Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
จัดสวนเรียบง่าย ผ่อนคลายชีวิต
•
ติดตาม
7 พ.ค. 2023 เวลา 15:55 • ศิลปะ & ออกแบบ
การจัดวางพื้นที่ในการออกแบบภูมิทัศน์จัดสวน ส่งผลต่อการใช้งานและความสวยงาม
ต่อไปนี้เป็น 5 สิ่งที่ผู้คนอาจจะนึกถึงเมื่อพูดเกี่ยวกับปัญหาการจัดวางพื้นที่ในการออกแบบภูมิทัศน์
1
1. ตำแหน่งและการเข้าถึงพื้นที่ไม่เหมาะกับการใช้งาน
ปัญหาสถานที่ตั้งและการเข้าถึงพื้นที่ มักจะเกิดจากตำแหน่งของพื้นที่นั้นไม่สะดวกหรือเข้าถึงได้ยากหรือไม่เชิญชวน เช่น อยู่ห่างไกล ต้องเดินเท้าเป็นระยะทางมากเกินไป หรือภูมิประเทศที่ไม่เอื้ออำนวยเช่น สูงชันหรือเป็นหินมากเกินไป ตำแหน่งของพื้นที่ไม่มีความเป็นส่วนตัวเพียงพอ เช่น อยู่ใกล้ถนนที่พลุกพล่าน หรืออยู่ติดกับเขตที่ดินบุคคลอื่นซึ่งอาจทำให้รู้สึกอึดอัดได้ และตำแหน่งของพื้นที่นั้นขาดองค์ประกอบทางธรรมชาติ เช่น ต้นไม้หรือน้ำ ซึ่งอาจทำให้ยากต่อการออกแบบภูมิทัศน์ที่น่าดึงดูดหรือน่าสนใจ
2. ขนาดพื้นที่และองค์ประกอบไม่เพียงพอต่อการใช้งาน
ขนาดและรูปร่างของพื้นที่สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อการใช้พื้นที่ในการออกแบบภูมิทัศน์ ปัญหาที่พบได้ทั่วไปคือ ผู้ใช้อาจรู้สึกว่าพื้นที่ขาดความสมดุล โดยบางพื้นที่รู้สึกแออัดและบางพื้นที่รู้สึกว่าว่างเปล่าหรือใช้งานน้อยเกินไป ซึ่งทำให้พื้นที่นั้นดูไม่น่าดึงดูดหรือไม่น่าสนใจ เช่น พื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหารกลางแจ้ง หรือสนามเด็กเล่น ไม่ถูกจัดวางอย่างเพียงพอ
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาการจัดวางพื้นที่ใช้งานเหล่านี้ให้สัมพันธ์กัน และวางแผนอย่างรอบคอบถึงขนาดและรูปร่างของพื้นที่ ตลอดจนความต้องการและความชอบของแต่ละคนที่ใช้พื้นที่
3. ความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่ต่างๆ ขาดการเชื่อมต่อที่ดี
ระบบการสัญจรที่ไม่ดีอาจเป็นปัญหาสำคัญในการใช้งานภูมิทัศน์ และผู้ใช้อาจแสดงความหงุดหงิดเมื่อพบว่า ถนนหรือทางเดินในภูมิทัศน์นั้นไม่ได้ถูกจัดวางอย่างเหมาะสม ซึ่งอาจนำไปสู่ความแออัด สับสน หรือไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ทำให้รู้สึกว่าพื้นที่นั้นยากต่อการเดินทาง ทั้งการจราจรที่ติดขัดและปัญหาด้านความปลอดภัย
ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหานี้ การออกแบบภูมิทัศน์ต้องวางระบบสัญจรของพื้นที่ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับขนาดถนนและทางเดินเท้า จุดเปลี่ยนการเดินทาง การใช้ป้ายสัญลักษณ์ หรือการสร้างจุดสังเกต เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ทำความเข้าใจและรับรู้พื้นที่ได้ง่ายขึ้น
4. บรรยากาศของพื้นที่มีสภาพไม่น่าอยู่หรือไม่น่าใช้งาน
การวางพื้นที่ไม่เหมาะสมในการออกแบบภูมิทัศน์อาจจะเกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ เช่น ต้นไม้หรือสิ่งก่อสร้าง ขาดความสัมพันธ์กับแสงแดดหรือลมที่พัดผ่าน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดสภาพที่ไม่เอื้ออำนวยในบางพื้นที่ เช่น แสงแดดส่องโดยตรงมากเกินไปหรือการสัมผัสกับลมแรง ทำให้ผู้ใช้พื้นที่เหล่านั้นไม่สบายตัวหรือไม่สามารถใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ เช่น สวนมีพื้นที่สนามหญ้าขนาดใหญ่ แต่ไม่มีที่นั่งหรือร่มเงา หรือสวนที่มีองค์ประกอบหรือต้นไม้มากเกินไป ก็อาจรู้สึกรกรุงรังและกีดขวางการใช้งาน
การสร้างสมดุลระหว่างพื้นที่เปิดโล่งและพื้นที่ใช้งานเป็นสิ่งสำคัญในการงานออกแบบภูมิทัศน์ที่เชิญชวนและน่าดึงดูดใจ การวางพื้นที่ที่เหมาะสมสามารถทำได้โดยการพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น มุมส่องของดวงอาทิตย์ตลอดทั้งวัน ทิศทางลมที่พัดผ่าน และภูมิประเทศตามธรรมชาติของพื้นที่ เมื่อคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ ก็สามารถมั่นใจได้ว่าแต่ละพื้นที่ของภูมิทัศน์ได้รับการออกแบบให้มีบรรยากาศที่ดีและใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์
5. องค์ประกอบพื้นที่ไม่เข้ากับบริเวณและบริบทโดยรอบ
เมื่อออกแบบภูมิทัศน์ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาว่าองค์ประกอบของพื้นที่เหมาะสมกับพื้นที่และบริบทโดยรอบอย่างไร หากการออกแบบไม่คำนึงถึงสถาปัตยกรรมที่มีอยู่หรือสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ผลลัพธ์ที่ได้อาจดูไม่สวยงาม เช่น หากการออกแบบภูมิทัศน์มีองค์ประกอบที่ทันสมัยท่ามกลางย่านประวัติศาสตร์แบบดั้งเดิม ก็อาจขัดแย้งกับความสวยงามที่มีอยู่และความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย
ในทำนองเดียวกัน หากการออกแบบภูมิทัศน์มีพืชพันธุ์แปลกถิ่น ก็อาจไม่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติโดยรอบ และอาจต้องการการบำรุงรักษาเป็นพิเศษเพื่อให้พืชพันธ์ุนั้นแข็งแรง ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาพื้นที่และบริบทโดยรอบเมื่อออกแบบภูมิทัศน์ เพื่อให้แน่ใจว่าองค์ประกอบต่างๆ ในพื้นที่ช่วยเสริมสภาพแวดล้อมที่มีอยู่และเพิ่มความสวยงามโดยรวม
ท่านที่สนใจการออกแบบภูมิทัศน์จัดสวน ติดตามได้ที่ FB ภูมิทัศน์จัดสวน
1 บันทึก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย