ฝรั่งนิวซีแลนด์??
ไม่รู้ว่าเป็นกันทุกคนรึเปล่า ตอนเด็กผมโตมากับฝรั่งแบบอเมริกัน ทุกอย่างที่ผมพบเห็นในหนังหรือทีวี ผมก็จะเจอแต่วัฒนธรรมของฝรั่งแบบอเมริกัน และในหัวของผมก็เหมารวมไปแล้วว่า ฝรั่งต้องเป็นแบบนี้ ต้องคิด แบบนี้ แสดงออกแบบนี้ แต่นั่นก็คือฝรั่งแค่มุมหนึ่งของโลกเท่านั้น
การมาใช้อยู่นิวซีแลนด์ทำมุมมองเรื่องฝรั่งของผมเปลี่ยนไป ฝรั่งที่นิวซีแลนด์ไม่เหมือนกับในทีวีเลย คนที่นี่มีน้ำใจ อัธยาศัยดี ดีจนบางครั้ง ทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นคนหยาบคายไปเลย ผมมักจะเรียก ฝรั่งชาวนิวซีแลนด์ว่า "ฝรั่งปลอม"
ฝรั่งเป็นคนมีน้ำใจ
ช่วงที่ไปอยู่แรกๆ ด้วยความห้าวหาญ อยากปั่นจักรยานไปโรงเรียน ก็ได้ไปจัดหาจักรยานมา 1 คัน ในวันแรกของการปั่น ขาไปทุกอย่างก็ราบรื่นดี ถึงโรงเรียนโดนสวัสดิภาพ มีช่วงลำบากนิดหน่อยตอนที่ทางเป็นเนินขึ้น
ตัดภาพมาตอนขากลับ ปั่นออกมาจากโรงเรียนยังไม่ถึงครึ่งทาง ระหว่างที่กำลังชื่นชมบรรยากาศริมแม่น้ำ โซจักรยานก็ดันหลุด เราก็พยามจะแก้ไขด้วยตนเอง แต่ว่ามันใช้เวลาสักพักเลย ระหว่างการซ่อมแชมนั้น ก็ได้มีฝรั่งจำนวนมาก เข้ามาแสดงความเป็นห่วงบาง มาช่วยซ่อมบ้าง มาอาสาว่าจะไปส่งที่บ้านบ้าง ซึ่งสร้างความงง และประทับใจอยู่มาก ไม่คิดว่าจะได้รับความสนใจมากมายขนาดนี้
ฝรั่งชอบทักทายพูดคุย
ด้วยความที่เป็นคนกรุงเทพฯ การทักทายผู้คนทั่วไปตามท้องถนนนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก เพราะทุกคนต่างเร่งรีบ มีธุระของตัวเองมากมาย ไม่มีเวลามาสนใจคนอื่น แต่ถ้าเป็นที่นิวซีแลนด์แล้วนั้น การที่เราเดินผ่านกันตามท้องถนน แล้ว say hi นั้น เป็นเรื่องปกติมากๆ แม้ว่าเราจะไม่รู้จักกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอยู่ต่างจังหวัด ตอนแรกๆ ผมไม่ชินและออกจะตกใจด้วยซ้ำที่มีคนมาทัก ไม่ทักเค้าตอบ เสียมรรยาทไปหลายครั้ง พออยู่ไปอยู่มา ก็ชิน จนบางครั้งก็เอ่ยปากทักทายเค้าก่อน
เรื่องการทักทายพูดคุยนี้ ก็รวมมาถึงเวลาที่อยู่ในโรงเรียนด้วย ด้วยความที่ห้องพักที่โรงเรียนต้องขึ้นลิฟไปถึงชั้น 7 ดังนั้นมีโอกาสมากมายที่เราจะต้องขึ้นลิฟพร้อมฝรั่ง ถ้าขึ้น 3 คนขึ้นไป ก็ถือว่าปลอดภัย เพราะฝรั่งก็จะคุยกันเอง เราจะไม่โดนชวนคุยแน่ๆ
แต่ถ้าขึ้นลิฟกันแค่ 2 คนนั่น ชีวิตเริ่มลำบาก ยังไงก็ต้องโดนชวนคุยแน่ๆ เพราะฝรั่งถือว่า ความเงียบเป็นเรื่องไม่สุภาพ ดังนั้นเราก็เตรียมตัวได้เลย เคยไปอ่านเจอว่า ฝรั่งอังกฤษนี่ชอบบ่นเรื่องดินฟ้าอากาศ เลยลองเอามาใช่กับฝรั่งนิวซีแลนด์ดูบ้าง ก็ได้ผลดีทีเดียว เราไม่เจื่อนและฝรั่งก็ไม่เจื่อน
หลักการคือเราต้องชิงบ่นก่อนเลยว่า วันนี้ร้อนมาก ฝนตก หรืออะไรก็ว่าไป แล้วฝรั่งก็จะพูดบ่นๆ ในเรื่องเดียวกับ จนถึงชั้น 7 เราก็ออกมาจาลิฟพอดี จบการสนทนา แต่ถ้าเป็นวันจันทร์ คำถามที่ต้องมีคือ เสาร์ อาทิตย์ไปไหนมา ทำอะไร เราก็เตรียมคำตอบไว้ได้เลย ส่วนวันศุกร์นั้น คำถามก็จะคล้ายๆ วันจันทร์ แต่จะเปลี่ยนไปว่า จะไปทำอะไรวันเสาร์ อาทิตย์ หรือถ้าเราพูดเร็วพูดเก่ง พูดชนะ ก็ชิงถามก่อนได้ ประชากรเหล่านี้จะพูดเยอะ จนหมดเวลาที่เราอยู่ในลิฟด้วยกันพอดี
ลิฟที่ขึ้นไปห้องพักบางครั้งก็มีวัวมาขึ้นด้วยบ้าง
ฝรั่งใส่ใจคนรอบข้าง
เพื่อนๆและคุณครูฝรั่งแม้ว่าจะไม่เข้าใจภาษาไทย ก็มีความใส่ใจเราอย่างมาก เวลาเราโพสอะไรในเฟสบุ๊ค แม้ว่าจะโพสเป็นภาษาไทย เพื่อนๆและคุณครูก็จะนำประโยคเหล่านั้นไปแปลไป Google translate เพื่อจะได้เข้าใจเรามากขึ้น และถ้า Google แปลไม่ดี อ่านแล้วไม่เข้าใจนั้นเพื่อนก็จะปรี่เข้ามาถามอย่างไม่ลังเล ว่า เธอโพสว่าอะไร อ่านไม่เข้าใจ ก็คือเราไม่สามารถโพส ด่าฝรั่ง เหล่านี้ได้ เพราะทุกคนใส่ใจเราจริงๆ
ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมบอกเลยว่า งง (เดี๋ยวจะมาเล่าเพิ่มอีก) ไม่รู้เป็นเพราะว่าผมโตกับการที่ดูหนังฮอลิวู้ดมาตลอดวัยเด็กรึเปล่า เลยเห็นภาพจำมาว่า สังคมของฝรั่งจะเป็นสังคมที่ไม่มีความใส่ใจกัน คนในท้องถนนไม่มีใครสนใจใคร ทุกคนต้องไม่พูดคุย หรือจริงๆก่อนหน้านี้ผมไม่เคยสัมผัสสังคมของฝรั่งจริงจังๆ ได้เจอแค่ผิวเผินเวลาไปเที่ยวก็ไม่รู้
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
