9 พ.ค. 2023 เวลา 11:25 • ท่องเที่ยว

ดาร์จีลิ่ง .. เมือง ราชินีแห่งภูเขา

ดาร์จิลิ่ง (Darjeeling) .. ตั้งอยู่ชายขอบของเทือกเขาหิมาลัยด้านตะวันออก บนความสูง 2,134 ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ล้วนมีแต่ภูเขา
… การเดินทางบนถนนทุกสายจึงมีแต่การไต่ลัดเลาะโค้งคดที่อยู่ตามคลื่นดอย และถนนเหล่านี้กว้างเพียงแค่ให้รถขนาดกลางวิ่งสวนกันได้เท่านั้น .. รถโค้ชท่องเที่ยวขนาดใหญ่แบบที่เราเห็นเจนตา หาไม่ได้ในการท่องเที่ยวสิกขิมค่ะ
.. ในอดีตเมื่อครั้งอินเดียตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษ ชาวอังกฤษได้เข้ามาพัฒนาให้เมืองนี้เป็นเมืองที่พักตากอากาศบนภูเขาที่สวยงาม จนได้ชื่อว่า เป็นเมือง “ราชินีแห่งภูเขา” .. โดยมีเกร็ดเรื่องราวที่น่าสนใจคือ .. เดิมดาร์จิลิ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัฐสิกขิม แต่กษัตริย์แห่งสิกขิมได้มอบดาร์จิลิ่งให้กับอังกฤษเพื่อเป็นการตอบแทนที่อังกฤษได้ช่วยทำสงครามยึดเอาดินแดนบางส่วนคืนมาจากเนปาล
เราเดินทางเข้าใกล้ เมืองดาร์จิลิ่ง .. ความเป็นตัวเมืองเด่นชัดขึ้น เห็นได้จากความหนาแน่นของอาคารริมทาง ผู้คน และรถราที่ขวักไขว่ แสดงความเป็นเมืองใหญ่ท่ามกลางขุนเขา
เมืองดาร์จีลิ่ง (Darjeeling) เป็นเมืองที่ชาวอังกฤษขึ้นมาสร้างไว้เป็นเมืองตากอากาศบนยอดเขาสูง สามารถมองเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้ทุกที่ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของเมือง ในเมืองอากาศเย็นสบายทั้งปีเป็นเมืองพักร้อน ก่อนกัลกัตตาเป็นเมืองหลวง
จากการสังเกต .. เมืองดาร์จิลิ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
.. ตัวเมืองด้านบน ซึ่งเป็นอาคารแบบยุโรป ซึ่งเคยเป็นถิ่นที่พักอาศัยของชาวยุโรปสมัยอาณานิคม มีจัตุรัสที่ได้ชื่อว่า The World Famous Romantic Mall ที่มีทั้งห้างสรรพสินค้า มีวิวสวยๆที่สามารถมองออกไปกว้างไกล และอาจจะเห็นเทือกเขาหิมาลัยในขณะเดินไปด้วย
.. เสียดายที่เรามีเวลาไม่พอที่จะเดินชมให้ทั่ว จึงไม่มีภาพของ Observation Hall .. St. Andreew Cathedral ปและอีกหลายสถานที่มาให้ชม
.. ตัวเมืองด้านล่างมีลักษณะของบ้านเรือนที่สร้างลดหลั่นตามสโลปของภูเขา มองดูเหมือนวิวสวยๆในหลายเมืองชายฝั่งทะเลของยุโรป ต่างกันแค่ที่ดาร์จิลิ่งไม่มีทะเล แต่เป็นหุบเขาแทน และเป็นพื้นที่ในการทำมาค้าขาย เป็นตลาดของชาวเมืองที่คึกคัก มีชีวิตชีวามากมาย
.. ฉันชอบเดินเตร็ดเตร่ตามร้านขายของข้างทาง พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่นุ่งห่มเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด วางเรียงสินค้าทั้งของใช้
ของกินคาวหวานที่ปรุงสดๆเดี๋ยวนั้นเลย เราจึงเห็นชาย-หญิง ยืนสั่ง ยืนกินกันอย่างสนุกสนาน จนอยากจะเข้าไปร่วมวง
.. ผักและผลไม้สด มีให้เลือกซื้อมากมาย
การมาอินเดีย อาจจะทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยสะดวกสบายในบางครั้ง แต่สิ่งที่ได้รับรู้ได้ก็คือ ความแตกต่างกันของคนในสังคม เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตของชาวอินเดียที่เรียกว่า “ทุกแบบ” จริงๆ
สายสัมผัสแรกต่อผู้คนส่วนใหญ่ของเมืองนี้ดูเป็นมิตร เปิดเผย .. ใช้ชีวิตประจำวันเรียบง่าย มีรอยยิ้มทักทายผู้มาเยือนอย่างเปี่ยมไมตรีจิต
รถไฟของเล่นในดวงใจ Toy Train
สถานีรถไฟแห่งนี้มีชื่อเต็มๆว่า Darjeeling Himalayan Railway ทางรถไฟสายดาร์จีลิ่งหิมาลัย สร้างในปี ค.ศ. 1879-1881 .. เป็นรถไฟขนาดเล็กที่มีรางขนาดแค่ 2 ฟุต (610 มิลลิเมตร) ลากด้วยหัวรถจักรไอน้ำ จึงเป็นที่รู้จักในนาม รถไฟของเล่น (Toy Train)
ในช่วงราวหนึ่งร้อยห้าสิบปีที่แล้ว .. ดาร์จีลิ่งถือเป็นเมืองสำคัญทางการค้าโดยเฉพาะการติดต่อทำการค้ากับทิเบต และด้วยเหตุผลนี้เองส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรบนเส้นทางระหว่างเมืองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ .. จนในที่สุดอังกฤษตัดสินใจสร้างทางรถไฟเชื่อมเส้นทางระหว่างโกลกาตาและดาร์จีลิงขึ้น
.. เดิมรถไฟขบวนนี้เคยให้บริการ ด้วยการเดินรถจากสถานีชุมทางนิวชัลปาอิคุฬี (New Jalpaiguri) ในเมืองศิลิคุฬี (Siliguri) กับเมืองดาร์จีลิง (Darjeeling) ในรัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย .. ก่อสร้างช่วงปี พ.ศ. 2422–2424 ระยะทาง 78 กิโลเมตร บนระดับความสูงชั้นต่าง ๆ ตั้งแต่สถานีชุมทางนิวชัลปาอิคุฬีที่มีความสูง 100 เมตรจากระดับน้ำทะเล ไปจนถึงสถานีดาร์จีลิงที่มีความสูง 2,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล
.. ขบวนรถจึงมีขนาดเล็กเพื่อความเหมาะสมแก่การเดินทางที่คดเคี้ยวบนเทือกเขาหิมาลัย
ช่วงแรกๆ ผู้โดยสารต้องใช้เวลาในการเดินทางยาวนานถึงเกือบสองอาทิตย์ กระทั่งมีการพัฒนาเส้นทางต่อมาเรื่อยๆ ... จนปัจจุบัน The Darjeeling Himalayan Railway [DHR] เปิดให้บริการรถไฟหัวจักรไอน้ำด้วยสามเส้นทางหลัก ที่ให้ความรู้สึกที่ต่างกัน
.. เส้นทางแรกคือจากสถานีดาร์จีลิงไปสถานีกุม (Ghum) ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่มีความสูงเป็นอันดับสองของโลก ใช้เวลาเดินทางไปกลับแค่สองชั่วโมง นอกจากสถานีกุมจะมีพิพิธภัณฑ์บอกเล่าความเป็นมาของรถไฟหัวจักรไอน้ำและความยากลำบากของการขยายเส้นทางในอดีต
เส้นทางต่อมาคือจากสถานี New Jalpaiguri ซึ่งตั้งอยู่ตรงตีนเขาของหิมาลัย เดินทางขึ้นไปสู่ความสูงระดับเหนือน้ำทะเลราว 2,200 เมตรของเมืองดาร์จีลิงด้วยระยะทาง 88 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางแปดชั่วโมง(เฉพาะขาไป) โดยเส้นทางนี้น่าจะเหมาะกับคนมีเวลาเที่ยวแบบไปเรื่อยๆ
ส่วนเส้นทางสุดท้ายคือเส้นทางไปกลับระหว่าง Siliguri Junction และสถานี Rangtong ซึ่งความน่าสนใจของเส้นทางนี้กับการใช้เวลาเดินทางไปกลับเพียงแค่สามชั่วโมงคือการที่รถไฟวิ่งผ่านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า Mahananda อันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณ เป็นแหล่งดูนกที่สำคัญ รวมทั้งในช่วงหน้ามรสุมของทุกปี กลุ่มช้างอพยพจากเนปาล รัฐอัสสัม และรัฐเบงกอลตะวันตกของอินเดียจะเดินทางมารวมตัวกันอยู่ที่บริเวณแม่น้ำทางด้านล่างของป่า
ในยุคหนึ่งหลังการประกาศอิสรภาพของอินเดีย รัฐบาลอินเดียเคยมีความคิดที่จะเลิกใช้รถไฟหัวจักรไอน้ำขบวนนี้เพราะตัวรถไฟเองมีสภาพทรุดโทรมและไม่ได้ทำกำไรให้กับประเทศ
… แต่รัฐบาลอังกฤษเข้ามาเจรจาโดยให้งบประมาณส่วนหนึ่งกับอินเดียเพื่อต่อชีวิต Toy Train จึงทำให้ทุกวันนี้เรายังมีโอกาสได้เห็นรถไฟของเล่นชนิดนี้วิ่งอยู่บนรางที่มีขนาดหน้ากว้างเพียงแค่สองฟุต นับเป็นอันซีนอย่างหนึ่งของดาร์จิลิ่ง
ทางรถไฟสายดาร์จีลิงหิมาลัยเดินรถโดยใช้รถจักรไอน้ำดีเอ็ชอาร์ บีคลาส (DHR B Class) ซึ่งถูกใช้งานมาตั้งแต่ยุคอาณานิคม แต่ก็ยังให้บริการโดยใช้มีหัวรถจักรดีเซลด้วย
ทางรถไฟสายดาร์จีลิงหิมาลัยได้รับเกียรติจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในนามทางรถไฟภูเขาของประเทศอินเดีย (Mountain Railways of India) เมื่อ พ.ศ. 2542 ร่วมกับทางรถไฟสายภูเขานีลคิรี (Nilgiri Mountain Railway) และทางรถไฟสายกาลกา-ศิมลา (Kalka–Shimla Railway) ส่วนทางรถไฟสายเขามาเถราน (Matheran Hill Railway) อยู่ในบัญชีเบื้องต้นของมรดกโลก
ที่พักของเราอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟแห่งนี้มากๆ แค่ก้าวออกจากล๊อปบี้ก็เจอรถไฟเด็กเล่นขบวนนี้จอดรออยู่ตลอดเวลา .. เราจึงไม่รอช้าที่จะออกเดินสำรวจรอบๆพื้นที่ และเก็บภาพที่ผ่านเข้ามาอย่างกระตือรือร้น
รูปลักษณ์ของสถานีเมื่อมองจากที่พักของเรา .. เหมือนสถานีเติมน้ำมันแห่งหนึ่งของบ้านเรา
.. รถไฟน่ารักๆ ใครๆก็ต้องการมีภาพคู่ไว้เป็นที่ระลึกกันทุกคน
.. ขออีกรูป
.. ด้านในของสถานี ด้านหนึ่งมีกระจกสีๆประดับ ได้กลิ่นอายของอัจฉริยะเรื่องสีของคนอินเดียเลยค่ะ
.. ที่จอดรถไฟด้านข้างสถานี
.. หัวรถจักรไอน้ำ ที่ส่งเสียงวู๊ๆๆๆ ให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง
.. มุมมหาชน .. เหมือนจัดเป็นพร๊อพสีสันสะดุดตา ดึงดูดให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแวะเวียนเข้ามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
สถานีบาตาเซียลูป (Batasia Loop) .. เป็นสถานีซึ่งรางรถไฟสร้างขึ้นใหม่ให้มีลักษณะเป็นวง
ใช้เป็นที่เลี้ยวกลับรถของรถไฟที่มาจาก สถานีดาร์จีลิ่ง
มีลักษณะที่สวยงาม อยู่ในชัยภูมิบนเขาสูงที่สามารถมองเห็นทิวทัศฯด้านล่างได้สวยงาม
War Memorial .. สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1994 ในบริเวณ บาตาเซียลูป (Batasia Loop) เป็นอนุสาวรีย์ที่มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม สูง 30 ฟุต เพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารชาวดาร์จิลิ่งที่เสียชีวิตในสงคราม .. รอบๆตกแต่งด้วยดอกไม้นานาชนิด และมีกล้องส่องทางไกลชมเมืองดาร์จิลิ่งด้วย
Ref: ขอบคุณเนื้อความบางส่วนจาก Wikipedia และ
เมืองแห่งชา Darjeering .. เมืองนี้เป็นแหล่งปลูกชาที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยความที่อินเดียอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษมาอย่างยาวนาน การชงชา ดื่มชา รวมถึงการปลูกชาก็มาจากการถ่ายเทวัฒนธรรมนี้มาด้วย เราได้เห็นวิธีการปลูกชา ชงชาและ ประเภทของชาต่างๆ
.. ชาดำ ชาเขียว ชาขาว มาจากยอดอ่อนที่มีความแก่อ่อนที่ต่างกัน แต่มาจากต้นพันธ์ต้นเดียวกัน .. เป็นเรื่องที่เราเพิ่งจะรู้
แหล่งปลูกชาที่นี่ดีจนได้รับการยกย่องว่าเป็นแชมเปญช์แห่งชา เนื่องจากรสชาติของชามีกลิ่นหอมและรสชาติอ่อนนุ่ม พร้อมทั้งมีรสชาติคล้ายกับเหล้าองุ่นแบบเจือจางอยู่ด้วย ชาดาร์จีลิ่งจึงเป็นชาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับดื่มระหว่างอาหารค่ำ หรือการดื่มชาช่วงบ่าย
โฆษณา