10 พ.ค. 2023 เวลา 13:22 • ความคิดเห็น
ชีวิตของคนเรา ปกติเราก็ใช้กายวาจาใจ เคลื่อนที่ไป วิญญาณทั้งหกก็เคลื่อนที่ไปตามกาย ใครล่ะเป็นผู้ที่สั่งกายให้เคลื่อนไหว เคลื่อนที่ไป .เสาะแสวงหาปัจจัย ..หากินอาหารหาที่กินที่นอน ไปมีอารมณ์เกืด ไม่ชอบใจไม่พอใจ มีกิริยากายวาจาใจเกิดขึ้นด้วยอารมณ์นานาชนิด ใครเป็นผู้สั่งกาย ให้ไป ..ไปเที่ยว สถานที่นั้นที่ เล่นไพ่ การพนัน กินเหล้าเมายา ใครเป็นผู้สั่ง ให้เคลื่อนที่ เพราะมีอารมณ์เกิดขึ้นโมโหโกรธ ทิฐิไม่ยอม มันว่าเราทำไม่ ต้องไปเอาคืน ..ใครเป็นผู้สั่งให้กระทำ ..มันเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ ..
คราวนี้ ..เมื่อเรารู้ว่า จิตของเรานั่นมันเป็นทาสของอารมณ์ที่พาไปสร้างกรรม มีอารมณ์นึกคิด ..มันเคยหยุดคิดบ้างมั้ย โมโหโกรธไม่พอใจ หยุดได้มั้ย หิวกระหาย ..หยุดบ้างได้มั้ย ..นั่นก็เป็นเรื่องที่เค้าเรียกว่า อารมณ์โลภโกรธหลง ห้อมล้อมจิตอยู่ จิตไม่มีทางหยุดอารมณ์นึกคิดนั้นไปได้เลย มันวนเวียนเหมือนเดินอยู่ในเขาวงกต
เมื่อหยุดอารมณ์ไม่ได้ พระท่านก็บอกว่ามาทางนี้ กวักเรียกมา เดินตามรอยของพระ รอยที่หลีกหนีเวรกรรม ยืน เดิน นั่ง นอน ..ไม่ต้องนึกคิดอะไรเลย นึกคิดเมื่อไหร่ นั่นก็คืออารมณ์ มาเดินมานั่ง นิ่งๆ ทำกายให้นิ่ง เดินสำรวมกาย นิ่งๆ ตาไม่ต้องเหลือบมองซ้ายขวาอะไรทั้งนั่น
เมื่อทำกายนิ่งๆ จิตนิ่ง ไม่มีอารมณ์ อารมณ์เกิดขึ้น นึกคิดเกิดขึ้นมาก็ ภาวนาพุทโธ เพื่อดึงจิตให้ไม่ไปยึดถืออารมณ์ เพื่อที่จะหยุดยั้ง อารมณ์นึกคิด ..มานั่งนิ่ง ทำกายนิ่ง จิตเฉย ประคับประคองจิต..ไม่มีอารมณ์นึกคิดอะไร .แล้วมันจะเกิด กายวาจาใจ..ที่เป็นกรรมเกิดขึ้นมั้ย
เมื่อเราฝึกหัด ทำกายมันนิ่ง จิตมันนิ่งได้ สำรวจตรวจสอบตัวเอง ว่านิ่งจริงหรือไม่ มันจะมีอะไร เกิดขึ้นก็นิ่ง ไม่ต้องไปนึกคิดพิจารณาอะไร กายมันนิ่งเป็นเสาเป็นหิน มีสติสัมปชัญญะ รู้สึกตัว ว่านิ่ง..กายนิ่ง จิตนิ่ง หากไม่รู้สึกตัว ก็แสดงว่า ขาดสติสัมปชัญญะ..จิตขาดสติ ..เป็นสติของจิต..ไม่ใช่สติตามอารมณ์นึกคิด ..สติที่รู้สึกตัว สำรวจตรวจสอบตัวเอง ไม่นึกคิดอะไรเลย ..
1
ท่านก็แนะนำว่าเป็นแบบนั้น จิตมันก็นิ่งไปตามกาย .เราก็เพียรทำอยู่แค่นี้ ..เมื่อกายนิ่งได้ จิตนิ่งได้ ก็จะมีสิ่งหนึ่ง ส่องเข้ามาที่จิต .ช่วยคลี่คลาย กรรม สีดำๆ สีม่วง สีเวรกรรมนั่นออกไป อะไรเกิดขึ้นก็นิ่ง รักษากายนิ่งๆ จิตเฉยๆ …เราทำจิตเฉยๆ ได้หรือไม่ ..เมื่อไม่ได้ .เผลอสติ ..อารมณ์ก็สอดแทรก ..เค้าเรียกว่า พ่ายทัพอับจนปัญญา ..เสียทีต่ออารมณ์เสียแล้ว
เมื่อเดินในกิริยาของพระรักษากายนิ่งจิตนิ่ง..ไปเรื่อยๆ ..เราก็จะได้อานิสงส์ของการฝึกหัดมากมาย เรื่องของธรรมสอนจิต ก็มี ธรรมที่เป็นมายาก็มื แต่ทั้งนี้ ก็ต้องไม่ไปยึดถือ..มันจะเกิดทิฐิอะไรมาก ก็คืออารมณ์สอดแทรกเข้ามาให้หลงใหล เห็นตัวเองดีแล้ว .หลงดี ..ก็เสียคน
รอยทั้งสี่ขององค์พระสิทธัตถะ นั่นยากนัก ที่มาเดินในรอยนี้ เพราะเป็นรอยของผู้ที่ มีบุญกุศลบารมี เพื่อเดินตามพระ ..เดินหนีเวรกรรม .ไปจนถึงเรื่องราวที่จะหลุดพ้น จากอารมณ์กรรม ..รอยที่จะสลัด ละอารมณ์กรรมออกไปจากจิต .กรรมที่อยู่กับธาตุทั้งสี่ ..รอยนี้มีใตรบ้างหนอ จะมาเดินตามรอยพระตถาคต..ที่จะเกิดปัญญาธรรมเกิดขึ้น..
..รอยทั้งสี่กิริยาของผู้มีธรรมนี้เชื้อเชิญผู้ที่มีสติปัญญา..มาศึกษา ..แล้วก็จะรู้จักรอยนี้สูงส่งอย่างไร ที่จะช่วยเหลือจิตของตน ..จะรู้จักได้ด้วยจิตที่อาศัยเรือนกายบิดามารดานำมากระทำ ..รู้จากจิต ..ไม่ใช่รู้จากกาย คือ เอาตากับหูฟังจดจำเป็นสัญญาจำ .เป็นอัตตา..ยึดในสิ่งที่จดจำมา ..
เรื่องของการประพฤติปฏิบัติธรรม เราดูรอยของพระสิทธัตถะ เป็นรอยของผู้ที่มีบารมีเต็มที่ท่านเกิดมาชำระสะสาง เป็นชาติสุดท้าย ยุติการเกิด เราก็ขอเอารอยนี้มาฝึกหัดเล็กน้อย สะสมนิสัยเดินตามรอยของพระให้กับจิตของเราเอง ..เกิดมาชาติไหน ก็ขอให้เป็นมนุษย์ครบอาการสามสิบสอง ให้พบศาสนา สะกิดจิตให้เดินตามรอยของท่าน เพื่อหนีเวรกรรม..
1
การประพฤติปฏิบัติธรรมตามรอยองค์พระสิทธัตถะ ต้องหมั่นตรวจสอบตัวเอง ต้องอ่อนน้อมถมตน ไม่เห็นว่าตัวเองดีแล้ว ไม่อวดเก่งอวดดีอะไรกับใคร ..แต่เราก็บอกเค้าได้ว่า คนที่เค้าทำดีๆ เค้าทำแบบนี้ แค่บอกเท่านั้น ใครจะทำหรือไม่ทำ มันก็เรื่องของเค้า เราแค่บอก..ไม่ใช่ผู้สังสอน ..หรือ สอนธรรมกับใคร
1
โฆษณา