7 พ.ค. 2023 เวลา 12:57 • ท่องเที่ยว
ยอดเขากีนาบาลู

“ปัดฝุ่นทริปคินาบาลู ก่อนที่เงินหมื่นจะปลิวไปกับสายลม”

ต้นกำเนิดทริปนี้มาจากสมาชิกในบ้าน แต่พอโควิดมาทุกอย่างก็ถูกพับเก็บโดยไม่มีกำหนด
3 ปีผ่านไป พอกลับมาเดินทางได้ สุดท้ายก็หายอยากไป ด้วยเหตุผลว่า…ไม่น่าเดินไหวละ ลูกทัวร์คนอื่น ๆ ก็ล้มเลิกไปตามกัน
ความลำบากตกมาอยู่ที่ทัวร์ลีดเดอร์อย่างเรา เพราะจ่ายมัดจำไปแล้ว 30% สำหรับ 4 คนเป็นเงินหลักหลายหมื่น! แล้วใครจะกล้าทิ้งฟระ
พอรู้ตัวว่าทริปทีจองไว้จะหมดอายุภายในปีนี้ (2023) ก็เลยต้องเริ่มไปหาลูกทัวร์หน้าใหม่มาเพิ่มอย่างด่วน
มุ่งสู่จุดหมายเดียวกัน...ยอดเขาคินาบาลู!
เราเริ่มรวมพลจากผู้ประสบภัยโควิดครั้งก่อนที่เคยติดต่อกันไว้ พี่ที่เคยไปเจอกันตอนเดินดอยทู่ และจบที่การประกาศหาคนเพิ่มตามกรุ๊ปเฟซบุ๊ก
แล้วสมาชิกใหม่ก็กลายเป็น 7 ชีวิต
แก๊งเราเดินทางพร้อมกันในคืนวันศุกร์ แผนเดิมคือต่างคนต่างกลับ แต่สายการบินดั๊นนนนมาเปลี่ยนไฟลต์ เราเลยตัดสินใจกลับพร้อมกันทุกคน
ประสบการณ์เลื่อนครั้งแรก และต้องมานั่งคุยกับบอตสองรอบ จากเอว่าสาวสวย ตอนนี้กลายเป็นตาโบลุงแว่น รวม ๆ แล้วคุยรู้เรื่องนะ แต่ก็มีช่องทางลับติดต่อคนจริง ๆ ได้เช่นกัน
ดอกไม้ข้างทาง ตัวช่วยชั้นดีในการคลายเหนื่อย :)
เอาละ แล้วทริปเราก็ได้เริ่มจริง ๆ เมื่อปลายมีนาคม 2566
เราจองกับทัวร์เอเจ้นก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากเตรียมเสื้อผ้าข้าวของส่วนตัว
พยายามเอาของไปให้น้อยที่สุด แต่ก็ยังเบาไม่พอสำหรับการแบก
ทัวร์จัดให้ทุกอย่างตั้งแต่การเดินทาง อาหาร และที่พัก
แพ็กเกจที่เราซื้อคือ 3 วัน 2 คืน จึงได้นอนอุทยานก่อน 1 คืนเพื่อปรับความสูงด้วย ไม่ยากรีบมาก แล้วก็ตัดสินใจถูกจริง ๆ
Rock twin share ที่พักที่อุทยานคืนแรกของทัวร์ 3 วัน 2 คืน ฟีลดูเหมือนเข้าค่ายลูกเสือ แต่ก็นอนสบายดีทีเดียว มุมนี้มองเห็นที่ที่เราจะเดินขึ้นไปกัน!
นี่เป็นครั้งแรกของการเดินป่าต่างประเทศของเราและเพื่อนในก๊วนอีกหลายคน
ต่างคนต่างมีจังหวะการเดินเป็นของตัวเอง ไม่มีการรอและกดดันกัน
สวยมากกกกกกกกกกกก เป็นช่วงที่ทางสวยสุด ๆ เลยทั้งก่อนและหลังช็อตนี้ด้วย…ประมาณกิโลที่ 5 มั้งนะ
วิวสองข้างทางแปลกตาขึ้นเมื่อหลังกิโลเมตรที่ 4 ทำให้เราสนุกกับการเดินขึ้น เหมือนเครื่องเพิ่งมาติดตอนท้าย ๆ
ช่วงที่ทุกคนหมดแรง เรากลับมีแรง
สำหรับเราช่วงกิโลที่ 3-4 น่าจะเหนื่อยสุดเพราะรู้สึกหมดแรง และโคตรหิวข้าว แต่ต้องกัดฟันเดินต่อกับของบนหลังราว 10 โล
6 กิโลเมตรจากจุดสตาร์ต (Timpohon Gate) ถึงเบสแคมป์ (Panalaban) ไม่ถือว่าไกลมาก กำลังดีเลย แต่ติดที่ว่าต้องเดินขึ้นรวดเดียว แทบไม่มีทางราบให้ทำเวลาเลย
ยินดีต้อนรับสู่เบสแคมป์! เป็นครั้งแรกที่ไปเดินป่าแล้วนอนดีขนาดนี้ ดีจนเตรียมตัวไม่ถูกเลย
แม้จะต้องเดินขึ้นอย่างเดียว แต่สภาพทางคือดีมาก มีบันไดให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ หินก้อนใหญ่และมั่นคง ไม่เจอดินสไลด์เลยนะเท่าที่เดิน
ป้ายชัดเจน ไม่มีทางหลง บอกระยะทุกครึ่งกิโลเมตร ยกเว้นช่วง 800 เมตรสุดท้ายที่จะตั้งป้ายทุก 100 เมตร…กำลังใจชั้นยอด!
ดูแลและจัดการได้ดีสมกับที่เป็นแหล่งมรดกโลกจริง ๆ
หมอกปกคลุมเป็นระยะตลอดการเดิน จับอุณภูมิต่ำสุดที่ 9 องศา แต่เหงื่อท่วมนะ
ช่วงขึ้นจากเบสแคมป์ไปยอดเขาในเวลาตี 2 ของวันรุ่งขึ้นน่าจะเป็นพาร์ตที่ทุกคนรอคอยมากที่สุด
นักเดินเขาแต่ละคนลุกจากเตียงในสภาพสลึมสลือ เพื่อมากินมื้อดึกในยามตี 1 สภาพร่างกายรวนไปหมด ตั้งแต่ที่ต้องพยายามข่มตานอนตอน 1 ทุ่มแล้วล่ะ
ช่วงขึ้นยอดเขาจะมีเชือกนำทางตลอดสาย บางช่วงอาจจะต้องไต่เชือกเพราะทางชันมาก แต่หลัก ๆ คิดว่ามีไว้เพื่อไม่ให้คนเดินหลุดออกนอกเส้นทางมากเกินไป
2.5 กิโลเมตรจากเบสแคมป์ถึงยอดเขายังคงคอนเซปต์เดินขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายคนสภาพเหมือนซอมบี้
อากาศ 3 องศาที่เบาบางก็นับเป็นอุปสรรคไม่น้อย จะปิดหน้าปิดตาก็หายใจลำบาก พอเปิดโล่งจมูกก็โดนบาดอย่างยะเยือก
บันไดที่ทอดยาว ตอนขึ้นไปแบบมืด ๆ ขาลงหันกลับไปมอง…เออเราก็มาไกลเหมือนกันนะ
เดินไปก็สูดน้ำมูกไป
ขาขึ้นทุกอย่างเรียบร้อยปกติดี
จนมาถึงขาลงรวดเดียว 11 กิโลเมตร ตั้งแต่ยอดถึงจุดสตาร์ตกิโลเมตรที่ 0
แวะกินข้าวเช้าและแพ็กกระเป๋าที่เบสแคมป์แปบเดียวก็ได้เวลาไปต่อ
1. รองเท้าที่ยัดเหมือนชาวบ้านไม่ได้ วางแล้วหงาย55555 2. เมืองมุสลิม ทุกห้องที่ไปพักคือจะสังเกตเห็นป้าย “Kiblat” ซึ่งคือป้ายที่ช่วยบอกทิศที่ชาวมุสลิมควรหันไปละหมาด 3. สภาพห้องพัก ใครไปก่อนได้จับจองก่อน ถ้ามาคนน้อยน่าจะได้ไปนอนรวมกับเพื่อนหน้าใหม่
สุดท้ายเราก็ได้ใช้เงินที่จองไปอย่างคุ้มค่า โชคดีที่เอเจ้นยังฟรีซราคาที่เราจองไว้ ที่นี่ราคาขึ้นทุกปี
ใครอยากไปก็รีบเลย เพราะต่อไปจะไม่ใช่แค่ราคาที่จ่ายไม่ไหว แต่สภาพร่างกายก็ด้วย
สุดท้ายเราก็ได้รูปป้ายมานะ แม้ไม่ได้ไปยืนเข้าคิวถ่ายคู่ก็ตาม🤣
❎แผนเดิม ไปกับคนที่บ้าน
✅แผนใหม่ ไปกับเพื่อนหน้าใหม่ที่ส่วนใหญ่ไม่รู้จักกัน
โฆษณา