6 พ.ค. 2023 เวลา 03:55 • ปรัชญา

ศิลปะในการเลือกผู้นำ

ใกล้เลือกตั้งแบบนี้ ผมจึงเขียนบทความเรื่องนี้ มาเพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เปรียบเทียบว่าในสมัยก่อน มีการเลือกผู้นำกันอย่างไร แตกต่างจากสมัยนี้อย่างไร และสามารถเอาแนวทางไหนมาปรับใช้ได้บ้าง
1
โดยจะขอยกตัวอย่างการเลือกผู้นำในยุคสามก๊ก ซึ่งเป็นยุคที่มีการแก่นแย่งชิงดี ชิงไหวชิงพริบแย่งกันเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ดังนั้นผู้นำในยุคนั้นจะต้องไม่ธรรมดา ไม่ฉะนั้นแล้วจะไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำได้ ในยุคที่ขึ้นชื่อว่าโกลาหลที่สุดยุคหนึ่งก็ว่าได้
มาเริ่มกันที่คนแรกเลยครับ นั่นก็คือ โจโฉ นายกตลอดกาล โจโฉเกิดมาในตระกูลที่มั่งคั่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้โจโฉอยู่เหนือกว่าคนอื่นได้ เพราะทั้งอ้วนเสี้ยวเอย อ้วนสุดเอย หรือคนในเรื่องนี้หลาย ๆ คน ก็เกิดในตระกูลขุนนางใหญ่ แต่ก็ไม่สามารถจะเติบโตในฐานะผู้นำแห่งยุคได้แบบโจโฉ สิ่งที่พาโจโฉมาถึงจุดสูงสุด คือความสามารถล้วน ๆ ไม่ใช่เพราะเกิดมามีฐานะดี
จุดแข็งที่โจโฉมี คือ เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย มีวิสัยทัศน์ยาวไกล ชำนาญกลยุทธ์ รู้จักพิจารณาหนักเบา รู้ว่าสถานการณ์ไหนควรรุกหรือควรถอย รู้จักใช้งานคนเก่ง ทำให้ก๊กที่โจโฉปกครองมีอาณาเขตที่ยิ่งใหญ่ และมีขุนนางผู้มีความรู้ความสามารถมากมาย
ทำไมขุนนางเก่ง ๆ ต้องเลือกโจโฉเป็นนาย ?
1.กุยแกเป็นกุนซือหนุ่มอายุน้อยผู้มากความสามารถ แต่จะหานายที่ไหนที่รับฟังเขาและยกย่องเขาประหนึ่งเป็นกุนซืออาวุโสที่อยู่มานาน มีเพียงแค่โจโฉที่ให้ความสำคัญต่อกุยแก โดยไม่ได้เกี่ยงเรื่องอายุ และเพราะเชื่อฟังคำแนะนำของกุยแกนี่เอง เลยทำให้โจโฉสามารถเอาชนะอ้วนเสี้ยวที่มีกำลังมากกว่าหลายเท่าได้ ซึ่งถือว่าเป็นการตัดสินใจที่มีความเสี่ยงมาก ๆ เพราะถ้าพลาดมาก๊กของโจโฉอาจจะต้องล่มสลายตั้งแต่หัววันเลยก็ว่าได้ แต่โจโฉก็มีความเชื่อมั่นว่าจะทำได้และก็ทำจนสำเร็จ เป็นใบเบิกทางการเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสามก๊ก
2.เตียวเลี้ยว ทหารพ่ายศึกที่ตั้งใจจะยอมตายหลังแพ้ต่อโจโฉ แต่สายตาที่แหลมคมของโจโฉไม่เพียงไม่ฆ่า แถมยื่นโอกาสให้เตียวเลี้ยวมาเข้ากับตน และเลี้ยงดูอย่างดี ต่อมาเตียวเลี้ยวก็ได้เป็นนายพลใหญ่ของโจโฉ เพียงแค่เอ่ยชื่อเตียวเลี้ยวขนาดเด็กที่ร้องไห้อยู่ยังหยุดร้อง แสดงให้เห็นถึงสายตาอันเฉียบคมของโจโฉ
3.สุมาอี้ เป็นยอดคนในเรื่องสามก๊ก ถึงขนาดเป็นคู่ปรับกับขงเบ้งได้ แต่ทำไมจิ้งจอกอย่างเขาถึงเลือกอยู่กับก๊กโจโฉ ทั้งที่โจโฉหวาดระแวงเขา ก็เพราะความยิ่งใหญ่ของก๊กโจโฉยังไงล่ะครับ สุมาอี้เล็งเห็นแล้วว่าก๊กโจโฉมีความสามารถเพียงพอที่จะรวบรวมแผ่นดินได้ บวกกับสติปัญญาของเขาก็ไม่ใช่เรื่องยาก ถึงโจโฉจะหวาดระแวง แต่แค่เก็บความสามารถหน่อยก็ทำให้อยู่รอดได้แล้ว พูดง่าย ๆ คือ ถ้าโจโฉบริหารก๊กไม่ดีพอ สุมาอี้ก็จะไม่ทนอยู่กับก๊กเล็ก ๆ ที่ไม่สามารถชิงความเป็นใหญ่ได้ นี่จึงเป็นข้อพิสูจน์ความสามารถในการบริหารของโจโฉ
ผู้นำคนต่อไปก็คือ พระเจ้าอาเล่าปี่ เชื้อพระวงศ์ตกอับ เล่าปี่คือชายที่เดินมาได้ไกลที่สุดแล้วจากตอนแรกที่ไม่มีอะไรเลย เล่าปี่เกิดในหมู่บ้านเล็ก ๆ อาศัยอยู่กับแม่ เล่าปี่มีอาชีพขายรองเท้าฟางเลี้ยงชีพ ถ้าเทียบกับผู้นำคนอื่นแล้ว ล่าปี่ไม่มีอะไรเลยครับ มีแต่ตัวกับปณิธาณ แต่ทำไมถึงมีคนเลือกเขาเป็นผู้นำที่มีแต่คนรัก ?
จุดแข็งของเล่าปี่ คือ มีน้ำใจโอบอ้อมอารี เป็นผู้สามารถปรับตัวได้ตามสถานการณ์ มีวาทะศิลป์ และที่สำคัญคือเขาขายจุดเด่นของตัวเองเป็น เช่น ชูเรื่องที่ตัวเองมีเชื้อสายราชวงศ์เพื่อซื้อใจคนที่จงรักภักดี เขาได้สร้างภาพลักษณ์ให้ผู้อื่นรับรู้ว่าเขาเป็นคนดีมีคุณธรรม มีความเมตตาปราณี เมื่อใครได้ยินกิตติศัพท์ก็อยากมาอยู่ด้วยโดยไม่ต้องใช้เงินเลย แต่ก็จะมีหลายคนที่โจมตีว่าเล่าปี่สร้างภาพหรือเปล่า แต่ผมมองว่าเขาพยายามเป็นคนดีเท่าที่เขาจะพอทำได้แล้ว แต่ในช่วงกลียุคแบบนั้นก็ยากที่จะเป็นคนดีโดยสมบูรณ์
ขุนนางเก่ง ๆ ทำไมต้องอยู่กับเล่าปี่..
1.กวนอู เตียวหุย พี่น้องร่วมสาบานของเล่าปี่ เป็นผู้ที่เข้าร่วมกับเล่าปี่ก่อนใครเพื่อน ซึ่งในตอนนั้นเล่าปี่ไม่มีอะไรเลย แถมเตียวหุยยังต้องออกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ด้วย แต่เพราะว่าเล่าปี่มีปณิธานทอันแรงกล้าที่จะฟื้นฟูราชวงศ์ ทำให้กวนอูเตียวหุยเชื่อมั่นในอุดมการณ์ ในยุคปัจจุบันคนขายฝันมีเยอะนะครับ แต่สิ่งที่เล่าปี่ทำมันคือการใช้ใจแลกใจ ไม่ใช่การขายฝัน ไม่งั้น กวนอูเตียวหุยทิ้งเล่าปี่ไปนานแล้วครับ ทั้งสามคนรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันหลายสมรภูมิ เกือบตายก็หลายครั้ง จนสุดท้ายสามารถก่อตั้งก๊กขึ้นมาได้จนสำเร็จ
2
2.ขงเบ้ง เป็นยอดกุนซือที่เก่งกาจ แต่ทำไมเลือกมารับใช้เล่าปี่ซึ่งไม่มีอะไรเลย สาเหตุแรกก็เพราะความจริงใจของเล่าปี่ ที่ไปหาขงเบ้งที่กระท่อมถึงสามครั้ง ประการที่สองเล่าปี่ชูธงคุณธรรมในการรบเพื่อฟื้นฟูราชวงศ์ ไม่ได้รบเพื่อตัวเองแต่รบเพื่อราชวงศ์ฮั่น ประการที่สามการที่ได้เข้าร่วมกับก๊กเล็ก ๆ เปรียบเสมือนเวทีที่จะทำให้ขงเบ้งแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ว่าเขามีความสามารถขนาดไหน ถ้าพูดภาษาง่าย ๆ คือเล่าปี่เป็นคนที่ขายของเก่ง ทำให้คนดีมีฝีมืออยากเข้ามาอยู่ด้วย
2
3.จูล่ง วีรบุรุษแห่งเสียงสาน จูล่งเป็นขุนพลที่มีทั้งฝีมือ สติปัญญา และความซื่อสัตย์ เรืยกได้ว่าครบเครื่อง จูล่งเคยอยู่กับอ้วนเสี้ยวและกองซุนจ้านมาก่อน แต่เขาก็ยังไม่เจอคนที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเจ้านายของเขาจริง ๆ จนเขาได้มาเจอกับเล่าปี่เจ้านายที่เขาใฝ่ฝันถึงมาตลอด จากนั้นมาจูล่งก็มอบความภักดีให้เล่าปี่จวบจนสิ้นลมหายใจสุดท้าย และไม่เคยเปลี่ยนนายอีกเลย จะเห็นได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาจูล่งยอมเสี่ยงตายเพื่อครอบครัวเล่าปี่หลายต่อหลายครั้ง ถ้าเล่าปี่ไม่ดีจริงจูล่งคงไปหานายใหม่แน่นอนครับ
1
ผู้นำคนสุดท้ายที่จะเอ่ยถึงในบทความนี้นั่นก็คือ ซุนกวน เขาเกิดในตระกูลแม่ทัพ บ้างก็ว่าสืบเชื้อสายมาจากซุนวูผู้เขียนตำราพิชัยสงคราม ซุนกวนขึ้นเป็นผู้นำตั้งแต่อายุยังน้อย กลับต้องมาเผชิญหน้ากับศึกใหญ่อย่างศึกผาแดง แต่เขาก็สามารถนำชัยชนะมาสู่แคว้นได้ ซุนกวนเป็นนักปกครองที่เก่งกาจ อาจนับได้ว่าเก่งเรื่องการปกครองมากที่สุดในบรรดาผู้นำทั้งสามคน เพราะเขาแทบจะไม่เคยตัดสินใจอะไรผิดเลยในเรื่องที่สำคัญ
จุดแข็งของซุนกวนคือ เขามีต้นทุนที่ดี มีพ่อเป็นแม่ทัพใหญ่ มีพี่ชายเป็นยอดคน ซึ่งพี่ก็ปูทางไว้ให้หมดแล้ว บวกกับซุนกวนมีความเฉลียวฉลาด ขยันศึกษาหาความรู้ จนสามารถต่อยอดต้นทุนเดิมจนได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม ซุนกวนมีความสามารถในการใช้งานคน เช่น ใช้งานคนรุ่นใหม่หรือคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีความสามารถในการปกครอง การภายในใช้เตียวเจียว การภายนอกใช้จิวยี่ นอกจากนี้ยังมีความกล้าหาญในการตัดสินใจ โดยเฉพาะเรื่องยาก ๆ ที่ตัดสินใจพลาดทีบ้านเมืองอาจล่มสลายได้เลย
สาเหตุที่ขุนนางเก่ง ๆ มาอยู่กับซุนกวน
1.จิวยี่ เป็นแม่ทัพที่มีความสามารถมาก โดยเฉพาะการรบทางน้ำ ที่มาอยู่กับซุนกวน เพราะพี่ชายซุนกวนซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับจิวยี่ฝากฝั่งไว้ให้คอยช่วยเหลือน้องชาย ถึงจะเป็นเด็กฝากก็ตาม แต่ถ้าซุนกวนไม่มีความสามารถมากพอ ยอดคนอย่างจิวยี่ก็คงไม่ยอมทุ่มเทกำลังและสติปัญญาเพื่อซุนกวนจนตัวตายเช่นนี้ ซุนกวนพิสูจน์ให้จิวยี่เห็นถึงความกล้าหาญและเด็ดขาด ที่กล้าต่อกรกับโจโฉที่มีกำลังมากกว่า ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ขุนนางหลายคนเสนอให้ยอมแพ้ต่อโจโฉ แต่ผลลัพธ์จากการตัดสินใจรบคือสามารถเอาชนะกองทัพโจโฉอันเกรียงไกรได้สำเร็จ
2.โลซก ขุนนางผู้มีจิตใจดี ซุนกวนเห็นถึงความสามารถของโลซก จึงได้แต่งตั้งโลซกเป็นแม่ทัพใหญ่ดูแลกองทัพต่อจากจิวยี่ จะเห็นได้ว่าซุนกวนใช้คนตามความสามารถทั้ง ๆที่โลซกไม่ได้มีผลงานการรบที่เก่งกาจเหมือนจิวยี่ แต่ซุนกวนมองเห็นความสามารถในการอ่านเกมของโลซกที่ซ่อนอยู่ว่าเฉียบขาดขนาดไหน โลซกคือหนึ่งในคนที่บอกให้ซุนกวนออกรบกับโจโฉ โลซกถือเป็นขุนนางน้ำดีคนหนึ่ง ถ้าเขารักตัวกลัวตายคงบอกให้ยอมแพ้ต่อโจโฉไปแล้ว เพราะถึงยอมแพ้ โจโฉก็ไม่ทำอะไรขุนนางอยู่แล้ว แต่คนที่ซวยเป็นซุนกวนมากกว่าที่โจโฉจะไม่เอาไว้
3.ลกซุน บัณฑิตนักรบ เขาเป็นเพียงบัณฑิตหนุ่มที่มีประสบการณ์น้อย แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งเล่าปี่ได้ยกทัพใหญ่มุ่งหมายจะทำลายง่อก๊กให้พินาศ ขุนนางหลายคนต่างขวัญหนีดีฝ่อ เพราะในขณะนั้นกองทัพเล่าปี่ถือว่ามีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมาก แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่
ง่อก๊กจะต้านทานกองทัพขนาดใหญ่แบบนี้ได้ แต่แล้วซุนกวนกลับตัดสินใจแบบบ้าดีเดือดอีกครั้งหนึ่ง โดยส่งลกซุนบัณฑิตหนุ่ม เป็นแม่ทัพใหญ่ไปรบในครั้งนี้ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงมากที่ง่อก๊กจะล่มสลายถ้ารบแพ้ แต่ลกซุนก็ไม่ทำให้ผิดหวังเผาทัพเจ็ดแสนของเล่าปี่จนยับเยิน
เป็นไงบ้างครับท่านผู้อ่าน ได้ไอเดียดี ๆ ที่จะใช้ในการเลือกผู้นำคนต่อไปหรือยังครับ ชอบผู้นำแบบไหนก็คอมเมนต์บอกกันได้นะครับ กดไลค์ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะครับ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านครับ
เขียนโดย ชนดิเรก
โฆษณา