1 พ.ค. 2023 เวลา 03:31 • ประวัติศาสตร์

หลักฐานชี้ ชนชั้นอีลีทของมองโกลโบราณดื่มนมจามรีมากว่า 800 ปี

นอกจากชนเผ่าทิเบตแล้ว มองโกลเป็นอีกกลุ่มที่เลี้ยงจามรีเพื่อการใช้งานและเพื่อบริโภคผลิตภัณฑ์จากนมของจามรี หลักฐานจากมัมมี่ที่พบหลังจากชั้นดินเยือกแข็งเกิดการละลายสามารถทำให้สืบค้นเกี่ยวกับอาหารการกินของชาวมองโกลโบราณ และเป็นครั้งแรกที่พบหลักฐานทางโบราณคดีของการบริโภคน้ำนมจามรีโดยตรงจากสุสานที่มีอายุราวคริสต์ศตวรรษที่ 13
ISTOCK, OOKPIKS via Lab Manager
การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศโลกซึ่งอบอุ่นขึ้นส่งผลถึงชั้นดินเยือกแข็งถาวร (Permafrost) ในพื้นที่หนาวเย็นเกิดการสลายตัว ทำให้มีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์มากมายที่โผล่กันขึ้นมาจากผืนน้ำแข็งที่ละลายออก ในที่ราบสูงมองโกเลียปรากฏแหล่งโบราณคดีประเภทสุสานหลายแห่ง หลักฐานทั้งโบราณวัตถุกับอินทรียวัตถุยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อันเนื่องด้วยสภาพอากาศที่หนาวจัดช่วยรักษาสภาพเอาไว้ เกิดเป็นมัมมี่ด้วยกระบวนการทางธรรมชาติ
บริบทในปัจจุบันทำให้เราเห็นว่าการเลี้ยงจามรีในชนเผ่าพื้นที่สูงใช้เป็นทั้งพาหนะ เครื่องทุ่นแรงของเกษตรกร ขนยังนำมาทำเส้นใยผ้า เนื้อและน้ำนมนำมาบริโภค โดยเฉพาะน้ำนมยังสามารถแปรรูปทำชีสและเนยได้เป็นอย่างดีเพราะมีไขมันสูง ส่วนมูลตากแห้งของจามรีใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนทรัพยากรไม้ที่มีอย่างจำกัด
Yak | © Dennis Jarvis/WikiCommons
จามรีสามารถทนความหนาวเย็นได้ถึง -40 c° สามารถบริโภคหิมะและน้ำแข็งแทนน้ำ มีความสามารถในการคุ้ยหาพืชอาหารภายใต้ชั้นหิมะได้เป็นอย่างดี กล่าวได้ว่าจามรีนั้นเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีคุณประโยชน์สูง เหมาะสำหรับพื้นที่สภาพอากาศเลวร้ายและทรัพยากรมีจำกัด
ชนเผ่าเร่ร่อนเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่สูงจึงนิยมทำปศุสัตว์จามรีไปพร้อมกับสัตว์ชนิดอื่นๆ ทิเบตเป็นพื้นที่ที่มีหลักฐานของการเลี้ยงจามรีย้อนไปไกลถึง 3000 ปีก่อนคริสตกาล ก่อนที่จะกระจายตัวไปยังมองโกเลีย เส้นทางหลักคือจากทางตะวันออกของที่ราบสูงทิเบตข้ามเทือกเขาปามีร์ (Pamir) ไปทางตะวันตกกับอีกทางขึ้นเหนือผ่านเทือกเขาอัลไต (Altai) และขานไก (Khangai Mountains) ของมองโกเลีย
แผนที่การกระจายของจามรีสู่พื้นที่มองโกเลีย Photo from www.nature.com
ตามข้อมูลเดิมที่มีทำให้ทราบว่ามองโกลมีการบริโภคน้ำนมจามรีมานานกว่า 5,000 ปี แต่ไม่เคยตรวจพบร่องรอยจากหลักฐานทางโบราณคดีอย่างชัดเจนมาก่อน เคยมีการพบชิ้นส่วนกะโหลกของจามรี ทว่าก็ยังเป็นนิเวศวัตถุที่ไม่อาจตีความได้ว่าจามรีที่พบนั้นชาวมองโกลนำมาใช้ประโยชน์อย่างไร สอดคล้องกับการบริโภคด้วยหรือไม่
การค้นพบสุสานชนชั้นสูงในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งยังมีร่างมัมมี่ 11 ร่าง ถูกฝังพร้อมข้าวของเครื่องใช้หรูหราทั้งหนังสัตว์ ผ้าไหม และทองคำ แช่แข็งด้วยความเย็นมากว่า 800 ปีมาแล้วเป็นหลักฐานชั้นดีที่ยังสามารถนำตัวอย่างมาตรวจพิสูจน์หาธาตุอาหารที่มนุษย์ในอดีตบริโภคอย่างเป็นประจำขณะมีชีวิตได้
ตัวอย่างที่นำมาศึกษาได้มาจากหลุมศพชนชั้นสูงบริเวณภูเขาในพื้นที่จังหวัดฮุฟสกุล (Khovsgol) ตอนเหนือของประเทศติดพรมแดนรัสเซีย สุสานแห่งนี้ถูกเรียกว่า “เขตต้องห้าม” หรือ “โคริค” (Khorig) เป็นหนึ่งในบรรดาสุสานหลายแห่งที่ประสบปัญหาของการลักลอบขุดทำลาย
สุสานโบราณในมองโกเลียบางแห่งเดิมถูกฝังภายในชั้นดินเยือกแข็งตลอดทั้งปี เมื่ออุณหภูมิโลกสูงขึ้น ชั้นดินเยือกแข็งจึงเกิดการสลายตัว หลุมศพจึงโผล่ออกมาล่อตานักล่าสมบัติจนทำให้สุสานหลายแห่งถูกปล้นขุดเพื่อนำสิ่งของไปขาย โบราณวัตถุที่เหลืออยู่จึงเป็นสินค้าไม่ได้ราคาในตลาดค้าวัตถุโบราณ ส่วนซากศพก็ถูกทิ้งให้กระจัดกระจายเสียหาย
สองปัจจัยดังกล่าวล้วนยิ่งเร่งการเสื่อมสภาพของแหล่งโบราณคดีให้รวดเร็วและมากขึ้น นักโบราณคดีจึงต้องทำงานแข่งกับเวลา โดยนับแต่ช่วงปี 2017-2019 มีการกู้สุสานกว่า 70 แห่ง และยังคงต้องดำเนินการกันอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว
Location of the elite cemeteries of Khorig I and Khorig II (identified here as Khorig) in relation to other Mongol-era burials (elite and non-elite) in Mongolia.Photo from www.nature.com
หลักฐานจากการขุดค้นหลุมฝังศพกับที่อยู่อาศัยแสดงให้เห็นว่าตั้งแต่ยุคสำริดตอนปลาย สัตว์เลี้ยงหลักที่เห็นในมองโกเลียปัจจุบันได้แพร่หลายในหมู่ประชากรมนุษย์แล้ว และถือเป็นจุดเริ่มต้นการบริโภคผลิตภัณฑ์จากนม รวมกับข้อมูลใหม่ที่ได้จากมัมมี่ที่ฮุฟสกุลทำให้ยิ่งชัดเจนว่าชนเผ่ามองโกลบริโภคนมเป็นประจำมาอย่างยาวนาน
ในการศึกษาพฤติกรรมบริโภคครั้งนี้ นักวิจัยได้นำเอาคราบหินปูน (Dental calculus) จากฟันของมัมมี่มาศึกษาด้วยกระบวนการพาลิโอโปรทิโอมิค (Paleoproteomic) คือการวิจัยโปรตีนโบราณ พบว่าในจำนวนตัวอย่างจากมัมมี่ 11 ร่าง พบว่ามีร่องรอยของโปรตีนที่บริโภคเข้าไปเป็นประจำ โดยโปรตีนที่พบมาจากเลือดและน้ำนมของสัตว์เคี้ยวเอื้องหลากชนิดรวมถึงม้ากับจามรี
ตัวอย่างเครื่องแต่งกายสตรีชั้นสูงชาวมองโกเลียโบราณ จาก National Museum of Mongolia, Ulaanbaatar. Photo : Gary Todd from Xinzheng, China, CC0, via Wikimedia Commons
การค้นพบสำคัญในหลุมฝังศพยังมีโบราณวัตถุหรูหราที่แสดงถึงฐานะของชนชั้นนำ เช่นร่างของสตรีชั้นสูงที่ถูกฝังโดยสวมเครื่องประดับศีรษะเรียกว่าบ็อกต็อก (Bogtog) มีเสื้อคลุมผ้าไหมยาวประดับลายมังกร 5 เล็บ มัมมี่สตรีดังกล่าวเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ถูกนำเอาคราบหินปูนไปศึกษา ซึ่งพบว่ามีการบริโภคน้ำนมจามรีในระหว่างที่มีชีวิตเป็นประจำต่อเนื่อง กล่าวได้ว่าความนิยมในการดื่มนมจามรีเป็นรสนิยมที่ปฏิบัติกันในหมู่ผู้นำชาวมองโกลมานานแล้ว
ตัวอย่างผ้าไหมที่พบจากบรรดาสุสานอายุ 800 ปี Photo : Max Planck Institute of Geoanthropology
นอกจากการค้นพบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์และกำหนดช่วงเวลาของการดื่มนมจามรีในชาวมองโกลโบราณ สุสานแห่งนี้ยังมีการพบชิ้นส่วนรูปเคารพอย่างพระพุทธรูปทำจากทองคำ แสดงถึงอิทธิพลของศาสนาพุทธที่แพร่ไปจนถึงเหนือสุดของดินแดนติดกับประเทศรัสเซียอีกด้วย
ชิ้นส่วนเครื่องประดับทำจากทองคำเป็นพระพุทธรูปล้อมด้วยกลีบดอกบัว Image credit: J. Bayarsaikhan via IFLScience
References :
  • Ventresca Miller, A. R., Wilkin, S., Bayarsaikhan, J., Ramsøe, A., Clark, J., Byambadorj, B., Vanderwarf, S., Vanwezer, N., Haruda, A., Fernandes, R., Miller, B., & Boivin, N. (2023). Permafrost Preservation reveals proteomic evidence for yak milk consumption in the 13th century. Communications Biology, 6(1). https://doi.org/10.1038/s42003-023-04723-3
ช่องทางติดตามArchaeoGO
*ไม่อนุญาตให้คัดลอก (Copy) เนื้อหาและรูปภาพด้วยอาจติดปัญหาด้านลิขสิทธิ์ ถ้าชอบเนื้อหาสาระจากทางเพจ สามารถช่วยให้เรื่องราวของพวกเราไปไกลมากยิ่งขึ้นได้ง่ายๆ เพียงการแชร์ ฝากกดไลค์และติดตาม Archaeo GO เพื่อรับชมเนื้อหาใหม่ๆ เกี่ยวกับวัฒนธรรมและโบราณคดีไปกับเรา หรือเข้าชมบทความในรูปแบบเว็บไซต์ได้ทาง
โฆษณา