ภาพอธิบายองค์ประกอบต่างๆ ใน Long GRB ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด แกนกลางของดาวมวลสูง(ซ้าย) ได้ยุบตัวลง ก่อตัวหลุมดำแห่งหนึ่งขึ้นมาซึ่งยิงไอพ่นอนุภาคเคลื่อนผ่านวัสดุสารดาวที่กำลังยุบตัวออกสู่อวกาศด้วยความเร็วเกือบเท่าแสง (ต่อ)
David Kann จากมหาวิทยาลัยเกอเธ่ ฟรังค์ฟวร์ต และเพื่อนร่วมงานได้นำเสนอข้อมูลช่วงตาเห็นและรังสีเอกซ์ตั้งแต่สถานะการปะทุเริ่มต้นจนถึง 60 วันหลังการปะทุเริ่มต้น ทีมใช้การสำรวจเหล่านี้เพื่อศึกษาฝุ่นตามแนวเส้นทางระหว่างการปะทุมาที่โลก และพบว่ากาแลคซีต้นสังกัดของการปะทุนั้นอาจจะเต็มไปด้วยฝุ่นพอสมควร แบบจำลองไอพ่นจากการปะทุได้แสดงจุดน่าสงสัยบางอย่าง เช่น แบบจำลองไอพ่นพื้นๆ ที่สุดไม่สามารถสร้างการสำรวจนี้ซ้ำได้อีก และการเพิ่มโครงสร้างและรายละเอียดอื่นๆ ให้กับไอพ่น ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย
Supernova or no?
นอกเหนือจากการเปล่งคลื่นช่วงเริ่มต้นและช่วงเรืองไล่หลังแล้ว GRB ก็มักจะเกี่ยวข้องกับซุปเปอร์โนวา ซึ่งได้รับพลังจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ภายในวัสดุสารที่ถูกขับออกมาเมื่อดาวยุบตัวลง เมื่อการเปล่งคลื่นจากการปะทุจางแสงลง การเปล่งคลื่นจากซุปเปอร์โนวาจะสว่างขึ้น ซึ่งสุดท้ายจะสว่างจนโดดออกจากแสงเรืองไล่หลังที่กำลังจางลง แสดงกราฟแสงที่ลงและขึ้น(bump) ไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์
หลังจากเริ่มปะทุ หนึ่งในรายละเอียดที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ GRB 221009A ก็คือมันอาจจะไม่ได้แสดงสัญญาณการเปล่งคลื่นซุปเปอร์โนวาใดเลย
กราฟเปรียบเทียบการเปล่งคลื่นฉับพลัน(prompt emission) กับ GRB แบบยาวที่ครองสถิติก่อนหน้านั้น 5 เหตุการณ์ GRB 221009A มีความสว่างอย่างมากจนทำให้เครื่องมือตรวจจับรังสีแกมมาเกือบทั้งหมดที่มีรับไม่ไหว แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังสามารถรับรู้ความสว่างที่แท้จริงของมันได้จากข้อมูลของเฟอร์มี่
Manisha Shrestha จากมหาวิทยาลัยอริโซนาและเพื่อนร่วมงานได้ตรวจสอบกราฟแสงและสเปคตรัมของ GRB 221009A เพื่อมองหาสัญญาณของซุปเปอร์โนวา แต่ก็ไม่พบสัญญาณซุปเปอร์โนวาที่แน่ชัดในข้อมูลทั้งสองส่วน แบบจำลองของทีมบอกว่า ซุปเปอร์โนวาอาจจะซ่อนอยู่ข้างใต้แสงเรืองไล่หลังที่สว่าง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่ามีฝุ่นในกาแลคซีต้นสังกัดที่ปิดบังแสงจากซุปเปอร์โนวาอยู่มากแค่ไหน
Michael Fulton จากมหาวิทยาลัยควีนส์ เบลฟาสต์ และเพื่อนร่วมเขียนจับตาการปะทุในช่วงตาเห็นเมื่อมันสลัวลงในเวลาเกือบสองเดือน ได้พบสิ่งที่อาจเป็น bump ราว 20 วันหลังการปะทุ
Andrew Levan จากมหาวิทยาลัยรัดบาวด์ และเพื่อนร่วมงานได้ใช้กล้องพิเศษสองตัวไปที่การปะทุคือ กล้องฮับเบิลและกล้องเวบบ์ และเก็บสเปคตรัมอินฟราเรดกลางจาก GRB เหตุการณ์หนึ่งได้เป็นครั้งแรก การสำรวจบอกว่าถ้ามีซุปเปอร์โนวาเกี่ยวข้องใน GRB นี้ มันก็ต้องสลัวหรือมีสเปคตรัมจุดที่สูงในช่วงความยาวคลื่นที่ฟ้ากว่าที่กล้องเวบบ์และฮับเบิลสำรวจ
นับตั้งแต่ที่ถูกพบ GRB 221009A ก็ถูกเรียกว่า BOAT(Brightest Of All Time) ในบทความมุ่งเป้าชิ้นสุดท้ายที่เผยแพร่ Eric Burns จากมหาวิทยาลัยลุยเซียนาสเตท และเพื่อนร่วมงานได้สำรวจว่ามันเหมาะกับชื่อนี้จริงหรือไม่ ด้วยการเปรียบเทียบการสำรวจ GRBs ตลอดหลายทศวรรษ ทีมพบว่าแท้ที่จริงแล้ว GRB 221009A มีจุดพีคที่สูงที่สุดในบรรดา GRB ใดๆ ที่เคยตรวจสอบมา และมันก็อยู่บนสุดในรายชื่อที่สองจากสามที่ตรวจสอบความสว่าง
เมื่อพิจารณาคุณสมบัติของเหตุการณ์เหล่านี้ที่สำรวจในช่วง 50 ปีที่ผ่านมาให้ลึกซึ้งมากขึ้น ทีมประเมินว่า GRB 221009A น่าจะเป็นเหตุการณ์แบบหนึ่งในหมื่นปี ดังนั้น ในขณะที่ GRB 221009A ไม่ได้เป็น GRB ที่สว่างที่สุดในประวัติศาสตร์และในอนาคตในเอกภพ มันอาจจะสว่างที่สุดในประวัติความเป็นมาของมนุษยชาติ และความหายากของมันก็บอกว่าเราโชคดีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นในขณะที่เรามีกล้องโทรทรรศน์รังสีแกมมาที่ยังทำงานอยู่
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา GRB 221009A ถูกซ่อนไว้เมื่ออยู่หลังดวงอาทิตย์ และเมื่อมันโผล่ออกมาอีกครั้งจะช่วยให้นักวิจัยมีโอกาสในการศึกษามันต่อไปและหวังว่าจะได้ไขปริศนาที่ยังค้างคาบางประการเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมัน
แหล่งข่าว skyandtelscope.com : focusing on the brightest gamma-ray burst of all time