2 พ.ค. 2023 เวลา 21:02 • ท่องเที่ยว

#SpainDiary

Day 6: Granada
04.27.2023.03.30pm
มาเที่ยวสองคนดีไปอย่าง เพราะสามารถหารครึ่งในทุกกิจกรรม อย่างวันนี้มีแพลนตุ๊บที่กรานาด้า หะแรกกะนั่งรถทัวร์ชั้นหนึ่ง แต่ ร.ร. เสนอให้นั่งแท็กซี่เป็นภริยาท่านผู้ว่า ราคาแพงหน่อยแต่สะดวกสบายกว่ากันเยอะ
มะละกาห่างจากกรานาด้าประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เช็คอิน ร.ร. แล้วฝากกระเป๋าก่อนออกเดินสำรวจเมือง
ไฮไลต์ของทัวร์เมืองกระทิงดุอันดับสูงสุด คือ ชมพระราชวังอัลฮัมบรา (บางทีก็ออกเสียง อัลลัมบรา) ฐานที่มั่นสุดท้ายของมุสลิมบนคาบสมุทรไอบีเรียก่อนเสียเมืองแก่คิง/ควีนคริสต์เตียน
III>II2
คริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นช่วงสุดท้ายของ Reconquista หรือ กระบวนการขับไล่ศาสนิกหรือเจ้าฟ้าผู้นับถือศาสนาอื่น (อิสลามและยิว) ออกจากแผ่นทวีปโดยมหาราชาและมหารานีคาทอลิก (process นี้มีมาตั้งแต่ประมาณปี 720s)
ยิ่งสุลต่าน Mehmed the Conqueror ตี Constantinople แตกในปี 1453 แล้วเปลี่ยนโบสถ์ St Sophia เป็นมัสยิด, ชาวคริสต์คาทอลิกจึงสั่นระริกกลัวอิสลามแผ่อิทธิพลและอยากต่อสู้เพื่อรี-ประดิษฐานตั้งมั่นคริสต์ศาสนาให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
สองคนสำคัญในประวัติศาสตร์ คือ Isabella I แห่ง Castille กับ Ferdinand II แห่ง Aragon ที่แต่งงานกันในปี 1469 แล้วรวมสองนครรัฐ, Castile กับ Aragon, ให้เป็นนั่งร้าน หรือ ต้นกำเนิดประเทศสเปน
คู่ผัวหาบเมียคอนขับไล่สุลต่านมูฮัมหมัดที่ 13 หรือ โบแอ๊บดิล, Emir ของ Granada, รัฐอิสลามแห่งสุดท้าย นางทั้งคู่ขี่ม้าเข้าอัลฮัมบราพร้อมรับกุญแจเมืองจากสุลต่านในวันที่ 2 มกราคม 1492 ก่อนที่คุณโบแอ๊บดิลจะลี้ภัยไปโมร็อกโก
ตอนแรก, Isabella กับ Ferdinand มีพระราชโองการให้มุสลิมและยิวอยู่ต่อ และ สามารถนับถือศาสนาได้ตามตั้งใจ ทว่า, ไม่กี่เดือนต่อมา, นางเปลี่ยนใจ, สั่งขับไล่คนที่ไม่ใช่คาทอลิกออกจากคาบสมุทรภายในสามเดือน
มุสลิมหนีไปโมร็อกโกกับ Ottoman Empire และสุลต่านออตโตมันยังใจดีให้ยิวเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในอาณาจักร ยิวไอบีเรีย (Sephardic) จึงคนข้าวของไป Constantinople และ เมืองเอกในบอลข่านและรอบทะเลดำ
ฝั่งโปรตุเกส, เมื่อสถาปนาราชรัฐมั่นคงในสมัย John I แห่ง House of Aviz ตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14, ลูก ๆ ของนางได้ริเริ่มส่งเสริมการเดินเรือเพื่อ bypass เส้นทางการค้าเครื่องเทศที่ถูกอาณาจักรออตโตมันบล็อก
*(1) พ่อค้าเอาสินค้าจากเกาะเครื่องเทศในอุษาคเนย์ใส่สำเภามาอินเดียโดยเฉพาะฝั่งตะวันตกที่มีเมืองท่าขนาดใหญ่; (2) นักเดินเรืออาหรับซื้อสินค้าจากอุษาคเนย์และที่ผลิตจากชมพูทวีป ณ เมืองท่านั้นแล้วล่องเรือไปแอฟริกาตะวันออก, คาบสมุทรอาราเบีย, หรืออียิปต์ (ผ่านทะเลแดง); (3) ขาที่สาม (1+2) ไปรวมกัน ณ Alexandria และเมืองท่ารายรอบริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกก่อนส่งเข้ายุโรปผ่านเวนิสและเจนัว (เป็นสองนครรัฐหลักที่ทำการค้าขายทางเรือ)
นอกจากนี้, โปรตุเกสยังออกตามหา Prester John บูรพกษัตริย์คริสต์แห่ง “ตะวันออก” ที่เลื่องลือนาม (ไม่มีจริง เป็นแค่คำบอกเล่า) เพื่ออ้อนวอนให้ร่วมมือกำจัดอิสลาม เหมือนที่โคลัมบัสออกล่องเรือโดยหวังรี-เจริญสัมพันธไมตรีกับข่านมองโกลเพื่อเปิดเส้นทางเดินเรือค้าขาย เพราะทางบก, ทางสายไหม, โดนอาณาจักรออตโตมันบล็อกและขอให้ข่านช่วยกำจัดสุลต่าน (อันหลังเป็นทฤษฎี)
โปรตุเกสเน้นลงใต้ตามชายฝั่งแอฟริกาจน Bartolomeu Dias เจอแหลม Good Hope (1480s) และ Vasco da Gama อ้อมแหลม Good Hope ไปขึ้นท่าที่หมู่เมืองวัฒนธรรมสวาฮีลีของแอฟริกาตะวันออกแล้วโล้สำเภาตามลมมรสุมถึงอินเดีย
ฝั่งสเปนขอไปทางตะวันตก และเพื่อไม่ให้ทับไลน์กัน, ทั้งสองราชรัฐได้ขอ Pope Alexader VI ช่วยตีเส้นตรงพาดจากขั้วโลกเหนือลงขั้วโลกใต้ห่างจากหมู่เกาะ Cape Verde มาทางตะวันตก 370 league (ไม่รู้เท่ากับเท่าไรในระบบเมตริก) และการันตีว่าแผ่นดินตะวันออกทั้งหมด (หากเจอ) ของเส้นนี้ต้องตกเป็นของโปรตุเกส ส่วนสเปนเอาฝั่งตะวันตกไป (Treaty of Tordesillas; ลงนาม 7 มิถุนายน 1494)
อนึ่ง, เส้นตั้งตัดกลางประเทศบราซิลเพราะเหตุนี้บราซิลจึงตกเป็นของโปรตุเกสและเป็นประเทศในลาตินอเมริกาที่พูดภาษาโปรตุเกสไม่ใช่สเปน (ทั้งสองภาษาวิวัฒนาการจากภาษาละติน)
Isabella กับ Ferdinand มีลูกหลายคน คนดัง ๆ คือ Catherine of Aragon กับ Joanna; คนแรกหมั้นหมายกับเจ้าชาย Arthur ทรงกรม Wales แห่งเกาะบริเตนใหญ่ บังเอิญนางตาย, คิง Henry ที่ 7 จึงให้แต่งงานกับลูกชายคนรอง หรือ คิง Henry ที่ 8 มีลูกด้วยกัน คือ Mary ผู้ได้เป็นควีนหลัง Henry ที่ 8 ตุย
คนหลัง, Joanna, แต่งงานกับลูกชายเจ้า Habsburg (Maximillian I) แห่งยุโรปกลาง
แมกซ์วันผู้เป็น The Holy Roman Emperor อีกหนึ่งตำแหน่ง, วิวาห์กับเจ้าหญิงเบอร์กันดี สมัยนู้นผู้หญิงที่แต่งงานต้องให้ dowry ผู้ชาย แคว้นเบอร์กันดีที่ also คุม Low Country หรือ ต่ำกว่าทะเล (nether + lands): Be-Ne-Lux ถูกผนวกเข้าอาณาจักร คู่นี้มีลูกชื่อ Philip the Handsome กับ Margaret of Austria (Philip สุดหล่อเป็นสามี Joanna)
Philip + Joanna = Charles และ Ferdinand; หลังลูกเกิด, Philip ตุย, Joanna เป็นบ้า, ป้า คือ Margaret of Austria รับเอาสองคนไปอุปถัมภ์ที่ Netherlands (แมกซ์วันให้นางไปเป็นผู้ว่าฯที่เขตเมืองต่ำ)
Margaret มีดวงกินผัว ถ้าจำไม่ผิด, นางแต่งงานสามครั้ง แต่ผัวตายทั้งหมด Charles ได้รับการกรูมมิ่งเพราะคือตัวแทนของ House of Habsburg กับ House of Castile/Aragon โดยมีติวเตอร์สอนสรรพศาสตร์เป็นชาวดัชต์
เมื่อปู่ย่าตายาย (แม็กซ์วัน, แมรี่แห่งเบอร์กันดี, เฟอร์ดี้, และนางอิสา) ของ Charles ตาย นางจึงได้รับมรดกอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่จากทั้งสองสาแหรก
Charles (และ เฟอร์ดี้ น้องชาย) ไม่รู้ภาษาสเปนเพราะอยู่เมืองดัชต์ตั้งแต่เด็ก ทว่า, เจ้านาย Castile (Castile + Aragon = Castile; เหมือน ปิง รวมกับ วัง เป็น ปิง) ก็โอเคให้ครองเมือง Charles ยังได้รับเลือกเป็น The Holy Roman Emperor ต่อจากปู่อีกหนึ่งยศ
และเพื่อตอบแทนคุณครูที่สั่งสอน, Charles จึงดันให้นางเป็นพระสันตปาปา Adrian ที่ 4 และเป็นดัชต์เชี่ยนคนเดียวที่เป็นโป๊ปในประวัติศาสตร์
III>II2
กลางเมืองเก่ามี Royal Chapel ฝังศพของนางอิสา, เฟอร์ดี้, โจแอนนา (The Mad), และ Philip สุดหล่อ
มี DNA ของทั้งสี่คนจริงหรือไม่ ไม่รู้ แต่ขนลุกซู่เมื่อเห็นโลงของเจ้าทั้งสี่ สำหรับฉันผู้ชอบประวัติศาสตร์ มันคือความสำเร็จ (achivement) ขนาดใหญ่ที่ได้เจอร่องรอยอดีต
โฆษณา