คนแรกที่หมดแรงในสงครามรัสเซีย - ยูเครนไม่ใช่รัสเซีย แต่กลับเป็นประเทศนี้!
คิสซิงเจอร์อายุ 100 ปี คนนี้เป็นคนสร้างข่าว ที่ว่า..คนแรกที่หมดแรงในสงครามรัสเซีย - ยูเครนไม่ใช่รัสเซีย แต่เป็นประเทศนี้....
ตั้งแต่ปูตินประกาศ "ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร" กับยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว สงครามนี้กินเวลานานกว่าหนึ่งปี ในฐานะที่เป็นสองประเทศที่มีขนาดใหญ่หลังจากการสลายตัวของสหภาพโซเวียต
รัสเซียและยูเครนจึงถูกเรียกว่า "ผมเส้นใหญ่" และ "ผมแตกปลาย" โดยชาวเน็ตในประเทศตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ในที่สุด "ผมเส้นใหญ่" และ "ผมแตกปลาย" ก็ต่อสู้กันเองภายใต้การบีบบังคับและการล่อลวงของชาติตะวันตก
ในช่วงต้นของสงคราม ตำนาน blitzkrieg สงครามสายฟ้าแลบ เป็นปฏิบัติการร่วมทางยุทธวิธีของกองทัพเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สอง โดยรวมแสนยานุภาพทั้งทางภาคพื้นดินและในอากาศเข้าด้วยกันของรัสเซีย
"ผ่าเคียฟใน 1 ชั่วโมง 22 นาที" เริ่มแพร่กระจายทางอินเทอร์เน็ต ดูเหมือนว่า รัสเซีย ในฐานะประเทศผู้สืบทอดหลักหลังจากการสลายตัวของสหภาพโซเวียต และ3มหาอำนาจทางทหารของโลกในปัจจุบันได้สอนบทเรียนให้ยูเครน
อย่างไรก็ตาม หนึ่งวันผ่านไป หนึ่งเดือนผ่านไป และถึงตอนนี้หนึ่งปีผ่านไปแล้ว
เฮ้ยยยย จริงดิ.... รัสเซียและยูเครนยังคงติดหล่มอยู่ในหล่มแห่งสงคราม ตำนานของ "blitzkrieg" กลายเป็นเรื่องตลกที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จากความประทับใจที่ผ่านมา แม้ว่ารัสเซียจะยอมเข้ารับการบำบัดด้วยเครื่องช็อกจากชาติตะวันตก แต่ภายใต้การนำของปูตินผู้นำที่แข็งแกร่งก็ไม่ว่ากัน มันจะไม่เป็นแม้แต่ "บทเรียน"
"ยูเครนยังต้องต่อสู้ไป-มาอยู่เช่นนี้?
จากแผน Blitzkrieg ที่เป็นแนวคิดที่ต้องการได้ผลประโยชน์สูงสุดของรัสเซีย ซึ่งตอนนี้กลายเป็นสงครามล้างผลาญไปแล้วเรียกได้ว่ายากจะลงจากหลังเสือ
นอกจากนี้ รัสเซียยังมีพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับยูเครนในสงครามครั้งนี้ด้วย
เมื่อปีก่อน จะสังเกตุได้ว่า พวกบ่างช่างยุได้กระทำการอะไรออกมาบ้าง
“เมื่อเกิดสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย บรรดาพันธมิตรตะวันตกของยูเครนจะไม่เข้าร่วมในสงครามเลย และจะสนับสนุนยุทโธปกรณ์บางส่วนอย่างมากที่สุด”
สถานการณ์เป็นไปตามที่สำนักต่างๆทำนายไว้ ประเทศต่างๆ ในยุโรปและอเมริกาต่างโห่ร้องสนับสนุนยูเครน
แต่ไม่มีนักการเมืองในประเทศใดกล้าปล่อยให้กองทหารของตนเองเสียเลือดเพื่อชาวยูเครน
แม้พวกเขาจะทำได้ แต่ก็ให้ความช่วยเหลือด้านการใช้จ่ายทางทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ของ Zelensky เท่านั้น
ด้วยวิธีนี้ ยุทโธปกรณ์ทางทหารจากประเทศตะวันตกยังคงมาถึงยูเครน
และกองทัพยูเครนก็ถูกกองทัพรัสเซียกลืนกินภายใต้การถ่ายเลือดเข้า-ออกอย่างต่อเนื่องจากทางตะวันตก
และผนังเส้นเลือดของฝ่ายไหนจะหนากว่ากัน และฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายแรกที่รับไม่ได้ มันจะถูก "ระบายออก"ไปตามปริยาย?
และสื่อตะวันตกโฆษณาว่าเป็นรัสเซียที่กำลังจะ "ระบาย"
เพราะเมื่อพิจารณาจากภาพที่เปิดเผยในสนามรบแล้ว กองทัพรัสเซียถึงกับเปิดโกดังและนำยุทโธปกรณ์ทางทหารที่ถูกผนึกในสมัยสหภาพโซเวียตส่งไปยังแนวหน้าของรัสเซียและยูเครนเพื่อใช้งาน
ท้ายที่สุด เราจะใช้ค้อนขนาดใหญ่ทุบหัวปลาช่อนได้อย่างไร?
ทำไมไม่ลองล้างสต๊อกสินค้าคงคลังดูล่ะ
หรือว่ายุทโธปกรณ์ประจำการของรัสเซียไม่สามารถตอบสนองความต้องการของสนามรบได้อีกต่อไป และตอนนี้เขาสามารถพึ่งพาทหารเก่าที่มีอยู่ในสต็อกได้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้นหรือ?
เห็นได้ชัดว่าสื่อตะวันตกเอนเอียงไปประการหลัง
พวกเขาสังเกต การโจมตีทางอากาศที่เปิดตัวโดยรัสเซีย และพบว่า หลังจากการโจมตีทางอากาศแต่ละครั้งโดยกองทัพรัสเซีย จำเป็นต้อง "ชะลอตัวลงชั่วขณะ" ก่อนที่จะเริ่มการโจมตีทางอากาศรอบต่อไป
ความอ่อนแอเช่นนี้ถูกเปิดเผยในหลายแห่ง
สงครามคือการผลาญเงินด้วยเศรษฐกิจที่ซบเซาของรัสเซีย เขามีเงินเท่าไหร่ที่จะต่อสู้กับยูเครนโดยการสนับสนุนของยุโรปและสหรัฐอเมริกา?
ดูเหมือนว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉากสงคราม รัสเซีย-ยูเครน นี้เปรียบได้กับว่า รัสเซีย ผู้แข็งแกร่งกำลังถูกกดดันให้นองเลือด
อย่างไรก็ตาม ดร. คิสซิงเกอร์ กลับเทน้ำเย็นให้กับแนวคิดในแง่ดีดังกล่าวในยุโรปและสหรัฐอเมริกา
"ฉันเกรงว่าประเทศแรกที่จะเหนื่อยนะ... มันไม่ใช่รัสเซีย แต่เป็นสหราชอาณาจักร!"
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนในกลุ่มผู้ชมก็ตกใจ รวมถึงผมด้วย...
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงสถานะของคิสซิงเจอร์ในเวทีการเมืองโลก
ผู้คนต้องระมัดระวังเกี่ยวกับคำเตือนที่ออกโดย "ซากดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิต"ชนิดนี้ในเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ
คิสซิงเกอร์ วัย 100 ปี ยังคงมีจิตใจดีงาม ในงานฉลองครบรอบ 112 ปีวันเกิดของประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ครบรอบ 40 ปีในปีนี้
ในเหตุการณ์ครั้งนี้ เขาเรียกร้องให้ฝ่ายบริหารของ Biden ยุติความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน ซึ่งจะไม่ช่วยแก้ปัญหารัสเซีย-ยูเครน
ทุกฝ่ายต้องเริ่มการเจรจาโดยเร็วที่สุด เพื่อระงับเปลวเพลิงแห่งสงคราม ยิ่งสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อนานเท่าไร สหรัฐฯ ก็ยิ่งเสียเปรียบมากขึ้นเท่านั้น
และคนแรกที่หมดแรงไม่ใช่รัสเซีย แต่น่าจะเป็นสหราชอาณาจักร!
ทำไม คิสซิงเกอร์จึงกล่าวออกมาเช่นนั้น? ปรากฎว่าเนื่องจากประเทศตะวันตกดำเนินมาตรการช่วยเหลืออย่างจริงจังแก่ยูเครน
และความช่วยเหลือของสหราชอาณาจักรจึงเป็นอันดับสองรองจากสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เป็นศตวรรษที่21แล้ว ดวงอาทิตย์ในอาณาจักรที่ดวงอาทิตย์ไม่เคยตกดินได้หายไปนานแล้ว แล้วจะมีกี่ครอบครัวที่มีเงินพอที่จะส่งออกไป?
สอดคล้องกับสภากลาโหมอังกฤษที่เพิ่งออกคำเตือน
คลังแสงของอังกฤษกำลังริบหรี่! มีความจำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิตของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
เพื่อตอบสนองความต้องการในปัจจุบันของการป้องกันประเทศและความช่วยเหลือจากต่างประเทศ
เดิมทีสิ่งของในคลังแสงถูกสงวนไว้สำหรับสงครามของตนเอง
แต่ตอนนี้ สิ่งของเหล่านี้ได้มอบให้กับยูเครนเป็นจำนวนมาก หากเกิดสงครามในอังกฤษ พวกเขาจะขอให้ผู้คน "ใช้จ่ายคลังแสงอย่างใจกว้าง"
ที่สำคัญกว่านั้น รัสเซียจะไม่มีวันนั่งเฉยและเฝ้าดูการนองเลือดโดยชาติตะวันตก
และการหลั่งเลือดในที่นี้ต้องนึกถึงการเติมเลือด ด้วยน้ำมัน ,ก๊าซธรรมชาติ และแร่ต่างๆมากมาย
แล้วคิดว่าพวกเขาจะหาประเทศใหญ่ทางตะวันออก (อินเดีย ,ซาอุดีอาระเบีย,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บราๆๆ)ต่อไป
เพื่อแลกกับการใช้จ่ายทางทหาร?
หรืออาจอยู่เบื้องหลังการขอทำสัญญาโครงสร้างพื้นฐานในตะวันออกกลางไม่ได้เชียวหรือ?
นักการเมืองตะวันตกถือว่า พวกเขาต้องทำให้รัสเซียนองเลือดตลอดสงครามรัสเซีย-ยูเครน และยังคงทำให้อำนาจของชาติรัสเซียอ่อนแอลง
โดยกลับไม่ฟังคำโน้มน้าวในฐานะนักการเมือง ...งานนี้ ดร. คิสซิงเกอร์ได้แต่ถอนหายใจจริงๆ!
- 8
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
