รู้จัก “Asset-Light” วิธีลดความเสี่ยง โดยการไม่เป็นเจ้าของ สินทรัพย์
หลายคนอาจคิดว่าบริษัทที่ดีและมีความมั่นคง คือบริษัทที่มีสินทรัพย์เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ความคิดนี้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมดในสมัยนี้ ที่การมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก อาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป
โดยสังเกตได้จาก ปัจจุบันที่หลายบริษัทได้หันมาใช้โมเดลธุรกิจแบบ “ลดการถือครองสินทรัพย์” หรือ “Asset-Light” กันมากขึ้น
แล้วโมเดลธุรกิจแบบ “ลดการถือครองสินทรัพย์” มีข้อดีอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
โมเดลธุรกิจแบบ “ลดการถือครองสินทรัพย์” หรือ “Asset-Light” อธิบายอย่างง่ายก็คือ
การที่ธุรกิจพยายามลดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ที่จะต้องใช้เงินลงทุนสูง แต่เปลี่ยนมาลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียน ซึ่งใช้เงินลงทุนที่ต่ำกว่า และคล่องตัวกว่า
ซึ่งมีด้วยกันหลายวิธี แตกต่างกันไปตามลักษณะของธุรกิจ เช่น
- ธุรกิจขายสินค้า อาจลดการลงทุนในการสร้างโรงงานใหม่ แต่จ้างโรงงานอื่นมาเป็นผู้ผลิตสินค้าให้
- ธุรกิจอาหาร อาจลดการลงทุนในการเปิดสาขาใหม่เอง แต่ขายแฟรนไชส์ให้ผู้ที่สนใจมาลงทุนเปิดสาขาแทน
แล้วข้อดีของโมเดล แบบ Asset-Light มีอะไรบ้าง ?
1. ใช้เงินลงทุนต่ำ ทำให้สามารถขยายการเติบโตได้ไว
ยกตัวอย่างบริษัท Yum! Brands เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารชื่อดังอย่าง KFC และ Pizza Hut ก็เลือกที่จะขายแฟรนไชส์ให้กับพาร์ตเนอร์รายใหญ่ในแต่ละประเทศทั่วโลก เพื่อให้เป็นผู้ขยายสาขาให้ โดย Yum! Brands ไม่ต้องลงทุนเอง
นอกจากธุรกิจอาหารแล้ว ธุรกิจธนาคาร ก็ใช้โมเดลนี้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น ธนาคารกสิกรไทย ที่เมื่อก่อนมีการรุกไปยังตลาดต่างประเทศ โดยใช้โมเดลการเปิดสาขาในต่างประเทศ แต่ก็พบข้อเสียว่า ทำให้การขยายธุรกิจเป็นไปได้ช้า
ต่อมาจึงได้หันมาใช้กลยุทธ์ Asset-Light Regional Digital Expansion แทน โดยเน้นการให้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก โดยไม่ต้องลงทุนอย่างหนักเหมือนเมื่อก่อน
2. มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน และการปรับขนาดองค์กร
การใช้โมเดลแบบ Asset-Light ช่วยให้บริษัทมีความคล่องตัว และสามารถปรับขนาดองค์กรได้ไว ตามสถานการณ์ที่ผันผวนได้
ยกตัวอย่างในช่วงที่เศรษฐกิจเป็นขาขึ้น หากต้องการขยายธุรกิจ ก็สามารถทำได้ง่าย เช่น เช่าโกดังสำเร็จรูปเพิ่ม ซึ่งใช้เงินลงทุนและเวลาไม่มาก เมื่อเทียบกับการเริ่มต้นสร้างโรงงาน, โกดัง หรือสาขาใหม่ ตั้งแต่ศูนย์
ในทางตรงกันข้าม หากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งทำให้รายได้ลดลง บริษัทก็สามารถตัดลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้ง่ายกว่า เช่น ยกเลิกสัญญาเช่า
เปรียบเทียบกับการมีสินทรัพย์ถาวร ที่ยังมีค่าใช้จ่ายคงที่ เช่น ค่าเสื่อมราคา หรือภาระดอกเบี้ยจากการกู้มาลงทุน
3. ง่ายต่อการบริหาร ทำให้สามารถโฟกัสเฉพาะธุรกิจหลักของบริษัทได้ดีกว่า
ประโยคที่ว่า “Put the right man on the right job” ถึงแม้จะหมายถึงบุคคล แต่ก็สามารถนำไปใช้กับบริษัทได้เช่นกัน
เพราะในบางครั้ง การที่บริษัทเลือกทำในสิ่งที่ถนัด และเป็นแกนหลักของธุรกิจ แล้วให้บริษัทอื่นที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มาทำงานด้านอื่น ๆ แทน ย่อมจะทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีกว่า
อย่างเช่น Marriott เชนโรงแรมลักชัวรี ที่เคยเน้นลงทุนสร้างโรงแรมเอง ก็เปลี่ยนโมเดลธุรกิจไปเป็น การขยายแบรนด์โดยให้พาร์ตเนอร์ที่มีโรงแรมเป็นของตัวเองอยู่แล้ว นำแบรนด์ Marriott ไปใช้ และ Marriott จะเป็นผู้บริหารจัดการโรงแรมให้
ซึ่งตัว Marriott เอง นอกจากจะไม่ต้องลงทุนจำนวนมากในการสร้างโรงแรมใหม่แล้ว ยังสามารถโฟกัสกับการพัฒนาระบบการจัดการ, การตลาด, การบริการ และระบบ Loyalty Program ได้ดีขึ้นด้วย
สรุปแล้ว แม้ว่าอีกมุมหนึ่ง โมเดล Asset-Light จะทำให้บริษัทไม่ได้รับผลกำไรอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะต้องเสียส่วนแบ่งให้กับบริษัทที่เป็นคู่ค้าด้วย
แต่เมื่อตัวของบริษัทเบาลง ก็ทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และมีความคล่องตัวในการปรับขนาดองค์กร สามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ผันผวนอย่างมากในปัจจุบันได้อย่างดี..
ใครอยากมีความรู้เรื่องตลาดหุ้น ลงทุนแมนแนะนำ หนังสือ BLACK SWAN เล่มนี้ ราคา 380 บาท ที่เล่าถึงความล้มเหลวก่อนที่จะสำเร็จของนักลงทุนในตำนาน 12 คน สามารถสั่งซื้อ ได้ที่
- 18
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
