ตอนนี้จะเล่าถึงหนังสือ “ the four ” กับพ่อมดสองตัวที่เหลือ คือ facebook กับ google ครับว่ามีความสามารถในการทำลายล้างคู่แข่งอย่างไรบ้าง และมีความเก่งกาจอย่างไรถึงก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทไอทีแถวหน้าของโลกปัจจุบันเราครับ
มาถึงพ่อมดตนที่ 4 คือ Google โดย google ถูกจัดให้เป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือมากที่สุดในโลก ปัจจุบันถูกเปรียบศาสนาๆ หนึ่ง (ในอดีตเราจะมีคำพูดว่ามีแต่เพราะเจ้าเท่านั้นที่รู้ : Keyman) แต่ปัจจุบันเราสามารถที่จะถาม google ได้ทุกเรื่องครับ แต่จะถูกหรือผิดก็ขึ้นกับอัลกอริทึมของ google ครับ 555
Google เป็น เสิร์ชเอ็นจิ้น (search engine) ที่คนใช้มากที่สุดในโลกราวๆ 3,500 ล้านครั้งต่อวัน ย้ำนะครับ 3,500 ล้านครั้งต่อวัน และบนหน้าเว็บไซด์ที่เรียบง่าย ซี่งผมเชื่อว่าผู้อ่านน่าเคยใช้บริการ google กัน จะมีโฆษณาใดๆเลย เป็นอีกปัจจัยทำให้คนรู้สึกถึงความไม่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งของ google แต่ในความเป็นจริง google สามารถที่จะควบคุมการนำเสนอต่างๆ ได้ โดยที่จะนำเสนอเว็บใด หรือเนื้อหาใดหลังจากเรากดปุ่มเสิร์ชแล้วนั้นเอง
โดย google เองได้ใช้วิธีฟังความคิดของเราจากสิ่งที่เราค้นหา รู้ว่าเราอยากรู้ข้อมูลเรื่องใดสนใจเรื่องใดอยู่ เช่น อยากเที่ยวก็จะนำเสนอสถานที่เที่ยว โดยสามารถสร้างรายได้จากบริษัทหรือองค์กรที่มาโฆษณา และสามารถโฆษณาได้อย่างตรงใจและทันทีทันใดเลยครับ
สิ่งที่หน้ากลัวอีกอย่างคือ ความสามารถซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าครอบงำสื่อ ในหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงองค์กรสื่อชั้นนำ คือ Times ซึ่ง google สามารถเลือกหยิบเนื้อหาหรือข่าวที่น่าสนใจมาใช้ได้โดยที่ Times เองไม่มีสิทธิ์ที่จะตอบโต้ใดๆ แต่ Times ที่เป็นองค์กรสื่อนั้นยังคงต้องรักษาจรรยาบรรณของสื่อ ดังที่บอกไปแล้วว่าก็จะเป็นอีกหนึ่งต้นทุนในการเตรียมข่าวหรือเนื้อหา เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน ซึ่งคุณสก๊อตต์ได้เล่าประสบการณ์ตรงจากการเป็นทั้งผู้บริหารและที่ปรึกษา กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงครับ
1
นอกจากที่มีเสิร์ชเอ็นจิ้นแล้ว google ยังพัฒนาแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ขึ้นมาอีกมากมายเพื่อครอบคลุมทุกอย่าง เช่น google map เป็นต้นนั่นทำให้เสมือนว่าข้อมูลทุกอย่างบนโลกอยู่ในมือของ google เช่นกัน สิ่งที่ทำให้ google เป็นองค์กรที่มีนวัตกรรมใหม่เกิดขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง อีกปัจจัยคือการที่องค์กรให้พนักงานใช้เวลา 10% ของการทำงานมาใช้ในการคิดและพัฒนาส่ิงใหม่ๆ แล้วคิดดูครับว่าในองค์กรมีพนักงานระดับหัวกะทิอยู่ประมาณ 60,000 คน องค์กรจะก้าวหน้าไปเร็วขนาดไหน