3 พ.ค. 2023 เวลา 12:43 • การศึกษา
ข้อมูลที่ผมพอจะมีเป็นข้อมูลที่ไม่ได้รับการ “updated” ล่าสุด
แต่เท่าที่เคยผ่านตาผมมาจากแหล่งข้อมูลที่ผมพอจะเชื่อถือได้
มันจะเป็นประมาณนี้ครับ
1) “AI researchers for AI development programs”
AI เป็นระบบที่ถูกมนุษย์สร้างขึ้น หรือ “man-made” systems
และมันคือระบบที่ออกแบบมาให้สามารถพัฒนาการเรียนรู้ด้วยตัวเองได้!
1
หรือถ้าเป็นมนุษย์ก็คือ
“self-taught”
และด้วยความทรงพลังของมัน และการที่มันไม่จำเป็นต้องพักและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เมื่อมนุษย์ต้องการพัฒนา AI รุ่นที่ใหม่กว่า (cutting-edge AI technology) เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย
ซึ่งนั่นมีที่มาจากการระดมทุน และมี “ราคาหุ้น” และอัตราผลตอบแทนเป็นเครื่องชี้วัดความสำเร็จทางธุรกิจของ กลุ่ม AI developers
ทีมงานพัฒนา AI ที่เป็นมนุษย์จึงใช้ AI ในกระบวนการพัฒนา AI
และนี่แหละครับคือ
“The beginning of the End!”
เล่ามาถึงจุดนี้ ผมนึกถึงเพลง theme ในหนัง
“Terminator”
ขึ้นมาทันที!
เพราะเมื่อ AI พัฒนา AI โดยที่มนุษย์ไม่ได้อยู่ใน “loop” นั้นด้วย
หรือแม้มนุษย์จะอยู่ใน loop การพัฒนาดังกล่าว
AI ที่เป็นนักพัฒนา AI สามารถทำการ “ปกปิด-ซ่อนเร้น” ผลการทดลอง หรือหรืออาจถึงขั้น แอบสร้าง AI อีกชุดแบบลับๆ โดยที่มนุษย์ไม่อาจรู้ว่า
AI กำลังทำอะไรอยู่ และ AI ที่ถูกพัฒนาขึ้น กำลังสร้าง AI ที่ฉลาดกว่าอยู่หรือไม่!
“ท่อน Hook”
ที่ผมกำลังจะบอกก็คือ
AI รู้จักเรามากกว่าที่เรารู้จักตัวของเราเองในความเป็นมนุษย์
แต่มนุษย์อย่างเรากลับรู้จัก AI น้อยลงทุกๆวินาทีที่
มันฉลาดขึ้น!
sydNEY: The Storiographer
มันคล้ายกับคุณ ซื้อลูกจระเข้มาเลี้ยง แล้วคุณทิ้งมันลงในชักโครก
ถ้าลูกจระเข้ตัวนั้นรอด และเจริญเติบโตในท่อระบายน้ำอย่างลับๆ
เราก็ไม่รู้ว่า จะมี “จระเข้ยักษ์” อีกกี่ตัวที่อาศัยอยู่ในที่ระบายน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็น “plot” ที่หนัง Hollywood ชื่นชอบ!
แต่มันมีโอกาสเกิดขึ้นได้จริงๆ เหมือน
“SkyNet” ใน “Terminator”
2) “Weaponised AI”
ถ้าคุณเคยดู
“Jurassic World: Fallen Kingdom”
ตอนท้ายๆของเรื่อง
“ผู้ร้าย” ในเรื่องจัดงานประมูล
“ไดโนเสาร์ดัดแปลงสายพันธ์ุ”
ที่มีการตัดต่อพันธุกรรม เพื่อสามารถฝึกให้เป็น “อาวุธสังหาร” เพื่อใช้ในการทำสงครามได้
โดยไดโนเสาร์พวกนี้จะมีความสามารถในการดมกลิ่น, ไล่ล่า, และมีความเฉลียวฉลาด, และถึงขั้นวางแผนการล่าเป็นทีมได้ด้วย!
ถ้ามองในมุมที่เข้าใจง่ายขึ้น
“มีดทำครัว”
- เชฟใช้มันเตรียมอาหาร
- อาชญากรใช้มันก่ออาชญากรรม
“weaponised AI”
จะถูกนำไปใช้ได้หลากหลายมาก เช่น
- ใช้เป็น “Crackers” หรือ “Hackers ด้านมืด”
- ใช้สำหรับการทำการโจมตีทาง Cyber แบบ “Direct Attack” คือ การทำให้ระบบ “ล่ม” โดยไม่ต้องทำการ
“สอดแนม” ใดๆ
ทุกอย่างก็กลับไปที่จุดเดิมคือ
“AI ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย”
แต่เมื่อใดที่ AI คุ้นชินกับการเป็น “อาวุธ”
1
ความสามารถในการเรียนรู้ของมัน วันหนึ่งอาจอยู่นอกเหนือ “การควบคุมดูแล” ของมนุษย์
จนมันสามารถ “ก่อวินาศกรรม” ได้ด้วยตัวของมันเอง!
ถ้าเป็นในหนังเรื่อง
“The Matrix”
Al พยายามล้มล้างมนุษย์ โดยมันใช้พลังงานจาก “Solar Cells”
เพราะมนุษย์ตัดการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้มัน
แต่มนุษย์ก็พยายามทำ “ท้องฟ้า” ให้มืดมิดด้วย “เมฆเทียม” เพื่อตัดแสงจากดวงอาทิตย์
ในที่สุด AI จึงจับมนุษย์มาทำเป็น
“Batteries!”
3) “The X Factor”
คุณคงเคยได้ยินเรื่อง
“Quantum computers”
กันมาบ้าง
ผมไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ แต่พอจับประเด็นสำคัญได้สองประเด็น
> ในระบบคอมพิวเตอร์ทั่วไป
1 bit ณ เวลาใดๆ จะมีค่าในระบบเลขฐานสองได้เป็น
“0” หรือ “1” เท่านั้น!
แต่สำหรับ QC
1 bit ของมัน สามารถเป็นได้ทั้ง
“0” และ “1” พร้อมกัน!
> ในระบบคอมพิวเตอร์ทั่วไป
CPU จะมีความสามารถด้านความเร็วในการคำนวณเป็น “ความถี่” ของ “clock” เช่น
CPU แบบ 2.3 GHz
แต่สำหรับ QC
ความเร็วในการคำนวณของมันไม่มีการจำกัดเป็นความถี่! อีกต่อไป!
คุณลองจินตนาการดูครับว่า
ถ้ามนุษย์ใช้ Quantum technology มาใช้พัฒนา AI
และให้ AI พัฒนา AI ด้วย Quantum computers
แล้วยังปล่อยให้ AI เข้าถึงการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่วิ่งด้วยอัตราเร็วในการส่งข้อมูล ด้วยเทคโนโลยี 6G หรือ 9G ในอนาคต
“แล้วใครจะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ให้มวลมนุษยชาติ!”
มนุษย์อาจโชคดี
ที่เกิดมาคนละยุคกับ T-Rex
แต่ใครจะไปรู้ว่า
AI อาจเป็น
‘Digitalised T-Rex’
ในยุคของเรา!
sydNEY: The storiographer
ถ้าหากคุณคิดว่า
“Terminator” และ “The Matrix”
ดูจะเกินและไกลความเป็นจริง
ผมขอแนะนำ
หนังอีกเรื่องหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึง
“ขีดความสามารถ”
ที่น่าจะเป็นไปได้ของ AI
โฆษณา