Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ธเนศเล่าขาน "ทานทางปัญญา"
•
ติดตาม
6 พ.ค. 2023 เวลา 13:05 • การศึกษา
แผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2475
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2475 รัฐบาลได้ประกาศใช้แผนการศึกษาชาติ โดยมีแผนผังเป็นรูปต้นไม้ เรียกกันว่า “ศึกษาพฤกษ์”
ในแผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2475 นักการศึกษาได้พยายามที่จะให้การศึกษาแก่นักเรียนทั้งด้านความรู้ ด้านศีลธรรมจรรยา และด้านความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกายโดยเท่าเทียมกัน คือให้ทั้งด้านพุทธิศึกษา จริยศึกษา และพลศึกษา เรียกกันว่า “องค์ 3 แห่งการศึกษา”
หมายความว่าจะให้นักเรียนเป็นผู้ที่มีความรู้ทางวิชาการดี มีศีลทำจรรยาดี แล้วมีพลานามัยดี ในการศึกษาตั้งแต่เดิมมาไม่ได้เน้นถึงสิ่งเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้เองรัฐบาลจึงได้จัดตั้งกรมพลศึกษาขึ้นเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2476 โดยมีวัตถุประสงค์ตามคำแถลงของรัฐบาลว่า
“การที่รัฐบาลตั้งกรมพลศึกษาขึ้นก็เพราะต้องให้ นักเรียนและลูกเสือมีจิตใจเป็นนักกีฬา”
นโยบายของกรมพลศึกษาเมื่อแรกตั้งขึ้นมีว่า “บุคคลที่จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาตินั้น ถึงแม้จะได้รับจริยศึกษาและพุทธิศึกษาเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม แต่ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง ใจคอไม่หนักแน่น ขาดการอนามัยและเป็นขี้โรคแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ของตนให้ได้ผลเต็มที่ พลศึกษาจึงเป็นหลักสำคัญของการศึกษาหลักหนึ่ง”
อีกประการหนึ่งแผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2475 ร่างขึ้นในสมัยที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จึงได้เน้นถึงเสรีภาพในการศึกษาไว้หลายแห่ง เช่นในตอนแรกที่กล่าวถึงความมุ่งหมายได้เขียนไว้ว่า
"1. ความมุ่งหมายแห่งการศึกษาของชาติคือให้พลเมืองทุกคนไม่เลือก เพศ ชาติ ศาสนา ได้รับการศึกษาพอเหมาะแก่อัตภาพของตนคือ พอสมควรแก่ภูมิปัญญาและทุนทรัพย์ เพื่อทุกคนได้เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองในทางอาชีพ ซึ่งตนเกิดมาสำหรับกระทำ”
และ “16. ท่านว่าหญิงต้องได้รับความเสมอภาคกับชายในการศึกษา แต่หญิงมีภาระพิเศษโดยธรรมชาติ ท่านให้วางหลักสูตรการศึกษาของหญิงให้มีวิชาผิดเพี้ยนกับของชายบ้างเป็นบางส่วน แต่จะไม่ผิดกันโดยปริมาณ หรือโดยส่วนสูงต่ำนั้นเลย”
แผนการศึกษาชาติฉบับนี้ได้เปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญผิดแปลกไปจากของเดิม 2 ถึง 3 ประการด้วยกันคือ
1. ชั้นประถมศึกษาฝ่ายสามัญ แต่เดิมมีเพียง 3 ชั้นในแผนการศึกษา
ชาติ พ.ศ. 2475 มี 4 ชั้น แต่ความจริงก็มีระดับความรู้แค่ชั้นประถมปีที่ 3 เดิมนั่นเอง เพราะแต่เดิมเรามีชั้นเตรียมอยู่ด้วย คือก่อนจะเข้าโรงเรียนชั้นประถมปีที่ 1 ต้องเรียนชั้นเตรียมมาก่อน มาใน พ.ศ. 2475 ได้ยุบชั้นเตรียมเสีย ให้เข้าเรียนชั้นประถมปีที่ 1 ได้เลย จึงต้องเพิ่มชั้นประถมอีก 1 ชั้น รวมเป็น 4 ชั้น
2. ชั้นประถมศึกษาฝ่ายวิสามัญ เดิมเรียกชั้นประถมปีที่ 4 ปีที่ 5 ต้องขยับเลื่อนขึ้นเป็นชั้นประถมปีที่ 5 และปีที่ 6 ตามลำดับ
3. แต่เดิมชั้นมัธยมศึกษาฝ่ายสามัญ มีแบ่งเป็นชั้นมัธยมตอนต้น (มัธยมปีที่1-2-3) ชั้นมัธยมตอนกลาง(มัธยมปีที่ 4-5-6) และมัธยมตอนปลาย(มัธยมปีที่ 7-8) แต่ในแผนการศึกษา พ.ศ. 2475 แบ่งตอนเสียใหม่เหลือเพียง 2 ตอน และใช้ถ้อยคำเสียใหม่เป็น”มัธยมต้น”และ”มัธยมปลาย” มัธยมต้นมี 4 ชั้นคือ มัธยมปีที่ 1-2-3-4 มัธยมปลายมี 4 ชั้นคือมัธยมปีที่ 5-6-7-8
อนึ่ง มัธยมปลายนี้ แต่เดิมเริ่มตั้งแต่ชั้นมัธยมปีที่ 7-8 แบ่งออกเป็น 3 แผนกคือ แผนกกลาง แผนกอักษรศาสตร์ และแผนกวิทยาศาสตร์ ครั้นมาพ.ศ. 2475 ชั้นมัธยมปลายเริ่มแต่ชั้นนมัธยมปีที่ 4 เป็นต้นไป มัธยมปลายแบบใหม่นี้มีการ แบ่งออกเป็น 4 แผนก 2 แผนกแรกเป็นสายสามัญเรียนวิชาการทั่วไป ได้แก่แผนกอักษรศาสตร์ ซึ่งเมื่อเรียนจบแล้วจะไปต่อในชั้นอุดมศึกษาได้ในแผนกนิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ อักษรศาสตร์ ฯลฯ
แผนกนี้ต้องเรียนภาษาอย่างน้อย 2 ภาษา ภาษาที่ 1 เริ่มแต่ชั้นมัธยมปีที่ 1 ส่วนภาษาที่ 2 เริ่มแต่ชั้นมัธยมปีที่ 5 และในการเรียนภาษาต่างประเทศนี้มีระบุไว้ด้วยว่า ถ้าผู้ใดมีอัตภาพเพียงเรียนจบชั้นวิสามัญศึกษาแห่งมัธยมต้น(มีมัธยมวิสามัญอุตสาหกรรม กสิกรรม พาณิชยการ และมัธยมวิชาสามัญอื่นๆ ดังปรากฏในศึกษาพฤกษ์) ควรเรียนภาษาจีน แต่ถ้าเรียนในชั้นอุดมศึกษา ควรจะเลือกเรียนภาษาปัจจุบัน มีอังกฤษ จีน ฝรั่งเศส เยอรมัน ฯลฯ หรือภาษาโบราณ มีภาษาบาลีสันสกฤต ฯลฯ อย่างน้อย 2 ภาษา
อีกแผนกหนึ่งคือ แผนกวิทยาศาสตร์ ซึ่งเมื่อจบชั้นมัธยมปีที่ 8 แล้วจะไปต่อชั้นอุดมศึกษาในแผนกแพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ นักเรียนนายร้อย นักเรียนนายเรือ ฯลฯ ส่วนแผนกกลางที่มีแบ่งไว้เดิม เป็นอันยกเลิกไปสำหรับ 2 แผนกหลัง เป็นสายวิสามัญด้านวิชาชีพ มีแผนกกสิกรรม พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม ให้นักเรียนเลือกเรียนได้ และอีกแผนกหนึ่งเป็นแผนกวิชาช่างฝีมือ
ความจริงมัธยมศึกษา ชั้นมัธยมปลายที่เขียนไว้ในแผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2475 เป็นการรวมสามัญศึกษาเข้ามาเรียนรวมกันเท่านั้นเอง เรียกเสียว่ามัธยมปลาย หากแต่แยกออกไปเป็นแผนก ตั้งแต่ชั้นมัธยมปีที่ 5 เท่านั้น และยุบแผนกกลางในชั้นมัธยมตอนปลายเดิม(มัธยมปีที่ 7-8) เสีย
ในแผนการศึกษาชาติฉบับนี้ ได้มีการกล่าวถึงเรื่องการแบ่งภาระในการจัดการศึกษาไว้ด้วย คือนอกจากรัฐจะเป็นผู้จัดตั้งโรงเรียนโดยตรงแล้ว ยังยอมให้บุคคลหรือคณะบุคคลจัดขึ้นตามความประสงค์อีกด้วย
ฉะนั้น นอกจากรัฐจะรับอุปถัมภ์โรงเรียนประชาบาลด้วยการให้เงินบำรุงแต่ประเภทเดียวแล้ว รัฐยังอาจอุปถัมภ์โรงเรียนราษฎร์เช่นเดียวกันก็ได้ เป็นการช่วยเหลือให้โรงเรียนราษฎร์เป็นปึกแผ่นมั่นคงแทนที่จะปล่อยปละละเลยให้ดำรงอยู่ได้เฉพาะโดยทุนของโรงเรียนเอง และในขณะเดียวกันโรงเรียนราษฎร์ก็จะแบ่งเบาภาระของรัฐบาลไปด้วยในตัว
สำหรับเรื่องการศึกษาภาคบังคับตามแผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2475 นั้นมีบัญญัติไว้ว่า
“10 การศึกษาบังคับได้แก่การศึกษาที่รัฐบังคับให้เด็กทุกคนไม่เลือกเพศ ชาติหรือศาสนา เรียนจนสำเร็จดังที่ท่านบังคับไว้ด้วยพระราชบัญญัติประถมศึกษาพ.ศ.2464
การศึกษาบังคับได้แก่การเรียนเพียงจบประโยคประถม ซึ่งมีส่วนสามัญศึกษา 4 ปี กับส่วนวิสามัญศึกษา คือประถมวิสามัญอีก 2 ปี
การศึกษาบังคับย่อมให้เปล่า คือไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน”
ทั้งนี้หมายความว่านักเรียนที่อยู่ในเกณฑ์บังคับ จะต้องเรียนให้จบชั้นประถมปีที่ 6 หรือจนกว่าจะมีอายุครบ 14 ปี จึงจะพ้นเกณฑ์ เมื่อเทียบดูกับโครงการศึกษา พ.ศ. 2464 จะเห็นว่าผิดกันอยู่บ้าง
โครงการ พ.ศ. 2464 แยกชายหญิงตรงชั้นประถมปีที่ 3 คือพอจบชั้นประถมปีที่ 3 ถือว่าเป็นการจบชั้นประถมสำหรับหญิง แล้วขึ้นไปเรียนมัธยมวิสามัญชั้นต่ำได้เลย ส่วนเด็กชายต้องเรียนจนจบชั้นประถมปีที่ 5 จึงจะไปเรียนมัธยมวิชาสามัญชั้นต่ำได้ แต่แผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2475 หญิงและชายเรียนเท่ากันจนถึงประถมปีที่ 6 เป็นอันพ้นเกณฑ์บังคับ
แผนการศึกษาฉบับนี้ ประกาศให้ใช้อยู่ได้เพียง 4 ปี หมายความว่ามีเวลาปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผนเพียง 2 ปีเท่านั้น ก็มีการประกาศให้ใช้แผนการศึกษาชาติ พ.ศ. 2479 ขึ้นใหม่ ผลจึงไม่ปรากฏออกมาให้เห็นว่าดีหรือไม่อย่างไร
ประมวล/สรุปจาก..พงศ์อินทร์ ศุขขจร(ประวัติการศึกษาไทย, 2512)
Cr. เจ้าของภาพ
แผนการศึกษาชาติ
โรงเรียน
ประวัติศาสตร์
1 บันทึก
1
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย