจากมลภาวะ ฝุ่น สารเคมี แสงแดด ฯลฯ
ถือเป็นผิวที่หมดอายุขัยและเสื่อมสภาพไม่สามารถฟังก์ชั่นได้อีกต่อไป ร่างกายจึงสร้างเซลล์ผิวใหม่ออกมานั่นเอง ซึ่งถ้ากลไกการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติทำงานสมดุลและได้ประสิทธิภาพก็จะทำให้เรามีผิวที่สวยเนียนกระชับอยู่ตลอดเวลา
#กลไกการผลัดเซลล์ผิว
ตามธรรมชาติโครงสร้างผิวของเราจะแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ได้แก่ ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งบริเวณที่เกิดกระบวนการผลัดเซลล์ผิวนั้น 80% เลยอยู่ที่ชั้นหนังกำพร้า เซลล์ผิวเก่าที่หลุดออกมาเป็นสิ่งที่เราเรียกกันว่าขี้ไคลนั่นเอง
กลไกการผลัดเซลล์ผิวของเราเริ่มจากเซลล์ผิวถูกผลิตออกมาจากใต้ชั้นผิวแล้วค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกมาทับทมกันบนชั้นหนังกำพร้า
ระหว่างนั้นเซลล์ผิวก็จะสะสมเคราตินไว้จำนวนมากจนเกิดความแข็งกระด้าง เซลล์เหล่านี้จะมีโครงสร้างที่ชื่อว่าคอร์นีโอเดสโมโซม (corneodesmosome)
ทำหน้าที่เป็นสะพานคอยยึดจับเซลล์ให้เกาะติดกัน เมื่อเซลล์หมดอายุขัยเอนไซม์ตามธรรมชาติในชั้นผิวจะออกมาสลายโครงสร้างสะพานเหล่านี้ ส่งผลให้เซลล์ผิวหลุดออกไป เซลล์ผิวใหม่ที่อวบอิ่มและอ่อนเยาว์กว่าจากด้านล่างก็จะขึ้นมาแทนที่เป็นวัฏจักรแบบนี้
ปัจจัยที่ทำให้การผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติชะงัก
กลไกการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาตินั้นสามารถถูกรบกวนได้ ซึ่งจะทำให้การผลัดเซลล์ผิวเกิดได้ช้าขึ้น ผลที่ตามมาก็คือเซลล์ผิวเก่าสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก เกิดเป็นปัญหาความหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ กระ ฝ้า และจุดด่างดำ ยิ่งถ้าเซลล์ผิวสะสมตัวนาน ๆ ก็จะกลายเป็นแหล่งหมักหมมของเชื้อแบคทีเรีย ผลที่จะตามมากก็คือปัญหาสิวต่าง ๆ
ปัจจัยแรกที่ทำให้เซลล์ผิวผลัดตัวช้าลงก็คือเซลล์ผิวเสื่อมสภาพและหมดอายุขัยเร็วกว่าปกติ ลองจินตนาการดูว่าระหว่างที่เซลล์ผิวใหม่ค่อย ๆ สร้างและเคลื่อนตัวขึ้นมาด้านบนชั้นผิวเกิดการเสื่อมสภาพลง ขณะที่เซลล์ผิวเก่ายังไม่ทันได้ผลัด จึงทำให้มีเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพทับทมกันจำนวนมาก ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เซลล์ผิวของเราเสื่อมสภาพไวก็มีสาเหตุหลัก ๆ แบ่งได้จากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก
ปัจจัยภายใน
อายุ
เมื่อเราอายุมากขึ้นเซลล์ในร่างกายของเราก็จะเสื่อมสภาพลงตามธรรมชาติ เซลล์ผิวก็เช่นกัน พอเซลล์ผิวเสื่อมสภาพก็จะทำให้อัตราการสร้างเซลล์ผิวใหม่ลดน้อยลง จนทำให้เซลล์ผิวผลัดตัวเองช้าลงหรือไม่ผลัดเลย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สภาพผิวของคนมีอายุจะมีความหยาบกร้าน สาก ไม่ชุ่มชื้น ต่างจากผิวของเด็กอายุน้อย ๆ
โดยอัตราระยะเวลาการผลัดเซลล์ผิวแบ่งตามช่วงอายุได้ ดังนี้ ในเด็กเล็กใช้เวลาประมาณ 14 วัน ช่วงอายุ 10-19 ปี จะใช้เวลาประมาณ 14-28 วัน วัย 20-29 ปีจะใช้เวลาประมาณ 14-30 วัน ช่วงวัย 30-39 ปีจะใช้เวลาประมาณ 30-42 วัน วัย 40-49 ปีจะใช้เวลาประมาณ 30-42 วัน และช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไปจะใช้เวลาประมาณ 45-84 วัน
ทั้งนี้ ก็เพราะว่าในเซลล์ผิวของคนมีอายุจะมีเอนไซม์ MMPs ในชั้นผิวมาก ซึ่งจะย่อยคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ต่างจากคนอายุน้อยที่จะมีเอนไซม์ TIMPs ที่ทำหน้าที่ยับยั้งเอนไซม์ MMPs ออกมามากกว่าคนมีอายุ จึงทำให้เซลล์ผิวแบ่งตัวและผลิตเซลล์ใหม่ออกมาทดแทนเซลล์ผิวเก่าได้ดี ทำให้กลไกการผลัดเซลล์ผิวเป็นไปอย่างสมดุล
ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน
ฮอร์โมนเอสโตรเจนส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของผิว เพราะเอสโตรเจนจะไปเพิ่ม transforming growth factor beta (TGF- β) ที่จะไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้กระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวเป็นไปอย่างธรรมชาติไม่ชะงัก สังเกตจากผิวของผู้หญิงจะเนียนใสและหยาบกร้านกว่าผิวของผู้ชาย หรือผิวของผู้หญิงวัยทองที่ขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนก็จะหยาบกร้าน หย่อนคล้อย และผลัดเซลล์ผิวได้ช้ากว่า
ปัจจัยภายนอก
แสงแดด
แสงแดดถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพเร็วก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการผลัดเซลล์ผิว เพราะรังสียูวีในแสงแดดจะทะลุทะลวงเข้าไปกระตุ้นเอนไซม์ MMPs ให้หลั่งออกมามากกว่าปกติ คอลลาเจนใต้ชั้นผิวก็จะถูกทำลายลง เซลล์ผิวใหม่ก็จะถูกผลิตออกมาได้น้อยลง พอไม่มีเซลล์ผิวใหม่มาทนแทนก็จะทำให้เซลล์ผิวเก่าผลัดช้าลง
สารอนุมูลอิสระ
อนุมูลอิสระที่พบมาทั้งในมลภาวะรอบ ๆ ตัว รวมไปถึงอาหารการกินที่เรารับประทานเข้าไป โดยมลภาวะจะเข้าทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ ในเซลล์ผิว พร้อมกับก่อกวนกลไกต่าง ๆ ทำให้เซลล์ไม่สามารถฟังก์ชั่นได้ตามปกติ เซลล์ผิวใหม่ก็ผลิตออกมาได้น้อยลง ผลที่ตามมาก็คือเซลล์ผิวเสื่อมสภาพก่อนที่จะถูกผลัดออกไปได้ทัน
ผิวขาดความชุ่มชื้น
ปัญหาผิวขาดน้ำและผิวขาดความชุ่มชื้นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้กระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวหยุดชะงัก เพราะจะทำให้เซลล์ผิวแห้งกร้าน และผลัดตัวได้ช้าลง เนื่องจากผิวขาดน้ำหล่อเลี้ยง เซลล์ผิวใหม่ก็แบ่งตัวออกมาช้า เซลล์ผิวเก่าก็แห้งกร้าน
การเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว
แน่นอนว่าการผลัดเซลล์ผิวเป็นกลไกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ก็สามารถหยุดชะงักลงได้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงต้องมีการเร่งกระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวเพื่อช่วยกระตุ้นให้การผลัดเซลล์ผิวมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยกระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย